โชต้า ไม่กลัวบาป ! หงส์ เปิดบ้าน กระซวกนักบุญไส้แตก 4-0
โหดเหี้ยม ดุดัน กระซวกไส้ดีนักแล นี่คือฟอร์มการเล่นของทีมเครื่องจักรสีแดงผู้อหังการเมือคืน โดยเกมพรีเมียร์ลีกสัปดาห์ที่ 13 ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มโหดอย่างต่อเนื่องหลังเปิดบ้านแอนฟิลด์ ถล่มยับ ผู้มาเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน แบบหาทางกลับบ้านไม่ถูก4-0
เกมดูง่ายดายซะเหลือเกินสำหรับ การกระทำชำเรา ทีมนักบุญ แต่นั้นก็เป็นเพราะด้วยคุณภาพที่สูงส่ง รวมถึง สไตล์การเล่นแบบ เฮฟวี่ เมทัล ฟุตบอล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่บดบี้ผู้มาเยือนแบบไม่เหลือซาก
ดิโอโก้ โชต้า ได้รับโอกาสออกสตาร์ทแทน (อีกครั้ง) โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่มีอาการเดี้ยงอยู่ เกมอีกหนึ่งนัดเมื่อคืน ก็เป็นวันที่แข้งชาวโปรตุเกสรายนี้ โชว์ฟอร์มได้ระเบิดระเบ้ออีกครั้ง โชต้า ใช้เวลาเพียงแค่ 97 วินาที ในการเบิกสกอร์แรกของเกม
ก่อนที่จะมาซัดอีก1ตุง อีก30นาทีให้หลัง ประตูของ 2-0 ของ โชต้า แทบจะทำให้ เซาธ์แฮมป์ตัน หมดหนทางที่จะมีแต้มกลับออกไปจากแอนฟิลด์ได้เลย เพราะทีมดังแดนใต้ เป็นรองสุดกู่ทั้ง ในเรื่องของสกอร์ และรูปแบบการเล่นในสนาม
เกมนี้ แม้ ซาดิโอ มาเน่ -โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่มันก็ไม่ใช่นัดที่เลวร้ายของสตาร์ชาว เซเนกัล และ อียิปต์ รายนี้เลย " บังโม " ยังมีแอสซิสต์ มาฝากแฟนๆอีกด้วย รวมถึงลีลาการกระชากลากเลื้อยของเจ้าตัว ก็เล่นเอาแนวรับของนักบุญ อลหม่านพอสมควร
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ซีซั่นนี้ ฟอร์มไม่ดีทำได้ไม่เท่าตามมาตราฐานเดิมนัก รวมถึงยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บเป็นระยะๆ ทำให้ คอสตาส ซิมิคาส ได้โอกาสลงเล่นแทนบ่อยๆ แต่ทว่าเกมนี้ แบ็กเลือดนักสู้ชาวสก็อต แสดงให้เห็นถึงแรงกระหายมากๆ
โรเบิร์ตสัน ฟอร์มดีจัดๆในเกมกับนักบุญ วิ่งขึ้น-ลง ไม่มีหมด ถ้า ซาดิโอ มาเน่ ไม่ล้ำหน้า " ร็อบโบ้ " คงทำได้มากกว่า 1แอสซิสต์แน่ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นสัญญาณบอกว่า เจ้าตัวพร้อมแล้วสำหรับการกลับมายึดตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงยาวๆ
อีกคนที่ ไม่ให้พูดถึงไม่ได้ในช่วงนี้ก็คือ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ที่ซัดประตูได้เมื่อคืน และเป็นการยิงต่อเนื่องมาจากในเกม ยูซีแอล ที่เอาชนะ ปอร์โต้ 2-0 ลูกยิงของมิดฟิลด์ชาวสเปนรายนี้ แม้จะมีโชคช่วยบอลแฉลบ
แต่ก็ต้องชมเจ้าตัวด้วยที่หลอกกองหลังเซาธ์แฮมป์ตัน 1จังหวะ ก่อนซัดหายเข้าไป เมื่อสภาพร่างกายฟิตสมบูรณ์ ติอาโก้ ก็พร้อมแล้วสำหรับการระเบิดฟอร์มยาวๆ
ส่วนผู้แพ้เซาธ์แฮมป์ตัน ต้องบอกได้เลยว่า 90นาทีที่ แอนฟิลด์ ลูกทีมของ ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล สู้ไม่ได้ในทุกแง่มุม หรือเมื่อมีโอกาสได้เผด็จศึกแหย่รังหงส์แเดง
กองหน้าของพวกเขาก็ไม่มีความเฉียบคมมากพอทั้ง อดัม อาร์มสตรอง -อาร์มานโด โบรยา ยิ่งประจวบเหมาะกับเป็นวันที่บรรดาเหล่ากองหลังพวกเขาเล่นแย่เป็นบ่อน้ำมัน ผลลัพธ์90นาทีที่แอนฟิลด์ สภาพศพนักบุญจึงเละเป็นโจ๊กอย่างที่เห็น
