ครบทุกรสชาติ ! หงส์ บุกอัดตราหมี 10ตัว สุดมัน 3-2 ซาลาห์ ฟอร์มทะลุแตก
ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอล แอตเลติโก มาดริด หรือ ลิเวอร์พูล รวมถึงไม่ได้เป็นทั้งสองฝั่ง เมื่อคืน การพลาดถ่างตาดูฟุตบอลคู่นี้ถือว่าน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นนัดที่เต็มเปี่ยมอุดมครบไปทุกรสชาติ มีทั้ง จุดโทษ ใบแดง การใช้ VAR ตัดสินในจังหวะๆสำคัญ
ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มบี ที่สนาม ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ ระหว่างเจ้าบ้านแอตเลติโก มาดริด กับ ผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล ผลจบลงด้วยชัยชนะของทีมหงส์แดง 3-2 โดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ระเบิดฟอร์มเทพ (อีกแล้ว) หลังเบิ้ล2ประตูใส่ทีมตราหมี
โดยเริ่มเกมมาช่วง15นาทีแรก เป็นทางฝั่งลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน ต่อบอล ทำชิ่ง เพรสซิ่ง จนทีมเจ้าบ้านโงหัวไม่ขึ้น ทำอะไรไม่ได้เลย และก็เป็นทีมหงส์แดงที่ขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว จาก โม ซาลาห์ น.8 และลูกยิงไกลสุดสวยของ นาบิ เกอิต้า น.13
ทว่าอย่างไรก็ตามทีมตราหมีที่กำลังเมาหมัด จากการโดนนำ2-0 ตัวกุนซืออย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ได้กระตุ้นให้ลูกทีมให้รีบมีสติกลับคืนมาสู่เกมอีกครั้ง
ก่อนที่ แอตเลติโก มาดริด จะสวมวิญญาณ หมีนักสู้ ตามตีเสมอ 2-2 ได้อย่างทันควันในครึ่งแรกเลยจาก อองตวน กรีซมันน์ น.20 และ34 จบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ 2-2
เริ่มครึ่งหลังมาได้อย่างคึกคัก สำหรับแอต.มาดริด แต่ทว่าทุกอย่างต้องมาพังทลายลงและทีมต้องเจอสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นเมื่อ อองตวน กรีซมันน์ ผู้เหมาเบิ้ลช่วยให้ทีมไล่มา2-2 กลับต้องมาโดนใบแดง (แบบไม่ตั้งใจ)
จากการเจตนายกเท้าสูง และไม่ได้ดูว่ามีผู้เล่นลิเวอร์พูล อย่าง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ พุ่งเข้ามาใช้ศรีษะเล่นบอล
แม้จะเหลือ10คน แต่ทีมตราหมี ก็ไม่ได้กลัวผู้มาเยือนแต่อย่างใด ยังรอหาจังหวะสวนกลับเป็นระยะๆ แต่ทว่าความผิดพลาดส่วนบุคคลในเกมรับ ก็ทำให้พวกเขาเสียจุดโทษ เมื่อกองหลังอย่าง มาริโอ เอร์โมโซ่ ไปโชว์เก๋าเกินกว่าเหตุกระแทก ดิโอโก้ โชต้า ล้มลงในกรอบเขตโทษ แล้วก็เป็น บังโม สังหารเข้าไป 3-2 น.78
ลูกทีมของ เอล โชโล่ ถึงแม้จะเหลือ10คน แต่ทว่าก็สวมวิญญาณหมีสู้ตายสุดๆ และเกือบมามีลุ้นจากลูกจุดโทษ เมื่อ โชต้า ไปกระแทกใส่ โฮเซ่ คิเมเนซ ล้มลงในเขษโทษผู้ตัดสิน ดาเนี่ยล ซีแบร์ต เป่าให้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่จะไปเช็ก VAR ย้อนหลังและเปลี่ยนคำตัดไม่ให้จุดโทษในที่สุด
หลังจากชวดการได้จุดโทษดังกล่าว เหล่าแข้งผู้เล่น แอตเลติโก มาดริด ถึงกับหัวเสียฟิวส์ขาดเลยทันที โดยเฉพาะตัวกุนซือ ซิเมโอเน่ ทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาที นายใหญ่ชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ ถึงขนาดไม่อยากพูดกับใคร ไม่มีการจับมือตามธรรมเนียม วิ่งหายเข้าอุโมงค์ห้องแต่งตัวเลยทันที
