เซาธ์เกต ไม่แก้เกม ! สิงโต ออกลายทื่อ เจ๊า มะกัน จืดสนิท 0-0
ต้องอย่างนี้สิ ! ถึงกลับมาเป็นทีมชาติอังกฤษที่เราคุ้นชินในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆ นั่นก็คือ ฟอร์มฝืดๆหนืดๆ หลังจากที่นัดแรกโชว์ฟอร์มเทพสมราคาเต็งแชมป์ อัด อิหร่าน แบบหาทางกลับบ้านไม่ถูก 6-2 แต่ทว่าแมตช์ต่อมา เหมือนนี่ไม่ใช่อังกฤษในนัดแรกที่เราเคยเห็นเลย
เกมนัดที่สองกลุ่มบี ที่สนาม อัล เบย์ท สเตเดี้ยม ระหว่างอังกฤษ กับ สหรัฐ อเมริกา โดยเกมคู่แรกของกลุ่มนี้ ระหว่าง อิหร่าน กับ เวลส์ ผลจบลงด้วยชัยชนะของทีมจาก เอเชีย 2-0 ซึ่งระหว่าง สิงโตคำราม กับ ทีมลุงแซม หากใครคว้า3แต้ม ก็จะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงและโอกาสเข้ารอบสดใสทันที
เกมออกสตาร์ทมาในช่วง 25-30 นาทีแรก แม้จะยังไม่มีประตูเกิดขึ้น แต่ทว่าเป็นทางฝั่งของทีมแชมป์โลก1สมัย (1966) ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจนในเรื่องของการต่อบอล ครองบอล หรือคุมเกม แต่ทว่ายังขาดจังหวะจบสกอร์สวยๆ ที่ยังหาโอกาสไม่ได้มากนัก แฮร์รี่ เคน ดูโดดเดี่ยวเกินไป
ทว่าอย่างไรก็ดีในช่วงปลายครึ่งแรก ไปจนถึงครึ่งหลัง อังกฤษ ที่ยังผ่อนเกมดูเชิงไม่หยุด กลับกลายต้องเป็นรอง สหรัฐ อเมริกา ไปจนจบ90นาที ซะงั้น ทั้งที่ชื่อชั้นตัวผู้เล่นของทัพสิงโตคำราม มีเกรดและดูดีกว่า ซึ่งขุนพลแดนลุงแซม ใช้ความหนุ่มความสดเข้าบดบี้จนอังกฤษทำอะไรไม่ถนัด
ซึ่งสิ่งที่น่ากังขา สงสัย และทั้งหงุดหงิดกับทีมชาติอังกฤษ เกมเมื่อคืน นั่นก็คือกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน กว่าจะแก้เกม หรือมีการขยับผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง ทั้งที่รูปเกมของพวกเขาเป็นรอง อเมริกา อย่างสุดกู่ แทบจะสร้างสรรค์เกมบุกขึ้นไปข้างหน้าไม่ได้
เมสัน เมาท์ ที่แทบจะสร้างพิษสงอะไรไม่ได้มาตั้งแต่นัดแรก แต่ทว่าก็ได้อยู่เต็มครบ 90นาที ซะงั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ เจมส์ แม็ดดิสัน ไม่ฟิตเปล่าทำให้กุนซือเลือดผู้ดี ไม่ตัดสินให้โอกาสลงสนามบ้าง รวมไปจนถึง ฟิล โฟเด้น ที่ทำได้เพียงแค่ เป็นผู้เล่นบนม้านั่งสำรองอีกครั้ง ทั้งที่ดาวรุ่งจากเรือใบสีฟ้า เล่นได้หลายหลายในเกมรุก และสร้างความแตกต่างได้
อย่างไรก็ตาม พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " ก็ยังมีนักเตะที่เล่นดีอยู่บ้าง นั่นก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่กลายเป็นคนละคนกับเวลาที่สวมเครื่องแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปราการหลังหัวโต ดักบอล สกัดบอล หรือชิงจังหวะเล่นลูกกลางอากาศได้หมดจด แถมยังมีจังหวะกระชากคลึงบอลสวยๆในเขตโทษสหรัฐด้วย
ผลเสมอ 0-0 เราก็ต้องให้เครดิตความดีความชอบกับ ขุนพลพลังหนุ่มแดนลุงแซม ด้วยเช่นกัน ที่วิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อยตลอดทั้งเกม จนอังกฤษไม่ได้เล่นในแบบที่ถนัด โดยเฉพาะ ไทเลอร์ อดัมส์ ห้องเครื่องสายอึด ที่ขยันเห็นเจ้าตัวแทบจะในทุกๆพื้นที่ของสนาม รวมถึงกุนซืออย่าง เกร็กก์ เบอร์ฮัลเทอร์ ที่วางแผนแท็กติกมาได้อย่างดี
เม้าท์ ยังได้อยู่จนจบ90นาที
