สบายกว่าที่คิด ! สิงห์ เปิดบ้านอัดตราหมีนิ่ม 2-0 ฉลุยรอบ8ทีม
ผลจับฉลากรอบ16ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คู่ระหว่าง เซลซี กับ แอตเลติโก มาดริด แฟนบอลทีมสิงห์บลูส์หรือแฟนบอลทั่วๆไป คงคิดว่าเป็นงานที่ยากพอสมควรสำหรับ โธมัส ทูเคิ่ล ที่จะพาทีมดังแห่งกรุงลอนดอนทะลุผ่านเข้าไปเล่นรอบ 8ทีมสุดท้ายได้
แต่ทว่าสิ้นเสียงนกหวีด90นาที ทั้งจากสนามว๋านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ และ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นทางฝั่งของเซลซีที่คว้าชัยไปได้ทั้งสองนัด ( 1-0 และ 2-0) เรียกได้ว่าง่ายดายกว่าที่หลายๆคนคิดไว้เลยทีเดียว
เกมเมื่อคืนเซลซีได้สองประตูจาก ฮาคิม ซิเย็ค น.34 และ เอเมอร์สัน พัลมิเอรี่ น.90+4 โดยต้องตำหนิทางฝั่ง แอตเลติโก มาดริด ด้วย ที่ไม่เฉียบคมมากพอใจจังหวะสุดท้าย
ส่วนแนวรุก2นักเตะชาวเยอรมันอย่าง ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตช์ แม้จะไม่มีประตูมาฝากแฟนๆ
แต่ตลอดเกือบ90นาทีที่ทั้งคู่ได้ลงสนาม ต้องบอกว่าทั้งอดีตดาวเตะ เลเวอร์คูเซ่น และ ไลป์ซิก โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากๆ สร้างอิมแพคต่อเกมรุกของทีมได้
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับด้วยว่าเซลซีมีโชคมีดวงเหมือนกันกับจังหวะรอดพ้นใบแดงและจุดโทษของ เซซ่า อัซปิลิกวยต้า เมื่อกัปตันทีมชาวสเปน เหมือนจะใช้มือไปเหนี่ยวดึงไม่ให้ ยานนิค การ์ราสโก้ หลุดไปดวลกับ เอดูอาร์ เมนดี้ น.25
ซึ่งช็อตดังกล่าวเกิดขึ้นในตอนที่ สถานการณ์ยัง 0-0 หากเซลซีเสียทั้งใบแดงและจุดโทษ น่าจะทำให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญได้เลย
ทางฝั่ง แอตเลติโก มาดริด แม้จะพยายามสู้อย่างเต็มที่แต่พวกเขาก็ขาดไร้ซึ่งไอเดียในการเข้าทำมากๆ โดยเฉพาะในรายของ หลุยส์ ซัสเรส ที่แผลงฤทธิไม่ออกนักในนัดนี้
แล้วยิ่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวหลักของทีมตราหมีอย่าง สเตฟาน ซาวิซ มาโดนใบแดง น.82 ขณะที่ทีมตามหลังอยู่0-1 นั่นก็เท่ากับปิดโอกาสเข้ารอบ8ทีมสุดท้ายไปโดยปริยาย
เดฟ โชคดีที่ไม่โดนใบแดง
ถ้าเจอผู้ตัดสินที่เขี้ยวลากดินหน่อย มีโอกาสสูงมากๆที่ เซซ่า อัซปิลิกวยต้า จะโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ส่วนจุดโทษหรือไม่ก็เหมือนจะก้ำกึ่งไม่น้อย
กัปตัน เดฟ ส่งบอลคืนหลังไม่ดี ทำให้ ยานนิค การ์ราสโก้ สอดขึ้นมาฉกเอาบอลเพื่อไปดวลเดี่ยวกับ เอดูอาร์ เมนดี้ แต่ทว่ากัปตันทีมชาวสเปนเหมือนจะใช้มือเหนี่ยวดึงแล้วปล่อย ปีกชาวเบลเยี่ยม จนล้มลงในกรอบเขตโทษ
จังหวะดังกล่าวแม้ว่าจะเป็นในกรอบเขตโทษหรือนอกกรอบเขตโทษ แต่มันก็ชัดเจนมากๆว่า เดฟ กัปตันทีมเซลซีคือผู้เล่นคนสุดท้ายในการขัดขวาง การ์ราสโก้
ซึ่งหากจังหวะดังกล่าวเป็นจุดโทษและใบแดง น่าจะทำให้เกมเปลี่ยนได้เลยเพราะตอนนั้นสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามน่าแปลกใจไม่น้อยที่ผู้ตัดสินในสนามอย่าง ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้ กลับไม่พิจารณาจังหวะดังกล่าวด้วย VAR และตัดสินด้วยความมั่นใจจากสายตาของตัวเอง
