แดงเดือดสุดอัปยศ ! หงส์ บุกกระซวก ผีคาถิ่นอนาถ 5-0 ซุปเปอร์บังโม แฮตทริก
เป็นแดงเดือดที่แพ้เละเทะแบบหมดรูสู้จริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของกุนซือหน้ายิ้มอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เมื่อพวกเขากล้าๆเปิดบ้าน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ปราชัยให้กับคู่อริตลอดกาล ลิเวอร์พูล ขาดลอยย่อยยับแบบน่าขายหน้า 0-5
ก่อนเกมสัก2-3วัน มีข่าวเหมือนกันว่าปีศาจแดงจะไร้แข้งนักเตะตัวหลักอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วสองตาร์ชาว อังกฤษ และ โปรตุเกส ก็มีชื่อลงสนามเป็น11ตัวจริงทั้งคู่
ทางด้านลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ น่าเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เมื่อ เจเค เลือกที่จะโรเตชั่นนักเตะทั้งการให้โอกาส ดิโอโก้ โชต้า ก่อน ซาดิโอ มาเน่ รวมไปจนถึงการพักเซ็นเตอร์ฟอร์มแจ่มอย่าง โจแอล มาติป แล้วให้ อิบราฮิโม โคนาเต้ ลงเล่นแทน
แดงเดือดหนนี้จะเรียกว่าเป็นแดงเดือดก็คงไม่ได้ เพราะเพียงแค่45นาทีแรก ก็เป็นทางฝั่งของ ลิเวอร์พูล บุกมาอัดยับเยิน 4-0 หรือจะให้เห็นภาพชัดกว่านั้น แต่13 นาทีแรก พลพรรคหงส์แดงก็ทะยานขึ้นนำไปแล้ว2-0
ก่อนที่ท้ายที่สุดลิเวอร์พูล จะเอาชนะไปได้แบบไม่ระบมหัวแม้เท้า 5-0 ทั้งที่หลังจากทีมเจ้าบ้านเหลือ10คน ทีมหงส์แดงมีโอกาสที่จะบวกสกอร์เพิ่มด้วยซ้ำ แต่ทว่าพวกเขากลับผ่อนคันเร่งถนอมตัวนักเตะ
เนื่องจากมองว่าไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปบวกเพิ่ม เพราะอาจเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน เนื่องจากผู้เล่นของ แมนฯยู น็อตหลุด พร้อมเล่นเตะติดดาบกันหลายราย
พระเอกของลิเวอร์พูล คงหนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่บุกมาอาจหาญมากด แฮตทริก ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเป็นการทำประตูได้10นัดติดต่อกันของ
สตาร์ชาวอียิปต์รายนี้อีกด้วย ณ วินาทีนี้ ในเรื่องของฟอร์มการเล่นต้องยอมรับกันตรงๆว่า " บังโม " คือดาวเตะหมายเลข1ของโลกไปแล้ว
ด้วยศักยภาพของผู้จัดการทีม รวมถึงระบบรูปแบบมาตรฐานการเล่นที่แตกต่างกันมากเกินไปราวกับฟ้าเหว ทำให้ลิเวอร์พูลออกแรงแค่ 70-80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นก็สามารถเอาชนะ คู่อริตลอดกาลไปได้แบบหมดจรดทุกแง่มุม
ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องยอมรับแบบไม่โลกสวยว่า นี่คือความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร แถมยังเป็นความปราชัยคาบ้านต่อคู่อริหมายเลขหนึ่งอย่างลิเวอร์พูล ขาดลอย5-0
ผู้จัดการทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา หมดความชอบธรรมแล้วจริงๆสำหรับการเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อไป ภาษากายนักเตะ รวมถึงการลุกออกจากสนามของแฟนบอลจำนวนมาก ตั้งแต่นาทีที่ 60 นี่คือสิ่งที่น้าลูกอมต้องรับผิดชอบและชดใช้ ด้วยการลาออกจริงๆ