โชต้า ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เป็นอาวุธที่หงส์แดงซื้อมาแรกๆ แล้วเต็มไปด้วยข้อสงสัยจริงๆกับนักเตะที่ไม่ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ราวๆ 41-45ล้านปอนด์ แต่ผลงานทุกอย่างที่ ดิโอโก้ โชต้า แสดงออกมามันก็ประจักษ์แก่สายตาแล้ว
อาการบาดเจ็บของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ทำให้ โชต้า ได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง เกมกับทีมนักบุญเมื่อคืน โชต้า ใช้เวลาเพียงแค่ 97วินาที ในการปลดล็อกประตูแรกให้กับลิเวอร์พูล กับการเข้าชาร์ตลูกเปิดของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
หลังจากนั้น การอยู่ถูกที่ ถูกเวลา ถูกตำแหน่งของแข้งแดนฝอยทองรายนี้ ก็ทำให้เจ้าตัวเบิกประตูที่2ได้ในอีก 30นาทีให้หลัง จากการเข้าแทป-อิน ลูกตวัดเรียดเข้ามาของ โม ซาลาห์
สิ่งที่สตาร์แดนฝอยทองทำได้ดีตลอดนับตั้งแต่ย้ายมายังถิ่น แอนฟิลด์นั่นก็คือ การเล่นที่คาดเดาได้ยาก โชต้า มักจะไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเสมอ มิหนำซ้ำยังยืนสูงกว่า มาเน่ และ ซาลาห์ อีกด้วย นอกจากจะหาช่องในเขตโทษได้ดีแล้ว
โชต้า ยังสามารถลงมาล้วงบอลต่ำได้เองเวลาที่ทีมต้องการเพลย์การเล่นลักษณะดังกล่าว ความปราดเปรียว ความแข็งแกร่ง นี่คือสิ่งที่เล่นเอาแนวรับของนักบุญอย่าง แยน เบนาเร็ด ต้องเจอกับค่ำคืนที่ฝันร้ายสุดๆ เมื่อกลายเป็นบ่อน้ำมันในครึ่งแรก กองหลังชาวโปแลนด์รายนี้ จึงถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ ออกสตาร์ท 45นาทีหลังเลย
เมื่อคืนน่าเสียดายที่ โชต้า กดแฮตทริก ไม่ได้ เพราะมีโอกาสยิงถึง7ครั้ง ส่วนสถิติอื่นๆของดาวเตะวัย24ปีรายนี้ ก็ยอดเยี่ยมไม่เบาทั้ง สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 12ครั้ง - ชนะการดวล8ครั้ง - เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 3หน
7ประตู 1แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ จากการลงเล่น12นัด ไม่เลวเลยใช่ไหมสำหรับ ดิโอโก้ โชต้า
ร็อบโบ้ เต็มไปด้วยแรงกระหาย
ถือว่าเป็นช่วงต้นซีซั่นที่น่าผิดหวังเหมือนกัน สำหรับแบ็กปอดเหล็กอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ทั้งในเรื่องของอาการบาดเจ็บ และ ฟอร์มการเล่นที่หล่นหายลงไป จนบางช่วงเป็น คอสตาส ซิมิคาส ได้โอกาสทำหน้าที่แทน
1แอสซิสต์ จาก8นัดในพรีเมียร์ลีกก่อนหน้า คงไม่ใช่สถิติที่คุ้นเคยสำหรับ แบ็กจอมบุกอย่าง โรเบิร์ตสัน เลย แต่ทว่าเกมกับนักบุญเมื่อคืนนั้นแตกต่างออกไป แรงกระหาย ความอยากพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง นี่คือปัจจุจัยที่ทำให้ โรเบิร์ตสัน กลับมาเป็นคนที่แฟนบอลหงส์แดงคุ้นเคย
ร็อบโบ้ ใช้เวลาเพียงแค่ 97 วินาที ในการถวายพานให้ โชต้า เผด็จศึก จังหวะเพลย์นี้นอกจากจะชม มาเน่ ที่จ่ายอย่างสุดเฉียบแล้ว ก็ต้องชื่นชม โรเบิร์ตสัน ด้วย ที่เข้าใจวิ่งไปถูกจุดนัดพบที่จ่ายบอลในช็อตดังกล่าว