โม ซาลาห์ นาทีนี้ ค่าเหนื่อยแพงขนาดไหนก็ต้องจ่ายให้
ทะลุเพดานติดลมบน จนเอาช้างทั้งตัวมากระชากก็ฉุดไม่อยู่เสียแล้วสำหรับ ฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งน่าสยดสยองของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ณ นาทีนี้ หลังซัดไป2ประตู ช่วยให้ทีมหงส์แดงบุกมาปราบทีมตราหมี ถึงสเปน3-2
ลูกแรกแสดงให้เห็น ถึงความสามารถในการกระชากลากเลื้อยหาพื้นที่ทำการในการส่งบอลไปซุกตาข่ายได้สำเร็จ แม้จะดูมีโชคเพราะบอลดูเหมือนจะไปแฉลบ เชฟเฟร่ย์ กงด็อกเบีย เปลี่ยนทางเล็กน้อยเข้าประตูไป
ผู้เล่นในบรรดาหน่วยสังหารล่าตาข่ายของทีมหงส์แดงในนัดนี้ต่างทำตัวได้น่าผิดหวัง และหนึ่งในนั้นก็คือ ซาดิโอ มาเน่ ที่โชว์ฟอร์มไม่เอาอ่าวเอาทะเลเลย มีเพียงแค่ โม ซาลาห์ ที่สร้างความปั่นป่วนให้แผงรับทีมเจ้าบ้านได้เป็นระยะๆ
ประตูจุดโทษที่สตาร์ชาวอียิปต์สังหารผ่าน แยน โอบัค เข้าไป ต้องชมเจ้าตัวด้วยที่หลอกหน้าเท้า ส่งผลให้นายด่านชาวสโลเวเนียรายนี้พุ่งไปผิดทาง และเป็นการยิงที่เยือกเยือกเย็นมากๆในสถานการณ์ที่ชี้เป็นชี้ตายดังกล่าว
ยานนิค การ์ราสโก้ ซึ่งไม่ใช่วิงแบ็กโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เอาไม่อยู่เมื่อต้องดวลตัวต่อตัวกับ ซาลาห์ โดนพาวิ่งทัวร์หลายหน โดยการส่องตาข่ายได้สำเร็จในนัดนี้ส่งผลให้ บังโม สร้างสถิติใหม่ของประวัติศาสตร์สโมสร ทำประตูได้เป็นนัดที่9ติดต่อกัน
ยิ่งมามองดูภาพรวมในฤดูกาลนี้ ซาลาห์ ขึ้นแท่นเป็นนักเตะเบอร์1ของยุโรปเลยก็ว่าได้ ทั้งจากฟอร์มการเล่น และจำนวนประตู
เมื่ออดีตดาวเตะโรม่า รายนี้ ทำไปได้ถึง12ประตู จาก11นัดรวมทุกรายการ การเพิ่มค่าเหนื่อยให้เป็น 350,000 ปอนด์/สัปดาห์ เป็นสิ่งที่ลิเวอร์พูลไม่ควรลังเลที่จะต้องตบรางวัลให้เลย
อลิสซง คู่ควรกับ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เช่นกัน
แม้ว่า โม ซาลาห์ จะโชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างเหมาทำคนเดียว2ประตู ในแมตช์ดังกล่าว และแม้ทีมจะโดนทัพตราหมีเจาะตาข่ายไปถึง2เม็ด แต่ทว่านายด่านอย่าง อลิสซง ก็คู่ควรกับ แมน ออฟ เดอะแมตช์ เช่นกัน
โกลชาวบราซิลรายนี้ แม้จะมีจังหวะการออกบอลที่น่าหวาดเสียวบ้าง แต่ในเรื่องของการเซฟแล้ว "พี่หมี " ก็ไม่ได้เป็นสองรองใครเลย อลิสซง เบ็คเกอร์ มีจุดเด่นที่เราเห็นกันมานานแล้วนั่นก็คือการออกมาปิดมุมลูกดวลเดี่ยวกับผู้เล่นฝั่งตรงข้าม
เกมกับตราหมี อลิสซง โชว์ซุปเปอร์เซฟให้เห็นหลายครั้ง เหล่าบรรดาแนวรุกของ แอตเลติโก มาดริด ที่ได้โอกาสสับไกลหมายทำประตูล้วนโดนปฎิเสธกลับไปทั้งสิ้น ทั้งจากลูกยิงของ กรีซมันน์ - เลอมาร์ - เฟลิกซ์ - การ์ราสโก้
ช่วงที่โดนตีเสมอ 2-2 แล้วโมเมนต์ตัม กำลังเหวี่ยงมาทางทีมตราหมี ก็เป็น อลิสซง นี่แหละที่เซฟลูกยิงของทีมเจ้าบ้าน 2-3ครั้ง ทำให้ทีมหงส์แดงไม่ตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำ
ในวันที่แนวรับทีมหงส์แดงเล่นผิดฟอร์ม (รวมไปจนถึงแนวรุกทีมตราหมี อันตรายด้วย) ทั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เข้าพรวด ยืนตำแหน่งผิดพลาดหลายครั้ง หยุด ชูเอา เฟลิกซ์ ไม่อยู่
แบ็กซ้ายอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ก็ยังมี อลิสซง นี่แหละ ที่เป็นนายด่านคนสุดท้าย ป้องกันไม่ให้ทีมโดนทะลวงตาข่ายง่ายๆ
ฮีโร่ ทู ซีโร่ อองตวน กรีซมันน์ ใบแดงครั้งแรกในยูซีแอล
ถ้าหากว่า แอตเลติโก มาดริด ได้ผลเสมอหรือพลิกสถานการณ์แซงกลับมาเอาชนะได้ อองตวน กรีซมันน์ จะเป็น ฮีโร่ของทีมอย่างแน่นอน หลังเจ้าตัวเหมาซัดประตูสุดคมพาทีมกลับมาตีเสมอ2-2 ได้สำเร็จ
จากที่จะลุ้นเป็นฮีโร่ของทีม และลุ้นทำแฮตทริก แต่ทว่า ดาวยิงร่างเล็กชาวฝรั่งเศสรายนี้ ก็กลับต้องมาโดนใบแดงแบบโชคร้ายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาทำร้ายคู่แข่ง กรีซมันน์ พยายามยกเท้าสูงเล่นบอล แต่ทว่า โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ โผล่มาจากไหนไม่รู้ชิงเล่นบอลได้ก่อน
ทำให้ กรีซมันน์ ทำพลาด ไปยันเข้าที่ใบหน้าของดาวยิงชาวบราซิลรายนี้เต็มๆ แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่ผู้ตัดสินในสนาม กลับชูใบแดงไล่เจ้าตัวออกจากสนามโดยทันที ซึ่งก็เป็นที่ถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่า จังหวะดังกล่าวร้ายแรงขนาดสมควรเป็นใบแดงหรือไม่ หรือควรเป็นแค่ใบเหลืองก็พอ
ตัดจังหวะใบแดงดังกล่าวออกไป ต้องบอกได้เลยว่าช่วง45นาทีแรก เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีมากๆของ อองตวน กรีซมันน์ เพราะนอกจากจะเหมายิงเบิ้ลได้แล้ว
หอกวัย30ปีรายนี้ สร้างความปั่นป่วนซะคู่เซ็นเตอร์ที่ดีที่สุดของลิเวอร์พูล อย่าง ฟาน ไดค์ และ มาติป เสียผู้เสียคน แถมยังเกือบทำแฮตทริก ได้ตั้งแต่ในครึ่งแรกอีกด้วย หากไม่โดนความเหนียวหนึบของ อลิสซง หยุดไว้
การย้ายกลับมาบ้านเก่าที่คุ้นเคย ทำให้ อองตวน กรีซมันน์ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดนในซีซั่น 2021-2022 นี้ แม้จะยังทำประตูในลาลีก้าไม่ได้ (5นัด) แต่การเล่นของเจ้าตัวก็มีอิธิพลต่อทีมไม่น้อย น่าคิดเหมือนกันว่า กรีซมันน์ ถ้าได้อยู่ในสนามครบ 90นาที พวกเขาอาจไม่ต้องเจอผลลัพธ์เป็นความพ่ายแพ้ก็เป็นได้
ความหละหลวมของเทรนต์ที่ต้องแก้ก่อนเกมแดงเดือด
นี่แม้จะเป็นฤดูกาลที่ลิเวอร์พูล ได้แผงหลังกลับมาครบฟูลทีม แต่ทว่าเราก็ได้เห็นรอยรั่วในเกมรับของทีมหงส์แดงเป็นนัดๆไปเช่นกัน นัดไหนจะเหนียวก็ไม่มีคู่แข่งรายไหนเอาบอลไปซุกก้นตาข่ายได้
แต่ถ้านัดไหนหลุดพวกเขาก็มีเสีย2ประตูขึ้นไปให้เห็นเช่นกัน เกมกับทีมตราหมีก็คือหนึ่งในนั้น ยังโชคดีที่ อลิสซง เบ็คเกอร์ โชว์ซุปเปอร์เซฟไม่ให้ทีมเสียท่าไปมากกว่านี้
แนวรับของลิเวอร์พูลก่อความผิดพลาดให้เห็นหลายช็อต ถ้าจะให้จี้เป็นรายบุคคลที่ชัดเจนที่สุดเห็นทีจะเป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่โดน ชูเอา เฟลิกซ์ สร้างความปั่นป่วนจนเสียเชิง และการโจมตีของทีมตราหมีก็ขึ้นทางฝั่งขวาของหงส์แดงเป็นหลัก