ซาลาห์ แข้งหมายเลข1ของโลก ณ เวลานี้
กระฉูดแตกติดเพดานจริงๆสำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ณ เวลานี้ หลังจากที่ซัดประตูได้10นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว แถมนัดที่10ก็ยังเป็นการบุกมายิงแฮตทริก ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกด้วย
การกดไป3เม็ดในถิ่นโรงละครแห่งความฝันของ บังโม ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบ18ปี ที่บุกมากดแฮตทริก ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อจาก โรนัลโด้ (R9) ของ เรอัล มาดริด ที่ทำได้เมื่อปี 2003
ฤดูกาลนี้ที่ ซาลาห์ ลงสนามไป12นัด เจ้าตัวก็ซัดไปได้ถึง15ลูกด้วยกัน หรือถ้าจะนับเฉพาะผลงานในพรีเมียร์ลีก 9นัดในซีซั่นนี้ สตาร์ชาวอียิปต์ กดไประเบิดเถิดเทิง10ประตู 5แอสซิสต์ ในยุโรปเวลานี้ไม่มีใครร้อนแรงไปกว่าเจ้าตัวอีกแล้ว
มิหนำซ้ำนี่คือประตูที่107ประตูในพรีเมียร์ลีกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในเวทีพรีเมียร์ลีก กลายเป็นนักเตะจากทวีปแอฟริกา ที่ทำประตูในลีกสูงสุดอังกฤษได้มากที่สุดแซง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ไปแล้ว โดย ซาลาห์ ใช้เวลาเพียงแค่ 4ฤดูกาลเศษ 154นัดเท่านั้น
ฟอร์มการเล่นที่เปล่งปลั่งฉายแสงขนาดนี้ ครบเครื่องทั้งยิงและจ่าย คงจะไม่มีใครเถียงแล้วว่า ซาลาห์ คือแข้งหมายเลข1ของโลก ณ เวลานี้ไหม ?
ตอบว่าใครคือหมายเลข2เวลานี้ยากกว่าอีก ค่าเหนื่อยระดับ 350,000 ปอนด์ที่เจ้าตัวขอ ... บอร์ดบริหารลิเวอร์พูลให้ๆไปเถอะ
เกอิต้า กับ ฤดูกาลที่เฉิดฉาย แต่อาการบาดเจ็บน่าเป็นห่วงจริง
ก่อนออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ แม้ว่าลิเวอร์พูล จะเสีย จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ไปให้กับ เปแอชเช แต่ทว่า นาบี เกอิต้า ก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งลำดับต้นๆที่จะถูกเขี่ยทิ้งออกจากถิ่นแอนฟิลด์ ทั้งด้วยฟอร์มการเล่นและอาการบาดเจ็บที่รบกวน ทำให้หงส์แดงไม่เห็นประโยชน์ที่จะเก็บเจ้าตัวไว้
มิหนำซ้ำช่วงต้นฤดูกาล กองกลางชาวกินีรายนี้ ยังตกเป็นตัวเลือกท้ายๆในตำแหน่งมิดฟิลด์ และเป็นเจ้าหนู ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต์ ที่ได้โอกาสลงสนามมากกว่า
แต่ทว่าเมื่อได้รับโอกาสลงสนามได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตห้องเครื่อง แอร์เบ ไลป์ซิก รายนี้ก็โชว์ฝีเท้าได้น่าประทับใจเสมอ
แถมยังมีลูกยิงสวยๆมาฝากถึง 3เม็ดในฤดูกาลนี้ แม้ว่าในเกมยูซีแอล กับ แอตเลติโก มาดริด เกอิต้า จะมีส่วนผิดพลาดในเกมรับก็ตาม
ประตูขึ้นนำเร็ว1-0 ของ นาบี เกอิต้า ตั้งแต่ น.5 เรียกว่านี่คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป๋และรวนจนเสียความมั่นใจไปเลยใน45นาทีแรก
การจ่ายบอลแทบทุกจังหวะของ นาบี เกอิต้า ทำลายแผงแนวรับยูไนเต็ด ที่เปื่อยยุ่ยอยู่แล้ว ให้แหลกเหลวไม่เป็นชิ้นดี มิดฟิลด์วัย26ปีรายนี้ มีส่วนร่วมโดนตรงและทางอ้อม 3ประตูแรก (1ประตู 1แอสซิสต์)