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เกือบจะได้แอสซิสต์ที่2ด้วยซ้ำ จากลูกฟรีคิกที่เปิดให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้โขก แต่ทว่า "พี่ณเดชน์ " ล้ำหน้าไปก่อนนิดเดียว เมื่อคืน แบ็กแดนขี้เมารายนี้ สร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้เพื่อนมากที่สุดในสนามถึง 4ครั้ง ครอสบอลไป2หน
การสอดประสานเข้าขารู้ใจกันกับมาเน่ นี่คือคอมโบที่ทำเอาแนวรับนักบุญหัวหมุนตลอดทั้งเกม มิหนำซ้ำแบ็กขวาที่ฟอร์มเด่นของทีมนักบุญอย่าง วาเลนติโน่ ลิฟลาเมนโต้ ต้องเจอกับเกมที่ย่ำแย่ เพราะนอกจากจะเติมเกมรุกไม่ได้แล้ว ต้องมาเจอเกมบุกจาก โรเบิร์ตสัน จนทำอะไรไม่ถนัดก่อความผิดพลาด โงหัวไม่ขึ้นอีกด้วย
อลิสซง ไม่เคยเผลอแม้เกมขาดลอย แนวรับช่วยกันดี
ด้วยรูปเกมและสกอร์ที่ลิเวอร์พูล ถล่ม นักบุญไปอย่างถล่มทลาย แต่ไม่ใช่ว่า เซาธ์แฮมป์ตัน จะไม่มีโอกาสส่องตาข่ายลิเวอร์พูลเลย พวกเขามีจังหวะฉาบฉวยสวนกลับเจ็บๆได้เป็นระยะ แต่ทว่าก็โดนกองหลังหงส์แดงเคลียร์ได้จังหวะสุดท้าย หรือไม่ก็โดนปฎิเสธ ด้วยความยอดเยี่ยมของ อลิสซง
แม้รูปเกมจะนำห่างหรือสกอร์ที่ขาดลอย อลิสซง ไม่เคย เหม่อหรือประมาทเสียแม้แต่ลูกเดียวให้ผู้มาเยือนตีตื้นตีไข่แตกกลับเข้ามาสู่เกมได้ และนี่คืออีกหนึ่งนายด่านที่ออกมาปิดมุมดีสุดๆเวลาคู่แข่งได้หลุดมาดวลเดี่ยว
เกมนี่โกลชาวบราซิล มีจังหวะเซฟสวยๆให้เห็นทั้ง การออกมาบล็อกลูกหลุดเดี่ยวของ อาร์มานโด โบรยา ในขณะที่สกอร์นำอยู่แค่ 1-0 การปัดลูกยิงในเขตโทษของ อดัม อาร์มสตรอง ที่กำลังเสียบมุมเข้าไป การออกมาคว้าลูกเปิดลูกกลางอากาศที่คือสิ่งที่ "พี่หมี " ทำได้ดีไม่มีข้อผิดพลาดแบบในเกม เวสต์แฮม
การลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีก 12นัดในซีซั่นนี้ อลิสซง เก็บคลีนชีตไปได้ถึง 7นัดด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นก็ต้องชมแนวรับของลิเวอร์พูลด้วยที่ เล่นกันเป็นระบบอย่างดี โดยเฉพาะ เฟอร์จิล ฟาน ไดด์ ที่มาขวางจังหวะสุดท้ายๆอันตรายๆ ได้ถึง2หน
ส่วน อิบราฮิมา โกนาเต้ แม้จะไม่ใช่คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวจริง แต่ทุกๆครั้งที่ได้รับความไว้ใจส่งลงสนาม แนวรับชาวฝรั่งเศสรายนี้ก็ไม่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผิดหวังเลย ยกเว้นเกมนี้ที่เจ้าตัวมียืนหลุดตำแหน่งบ้าง แต่ทว่าอดีตกองหลังไลป์ซิกรายนี้ ยังเคลียร์บอลได้ถึง 5ครั้ง - ตัดบอลได้ 3หน
เมื่อภาพร่างกายพร้อม ติอาโก้ ก็เปรี้ยงอย่างที่เห็น
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ยังทำให้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า ไปไม่สุด ไม่เปรี้ยงกับลิเวอร์พูล นอกจากช่วงแรกๆที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษแล้ว อาการบาดเจ็บนี่คือสิ่งที่ทำให้กองกลางหมายเลข6รายนี้ โชว์ฟอร์มสม่ำเสมอไม่ได้ตลอด
แต่ทว่าซีซั่น 2021-2022 นี้ ก็มีสัญญาณที่ดีหลายอย่าง ว่า ห้องเครื่องชาวสเปน ถึงเวลาที่จะต้องปล่อยของกับหงส์แดงสักที โดยเกมแชมเปี้ยนส์ลีกกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ติอาโก้ พึ่งจะเบิกสกอร์แรกให้กับทีมในซีซั่นนี้ได้ จากลูกตะบันไกลสุดเฉียบปานลูกกระสุนใส่ เอฟซี ปอร์โต้