เกมก่อนหน้าที่อังกฤษ ถลุงอิหร่านมายับ 6-2 เมสัน เมาท์ เป็นผู้เล่นในแนวรุกคนเดียว ที่แผลงฤทธิไม่ออก นั่นก็คือการไม่มีทั้งประตู และแอสซิสต์ รวมไปจนถึงส่วนร่วมอิมแพคในแนวรุก เรียกได้ว่าเป็นบุคคลสูญหายได้เลย
มาเกมนัดสองกับ สหรัฐ ดาวเตะลูกหม้อจากเซลซี ยังได้รับความไว้วางใจ ให้ลงสนามเป็น11ผู้เล่นตัวจริงเหมือนเดิม แต่ทว่าผลลัพธ์และฟอร์มการเล่นไม่ได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเท่าไหร่ แถมยังได้อยู่ในสนามจนครบ90นาที อีกต่างหาก
เมาท์ ทำบอลลั่นและเสียหลายครั้ง หรือจังหวะที่พยายามประสานงานกับ แฮร์รี่ เคน - ราฮีม สเตอร์ลิง และ บูกาโย่ ซาก้า ดูจะไปคนละทิศละทาง ไร้ความเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีจังหวะยิงแบบได้ลุ้นใน45นาทีแรกก็ตาม
จะว่าตามความเป็นจริงคือ เมสัน เมาท์ คือนักเตะที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต โปรดปรานและเลือกใช้บริการบ่อยในทีมชาติคนหนึ่ง แต่ทว่าฟอร์มในปีนี้กับเซลซีของแข้งหน้าหล่อรายนี้ ก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก มีเพียงแค่ 2ประตู 2แอสซิสต์ จากการลงตัวจริง13นัดในลีก
ดาวเตะวัย23ปี เป็นหนึ่งในนักเตะของสิงโตคำราม ที่ได้คะแนนจากสื่อหลายๆสำนักน้อยที่สุดราวๆ 4-5 คะแนน เท่าๆกับ ราฮีม สเตอร์ลิง ตลอด90นาที เม้าท์ ผ่านบอลไปเพียง29ครั้ง ไม่มีมีจังหวะค่ายคีย์พาสสวยๆเลย วางบอลยาวได้เพียง 1ครั้งเท่านั้น
ทำเป็นเล่นไป แม็คไกวร์ เด่นสุดในทีม
ผ่านมา2นัดในบอลโลก คงไม่มีใครพูดแซว เหน็บ ดูถูก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ แล้วแหละ กับผลงานอันเป็นประจักษ์แก่สายตา ทั้งในเกมกับ อิหร่าน และ สหรัฐ อเมริกา เพราะนี่ไม่ใช่ฟอร์มเหวอแบบที่สวมเครื่องแบบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เป็น แม็คไกวร์ ในร่างทองอร่ามทั้งตัว
ช่วงครึ่งหลังที่อังกฤษ โดน อเมริกา โจมตี ทั้งลูกโด่งและบนภาคพื้นดิน เราก็ได้เห็นกองหลังหัวแตงโมรายนี้นี่แหละ ที่สกัดช่วยไว้หลายจังหวะ แถมยังมีช็อตวางบอลขึ้นหน้าสวยๆได้อีกด้วย และที่เป็นไฮไลท์ ให้คนได้พูดถึงอีกอย่างนั่นก็คือ จังหวะได้คลึงบอล แหวกผู้เล่นมะกันในเขตโทษ แต่เสียดายจังหวะสุดท้ายที่จ่ายไม่แม่น
สิ่งที่ แม็คไกวร์ ทำได้หมดจด จนต้องยกนิ้วให้นั่นก็คือ การชิงจังหวะโหม่งลูกกลางอากาศ กองหลังเบอร์6 มีสถิติที่ยอดเยี่ยมทั้ง เคลียรบอลได้มากที่สุด 8ครั้ง / ชนะการดวล5ครั้ง / แย่งบอลกลับคืนมาได้5 ครั้ง / เอาชนะลูกกลางอากาศ 3ครั้ง
แผงแบ็กโฟร์ 4คน เมื่อคืน ต้องบอกว่า แม็คไกวร์ โดดเด่นกว่าใคร เพื่อนร่วมทีมส่วนที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เห็นที่จะเป็น คีแรน ทริปเปียร์ ที่เกมรุกก็ทำอะไรไม่ถนัด เกมรับก็โดนผู้เล่นมะกันที่มีความเร็วสูง พยายามเผาเครื่องหลายหน
แม้ผลงานภาพรวมของอังกฤษจะไม่ดีในนัดนี้ แต่ทว่าในแง่ผลงานส่วนตัว ต้องถือว่า แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ฉลองการติดทีมชาตินัดที่50 ได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว จนสื่อเมืองผู้ดียกให้เจ้าตัวเป็นนักเตะสิงโตคำราม ที่โชว์ฟอร์มได้ไฉไลกว่าใครในทีมเมื่อคืน
เซาธ์เกต ทำอะไรอยู่ ?