แต่ทว่าก็มี่เรืองน่าเสียดายและเป็นสิ่งที่เหนี่ยวรั้งให้ เกอิต้า ไม่ก้าวไปข้างหน้าเท่าที่ควรมาตลอดนั่นคืออาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนมาตลอด
นัดนี้เจ้าตัวโชคร้ายที่เจ้าโดนความไม่เป็นมืออาชีพของ ปอล ป็อกบา เปิดปุ่มเสียบสองเท้าเข้าใส่ จนทำให้แข้งชาวกินีรายนี้ ต้องถูกหามเปลออกจากสนาม และยังไม่รู้ว่าต้องพักนานแค่ไหน
แม็คไกวร์&ชอว์ คู่หูความบรรลัย แบบเดจาวู
ถ้าใครจำกันได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยภูมิปัญญาการทำทีมของ โซลชา เคยโดน ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส บุกมาระเบิดโถส้วมไปแล้วหนหนึ่งด้วยสกอร์ที่ขาดลอย 6-1
ศึกแดงเดือดเมื่อคืนเป็นอีกหนึ่งเกมที่แนวรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าขั้นย่อยยับพังพินาศสุดขีด เพราะเจาะตรงไหนก็มีแต่รอยรั่ว เจาะตรงไหนก็เป็นเสมือนบ่อน้ำมัน มิหนำซ้ำยังทำความผิดพลาดเกิดขึ้นแบบซ้ำซาก
ช็อตที่ลิเวอร์พูลหนีห่างเป็น 2-0 ก็เกิดคู่หูคู่มหาคู่บรรลัยเดิม เหมือนเกมที่แพ้สเปอร์ส กับช็อตที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไปดึง ลุค ชอว์ พวกกันเอง ฉายภาพซ้ำการไม่เข้าใจกันแย่งกันเล่นดื้อๆเหมือนไม่ได้ซ้อมด้วยกันมาอีกรอบในนัดแดงเดือด
ลุค ชอว์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ในยามที่สวมเครื่องแบบปีศาจแดงในระยะหลัง 1-2เดือนที่ผ่านมา กลับกลายเป็นคนละคนเวลาที่เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะในยูโน2020 ที่ ปราการหลังหัวแตงโมรายนี้ ติดเป็น11ผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์เลยทีเดียว
สื่อท้องถิ่นอย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่งนิวส์ ไม่ไว้หน้าแนวรับของทีมปีศาจแเดงเลยให้คะแนน แบบต่ำเตี้ย เรี่ยดินทั้งสิ้น ลุค ชอว์ ได้ 1คะแนน / อารอน วาน-บิสซาก้า 1คะแนน / วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ 2คะแนน / และที่หนักหนาสาหัสกว่าใครเพื่อน แฮร์รี่ แม็คไกวร์ 0 คะแนน
หลังจบเกมสื่อย่าง สกาย สปอร์ต ได้ออกมาเผยสถิติอันเลวร้ายเกมรับของปีศาจแดงดังนี้
เสียประตู 15 / อันดับ 16
คลีนชีต / อันดับ 18
โดนยิงตรงกรอบ 43 / อันดับ 14
ความน่าจะเป็นที่จะได้ประตู 14.3 ครั้ง / อันดับ 15
ผิดพลาดส่วนตัวจนนำไปสู่การเสียประตู 8 ครั้ง / อันดับ 20
เข้าสกัดบอล 104 ครั้ง / อันดับ 20
ป็อกบา ตอกย้ำความเลวร้ายของทีม
นอกจากจะแพ้แบบหมดสารรูปแล้ว ภาษากายของนักเตะปีศาจแดงนั้นย่ำแย่มากๆ เดินคอตก ทุกๆครั้งเวลาที่โดนลิเวอร์พูล เจาะตาข่าย แพ้แบบหมดสภาพทั้งตัวจริงในสนาม และบนซุ้มม้านั่งสำรองข้างสนามที่ถึงกับฟุบหมดหวัง
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าเกลียดและไร้ความเป็นมืออาชีพมากสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดนี้นั่นก็คือการควบคุมอารมณ์ของนักเตะที่สติหลุดและหงุดหงิดงุ่นง่าน หลังจากที่ทำอะไรลิเวอร์พูลไม่ได้
โดยเฉพาะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เจตนาน่าเกลียดไปเตะซ้ำใส่ เคอร์ติส โจนส์ ดีที่ผู้ตัดสินมีความปราณีสูงแจกให้เพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น ทั้งที่ควรเป็นใบแดงอย่างยิ่ง
ที่เสียหายและแสดงความล้มเหลวสุดๆของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือ การโดนใบแดงของ ปอล ป็อกบา ที่อุตส่าห์ถูกส่งลงสนามมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังแทน เมสัน กรีนวู๊ด เพื่อหวังลงมาพลิกสถานการณ์ ป็อกบา ลงมาใหม่น่าจะต้องมีสติกว่าใครเพื่อน
แต่อนิจจา กองกลางตัวตัดผมรายนี้ กลับไปเสียบสองเท้าอย่างน่าเกลียดใส่ นาบี เกอิต้า จนโดนVAR เช็กย้อนหลังแจกใบแดง มิหนำซ้ำยังทำให้ห้องเครื่องชาวกินีรายนี้ลิเวอร์พูล เจ็บหนักถึงขั้นนอนเปลออกจากสนามอีกด้วย
โซลชา หมดความชอบธรรมแบบไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น
สำหรับรูปเกมแดงเดือดหนนี้ ไม่มีอะไรต้องมาอธิบายหรือสาธยายแล้ว เพราะทุกๆอยางที่เป็นฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้แบบราบคาบ หมดรูป รวมถึงสกอร์ 0-5 นี่คือการแพ้ลิเวอร์พูลคาบ้าน ยับเยินที่สุดในรอบ 126ปี
แกรี่ เนวิลล์ ที่เคยสนับสนุนอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (ไม่ฆ่าเพื่อน) หนนี้เจ้าตัวถึงกับทนไม่ไหวบอกว่า น้าโอเล่ ไปต่อไม่ได้แล้ว รวมถึงปรากฎการณ์แฟนบอล ที่เดินออกจากสนามจำนวนมากตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 60เป็นต้นไป นี่คือความเจ็บปวดและโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของสโมสร
ภาพ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เป่าปากส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง ตัดสลับกับตำนานนักเตะและผู้จัดการทีมอย่าง เคนนี่ ดัลกลิช ยิ้มร่าหัวเราะอารมณ์ดีที่บุกมาเหยียบจมูกคู่อริตลอดกาล คือสิ่งที่สะเทือนใจแฟนบอลปีศาจแดงเป็นอย่างมาก
การแก้เกม นี่คือสิ่งที่โซลชา ไม่มีอะไรออกมาให้เห็นในยามที่คับขันแบบนี้ ยึดมั่นในระบบ 4-2-3-1ดื้อด้านในคู่มิดฟิลด์ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ &เฟร็ด รวมถึงการจัดระเบียบฝึกซ้อมเกมรับที่ยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่ ซ้ำแล้วเล่า
ภาษากายนักเตะ ภาษากายแฟนบอลในสนาม รวมถึงสีหน้า ราศีความมั่นใจของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แทบไม่เหลืออะไรแล้ว แม้ไม่ได้ตกชั้นถึงขนาดยุคเก่า 1974 แต่นี่คือจุดที่ต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสร
ถ้าบอร์ดบริการดื้อด้านดันทุรัง ยังไม่ยอมปลดน้าโอเล่ ออกจากตำแหน่ง หรือตัว โซลชา ไม่แสดงความรับผิดชอบลาออกเอง แฟนผีก็ยังคงต้องจมปลักอยู่กับช่วงเวลาที่เลวร้ายที่ออกไปอีกแสนนาน
- คอลัมน์นิสต์
- 546
- 25 ต.ค. 2564 13:41