ติอาโก้ ได้ออกสตาร์ตัวจริง หนที่4ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ประสานงานกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และก็มาทำประตูแรกในลีกซีซั่นนี้ได้ แม้จะมีโชคเล็กน้อยเพราะลูกยิงของเจ้าตัวไปแฉลบผู้เล่นทีมเยือนเข้าไป
แต่ก็ต้องให้เครดิตเจ้าตัวด้วยที่ล็อกบอลจนหามุมยิงที่ถนัดถนี่ระยะทำการได้ แม้ในช่วงต้นเกมภาพรวมของ ติอาโก้ จะดูตะกุกตะกักไปสักหน่อย แต่ทว่าเมื่อจับจังหวะได้ ก็ประสานงานกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับฟาบินโญ่ เชื่อมบอลจากกลางไปหน้าได้อย่างเนียนตา
ในบรรดามิดฟิลด์ของหงส์แดง ณ เวลานี้ เรียกว่า ติอาโก้ แทบจะเป็นคนที่ประเภทการใช้งานต่างจากคนอื่น ที่มุทะลุ ความฟิตเต็งถัง แต่ทว่าเจ้าตัวก็ได้วิสัยทัศน์การจ่ายบอล คลาสในการออกบอล เข้ามาเติมเต็มมิติที่หลากหลายให้ทีม
ยิ่งเมื่อเอาสถิติออกมากางว่า หาก ติอาโก้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกับ ฟาบินโญ่ ลิเวอร์พูลนั้นจะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งกองกลางชาวสเปนและบราซิล เมื่อได้ลงเล่นตัวจริงร่วมกัน13นัด หงส์แดงไม่เคยแพ้ใครเลย ชนะ12 เสมอ1
แนวรับนักบุญยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่เปียกน้ำทั้งแผง
จะว่าไปถ้าเกมเมื่อคืนลิเวอร์พูล เน้นและ เดินหน้าบุกเต็มสูบมากกว่านี้ "นักบุญ " อาจจะออกจากแอนฟิลด์ ด้วยความพ่ายแพ้มากกว่า 0-4 ก็ได้ ด้วยมาตรฐานที่สูงปรี๊ดของหงส์แดง และแนวรับที่อ่อนปวกเปียกของเซาธ์แฮมป์ตัน ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เห็น
คนแรกที่แสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนมากที่สุดนั่นก็คือ แยน เบนาเร็ด กองหลังชาวโปแลนด์รายนี้ เป็นเหมือนหลุมดำของทีมเลยก็ว่าได้ ประกบตัวย่ำแย่ หลุดตำแหน่ง แถมยังโดน ติอาโก้ หลอกแบบนิ่มๆกับประตู 3-0 รวมถึงการโดนใบเหลืองตั้งแต่นาทีที่ 11ทำให้เจ้าตัวต้องเล่นด้วยความระมัดระวังเข้าไปอีก
ทำให้ที่สุดแล้ว เบนาเร็ด ได้อยู่ในสนามเพียงแค่ จบ45นาทีแรกเท่านั้น ส่วน ลียานโก้ เซ็นเตอร์ผู้มาใหม่จาก โตริโน่ ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกหนแรก ต้องเจอกับฝันร้ายอยู่ไม่น้อย กับการเสีย3ประตู ในครึ่งแรก เมื่อเจอบอลบุกกดดันให้อยู่ในเขตโทษตลอดเวลา
ทางฝั่ง ติโน่ ลิฟราเมนโต้ ที่ถูกจับตามองไม่น้อย แต่ทว่าเจ้าตัวต้องมัววุ่นสาละวันอยู่กับการตามประกับ ซาดิโอ มาเน่ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เกมบุกคือสิ่งที่แบ็กวัย19ปีรายนี้ โดนกดจนทำให้แนวรุกฝั่งขวาของเซาธ์ กลายเป็นอัมพาต
ส่วนวิงแบ็กซ้ายของทีมอีกคนอย่าง โรแม็ง แปร์โรด์ ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน เพราะต้องรับมือกับทั้ง ซาลาห์ และ เทรนต์ โดย แปร์โรด์ ไม่มีโอกาสครอสบอล หรือจ่ายจังหวะคีย์พาสได้แม้แต่ครั้งเดียว
นี่ยังไม่รวมกองหลังคนอื่นๆอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลิซู ที่เจองานหนักสุดๆ ความสามารถเฉลี่ยแนวรับของนักบุญต่ำมากไม่เกิน4กันทุกราย โดยนับตั้งแต่ ฤดูกาล2019-2020 เซาธ์แฮมป์ตัน เสีย4ประตูขึ้นไปเป็นนัดที่ 7ในพรีเมียร์ลีกเข้าให้แล้ว
- คอลัมน์นิสต์
- 472
- 28 พ.ย. 2564 15:11