ผลเสมอในนัดนี้ แน่นอนอยู่แล้วว่า ต้องสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลสิงโตคำรามเป็นธรรมดา แม้ว่าสถิติที่ผ่านมา ทีมชาติอังกฤษจะยังไม่เคยโค่นเอาชนะ สหรัฐ ในเวทีฟุตบอลโลกได้ แต่ทว่าเมื่อพิจารณาจากตัวผู้เล่นชุดปัจจุบัน ก็ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงพวกเขาเท่าไหร่
สิ่งที่แฟนบอลหงุดหงิด แกเร็ธ เซาธ์เกต นั่นก็คือ การเลือกส่ง เมสัน เมาท์ ลงเป็น11ตัวจริง อีกครั้ง และก็จบลงแบบหนังม้วนเดิม นั่นก็คือลูกหม้อเซลซีรายนี้ แทบไม่มีประโยชน์ ในเกมรุกเลย แถมที่งงหนักกว่านั้น เม้าท์ ยังได้อยู่ครบ90นาทีอีกด้วย
ส่วนต้นเกมเมื่อคืน ต้องบอกว่าช่วง 25-30นาทีแรก เป็นอังกฤษ ที่ทำได้ดีกว่า ครองบอลครองเกมได้ แต่ทว่าหลังจากนั้น ก็เหมือนพวกเขาช็อตและแผ่วไปดื้อๆ จนช่วงท้ายครึ่งแรกและตลอด45นาทีหลัง เป็นทีมแดนลุงแซมที่คุกคามสร้างความอันตรายได้มากกว่า
โดยอดีตกุนซือโบโร่ เลือกที่จะไม่แก้เกมหรือเปลี่ยนแท็กติกเลย ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนถึงไปถึง น.68 ถึงมีการขยับขยายเปลี่ยนตัว แต่ทว่าก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อาจจะกระเตื้องขึ้นในเรื่องของการเก็บบอลในแดนกลาง เพราะมีประสบการณ์ขออง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาช่วย แต่ทว่าโอกาสสร้างสรรค์ในการทำประตู แทบไม่มีให้เห็น
ฟิล โฟเด้น ที่กระฉูดแตกมากๆ ในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมากับ ซิตี้ กลับเป็นตัวสำรองและไม่ถูกส่งลงสนามในนัดนี้ รวมไปจนถึง แบ็กขวา อย่าง คีแรน ทริปเปียร์ ที่เกมนี้เล่นไม่ออก เซาธ์เกต น่าจะกล้าเสี่ยงซื้อเกมรุก จากการเปิดบอลของตัวสำรองอย่าง เทรท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บ้าง
ช่วงที่เสมอ 0-0 เซาธ์เก็ต ไม่เลือกเปลี่ยนฟอร์เมชั่นการเล่น จาก4-2-3-1 มาเป็นระบบอื่นเพื่อเน้นรุกมากขึ้นแต่อย่างใด โอเค ถ้ามองตามความเป็นจริงผลเสมอไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่คงจะดีกว่านี้หากพวกเขาเก็บ3แต้ม ได้การันตีอันดับ1ของกลุ่ม แล้วไปโรเตชั่นนักเตะเพื่อความสดในเกมที่3กับ เวลส์
มะกันพลังหนุ่ม ไทเลอร์ อดัมส์ วิ่งทั่วสนาม
เกมแรกกับ เวลส์ ที่คว้าผลเสมอมา 1-1 สหรัฐ ถือว่าเล่นดีมากๆ แต่ทว่าพวกเขามาพลาดตกม้าตายโดนตีเสมอด้วยลูกจุดโทษช่วงท้ายเกมซะงั้น ซึ่งถ้ามองจากรูปเกมลูกทีมของ เกร็กก์ เบอร์ฮัลเทอร์ ทำได้ดีกว่า
สหรัฐ มาบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ8ปี โดยการมาหนนี้ พวกเขาเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุน้อยที่สุดในทัวร์นาเม้นต์ นั่นก็บอกได้กลายๆว่านี่คือทีมพลังหนุ่มอย่างแท้จริง โดยเกมเมื่อคืนช่วงออกสตาร์ท 30นาทีแรก สหรัฐ ดูจะทำอะไรไม่ถนัดเท่าไหร่