รวมถึงยังมาเสียใบเหลืองแบบไม่น่าโดนในครึ่งหลังอีกด้วย การส่งบอลจ่ายบอล รวมถึงการครอสบอลเข้าไปในเขตโทษ นี่คือสิ่งที่ TAA ทำได้แย่มากๆในนัดนี้ เราจึงได้เห็นแอ็คชั่นจากข้างสนามของ กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ตะโกนกระตุ้นแบ็กขวาของทีมรายนี้อยู่เป็นระยะๆ
หรือแม้กระทั่ง โจเอล มาติป ที่ฤดูกาลนี้โดดเด่นขึ้นมาจนกลายเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวจริงคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โดยแนวรับชาวแคเมอรูนรายนี้ก็ออกอาการเหวอเป็นระยะๆ ส่วน ฟาน ไดค์ เอง ยังโดน กรีซมันน์ พลิกหลอกดื้อๆไปซัดลูกตีเสมอ 2-2
โอเคว่าใน ศึกแดงเดือดหนนี้ ด้วยฟอร์มการเล่น ลิเวอร์พูล จะเป็นต่ออยู่พอสมควร แต่นี่คือศึกที่อุดมเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี จะประมาทผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ความสามารถเฉพาะตัวในแนวรุกดีๆหลายคนไม่ได้
พราะฉะนั้นหากเล่นกับแบบหลวมๆ พวกเขาอาจโดนทีมปีศาจแดงลงโทษได้อย่าง สาสมเช่นกัน
ผู้จัดการทีม สะท้อน คาแร็กเตอร์นักเตะในสนาม
พูดตามตรงว่าหากเป็นทีมอื่นที่โดนเหล่าพลพรรคหงส์แดง ยิงประตูขึ้นนำหนีห่างเป็น2-0 ตั้งแต่ช่วง13นาทีแรก คงจะถอดใจและมีสภาพเละไม่น้อยหากพยายามเปิดเกมบุกแลกเข้าสู้ แต่ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ แอตเลติโก มาดริด เลย
พลันวินาที ที่ นาบี เกอิต้า ซัดประตูสุดสวยราวผีจับยัด หนีห่าง 2-0 ตั้งแต่นาทีที่13 หลายคนน่าจะคิดเหมือนกันว่าทีมตราหมี น่าจะหาทางออกจากถ้ำไม่เจอเสียแล้ว แต่สำหรับผู้จัดการทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพาสชั่นและแรงกระหายอย่าง ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ไม่ได้คิดแบบนั้น
" เอล โชโล่ " คอยกระตุ้นลูกทีมให้ดึงสติกลับมาหลังจากที่โดนกระซวกไป 2ประตู ให้ตั้งหลักกลับเข้ามาสู้ได้อีกครั้ง และตราหมีก็ทำได้จริงๆด้วย กลายเป็นทีมที่เหนือกว่าลิเวอร์พูล และไล่ตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จก่อนหมด45นาทีแรก
มิหนำซ้ำเจ้าบ้านมีโอกาสที่จะยิงพลิกแซงด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่ง การโดนใบแดง ของ อองตวน กรีซมันน์ ที่ทำให้ทีมเหลือ10คน รูปเกมของทีมตราหมีก็ไม่ได้ตกเป็นรองสุดกู่แต่อย่างใด ผู้เล่นในสนามยังวิ่งสู้กันสุดฤทธิถวายหัวทุกราย
น่าเสียดายที่การเสียสมาธิโชว์เก๋าเกินกว่าเหตุของ เอร์โมโซ่ ทำให้ทีมต้องเสียจุดโทษ และโดน ซาลาห์ สังการเข้าไปในที่สุด หลังเสียจุดโทษ จังหวะการเล่นต่อๆมาของผู้เล่น แอตเลติโก มาดริด ก็พยายามที่จะตุกติกเรียกใบเหลือง-แดง จากผู้ตัดสินมากเกินไป
ช่วงท้ายเกมตราหมี มีโอกาสที่จะตีเสมอ 3-3 ได้เหมือนกัน เมื่อตัวสำรอง อังเคล กอร์เรอา ได้กดเหน่งๆหน้ากรอบเขตโทษแต่ทว่าน่าเสียดายที่เจ้าตัวกดข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น แม้พวกเขาจะปราชัยไป แต่ แอตเลติโก มาดริด ในมือของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวเสมอ
- คอลัมน์นิสต์
- 587
- 20 ต.ค. 2564 14:26