แต่ทว่าเมื่อตั้งเกมได้ อังกฤษก็ดูจะเป็นรองเลย ผู้เล่นแดนมะกัน ซึ่งด้วยอายุที่น้อยกว่าสดกว่า เราจึงเห็น อเมริกา วิ่งเข้าใส่เพรสซิ่งถึงตัวในแทบจะทุกจังหวะใน45นาทีหลัง ในขณะที่ทีมสิงโตคำรามดูจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ไทเลอร์ อดัมส์ ห้องเครื่องจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ห้าวหาญและขยันมากๆในนัดนี้ เพราะเห็นเจ้าตัวอยู่ในแทบจะทุกพื้นที่ของสนาม ใช้ความสด ความห้าว ความขยันสร้างความรำคาญในการขึ้นเกมรุกของอังกฤษได้เป็นอย่างดี
อดัมส์ ในวัย23ปี มีสถิติตัวเลขที่เยี่ยมทั้ง ผ่านบอลแม่นยำ 87% / แย่งบอลกลับมาได้ 8ครั้ง / ชนะการดวล4ครั้ง / เคลียร์บอล 2ครั้ง / ตัดบอล 1ครั้ง และไม่มีผู้เล่นสิงโตคำรามคนไหนเลี้ยงบอลผ่านเจ้าตัวเลย
ส่วน คริสเตียน พูลิซิซ ปัจจุบันจะเจ็บบ่อย และกลายเป็นตัวสำรองของเซลซี แต่สำหรับกับทีมชาติสหรัฐ พูลิซิซ ยังเป็นแข้งคนสำคัญเสมอ แม้จะมีจังหวะการเล่นที่น่าหงุดหงิดทำพลาดเอง แต่ทว่าก็มีจังหวะใกล้เคียงกับการได้ประตู เพราะซัดไปชนคาน
เมกา ไม่หมูสำหรับอังกฤษ / สถานการณ์กลุ่มบียังไม่แน่นอน
ที่จริงอังกฤษ จะไม่ต้องไปลุ้นงานยากอะไรมากในนัดที่3 หากว่าเกมเมื่อคืนพวกเขาปราบ สหรัฐ อเมริกา ลงได้ บวกกับอีกคู่หนึ่งเป็นอิหร่านที่เอาชนะ เวลส์ ไปได้2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้สถานการณ์กลุ่มบี ต้องไปลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย
USA ที่เป็นรองอังกฤษเป็นอย่างมากในเรื่องตัวผู้เล่น แต่ทว่าพวกเขาก็สู้ได้อย่างไม่มีที่ติ อาศัยความหนุ่มความสดเข้าบดขยี้ แต่ทว่าเมื่อดูจากสถิติก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะ2ครั้งก่อนหน้านั้นที่เคยเจอกันในบอลโลกอังกฤษ ไม่เคยเอาชนะอเมริกา ได้
1950 อเมริกา ชนะ 1-0 / 2010 เสมอ 1-1 และล่าสุดเมื่อคืน 0-0 แถมสถิติยังบอกอีกด้วยว่า ทีมลุงแซม สร้างโอกาสทำประตูได้มากกว่า 11ต่อ7ครั้ง แต่ทว่าน่าเสียดายที่ลูกยิงเหล่านั้นลงเอยด้วยการติดบล็อคไปถึง4หน
นัดสุดท้าย เวลส์ พบ อังกฤษ โดยโอกาสในการเข้ารอบของทีมมังกรแดงมีเพียงน้อยนิด พวกเขาต้องเอาชนะสิงโตคำราม ให้ได้ด้วยสกอร์ที่ขาดลอย ส่วนอังกฤษเองขอแค่เสมอก็จะ ผ่านเข้ารอบ100% แต่หากเอาชนะได้ ลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะเข้าป้ายเป็นแชมป์กลุ่มแน่นอน
ส่วนสหรัฐ พวกเขามีเพียงทางเดียวนั่นก็คือ ต้องเอาชนะ อิหร่าน ให้ได้ ถึงจะผ่านเข้ารอบ ส่วนอิหร่านเอง ขอแค่เพียงไม่แพ้เกมสุดท้ายดังกล่าว ก็น่าจะเพียงพอทำให้ทีมของ คาร์ลอส เคย์รอส ผ่านไปเล่นรอบ16ทีมได้
- คอลัมน์นิสต์
- 268
- 26 พ.ย. 2565 14:20