ค่ำคืนที่ไม่น่าจดจำของซัวเรซ
ไม่มีใครปฎิเสธหรอกว่า นี่คืออีกหนึ่งฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมของ หลุยส์ ซัวเรซ แม้วัยจะปาเข้าไป34ปีแล้ว แต่18ประตู จาก24นัดในลาลีก้า นี่คือเครื่องการันตีพิษสงของหัวหอกชาวอุรุกวัยรายนี้
อย่างไรก็ตามค่ำคืนที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้นทำให้ หลุยส์ ซัสเรซ แตกต่างออกไปจากที่เราๆเคยเห็นในเวทีลาลีก้า ดาวยิงจอมเฉอะเล่นแย่ถึงขนาดที่มีเวลาพิสูจน์ตัวเองในสนามเพียงแค่ 59นาทีเท่านั้น
ซัวเรซ แทบจะโดนแนวรับเซลซีลักพาเจ้าตัวหายไปจากเกม โดยเฉพาะในรายของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ใส่กุญแจมือล็อกซัวเรซ ไม่ให้อยู่คลาดสายตาได้อย่างอยู่หมัด
อดีตดาวยิงบาร์เซโลน่า ได้บอลน้อยมากๆ เมื่อมีโอกาสผ่านบอลเพียงแค่9ครั้ง เปอรฺเซ็นต์ความแม่นยำมีอยู่เพียงแค่ 66.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แถมยังมีโอกาสสับไกลให้ทีมเพียงแค่ครั้งเดียว
461นาที ในถ้วยยูซีเอล ซัวเรซ ยังไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ให้กับทีมตราหมีได้เลยแม้แต่หนเดียว
บทบาทการเล่นที่เจ้าตัวได้รับจาก ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ นั่นก็คือการวิ่งตัดไลน์แนวรับของเซลซี แต่นั่นไม่ใช่จุดแข็งของเจ้าตัวที่อยู่ในวัย34ปีแล้ว ซึ่งความเร็วความคล่องตัวที่หายไปตามกาลเวลา
บทบาทใหม่ของ ฮาคิม ซิเย็ค
เนื่องด้วยการเข้ามาของ โธมัส ทูเคิ่ล มาซึ่งระบบแผนการเล่นใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เล่นตัวรุกในการโจมตีด้านกว้าง และมอบหน้าที่ดังกล่าวให้เป็นผู้เล่นในตำแหน่งวิงแบ็กแทน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามการขาดหายไปของ เมสัน เม้าท์ ก็ทำให้ ฮาคิม ซิเย็ค ได้โอกาสลงเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์เคียงข้างกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ปั้นเกมให้กับ ติโม แวร์เนอร์ ที่ได้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า
แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัดแต่ทว่าปีกชาวโมร็อกโก ก็สามารถใช้เทคนิคทักษะเฉพาะตัวเล่นงานแนวรับที่ว่าแข็งๆของทีมตราหมีได้หลายหน
แข้งวัย27ปี ยิงสกอร์เบิกร่องให้กับทีมได้ในนาทีที่34 แม้ลูกยิงดังกล่าวของซิเย็ค จะไม่ได้แรงและเสียบมุมมากพอ แต่มันก็ยังดีพอที่จะสามารถผ่านมือ แยน โอบัค ไปซุกตรงก้นตาข่ายได้
ประตูดังกล่าวจะนับว่าเป็นการปลดล็อคของอดีตปีก อาแจ็ก อัมสเตอร์ดัม ก็ว่าได้ เพราะนี่นับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวที่ทำได้กับเซลซี นับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2020 ในเกมกับเบิร์นลี่ย์
สถิติ ฮาคิม ซิเย็ค
100% ผ่านบอลยาวแม่นยำ
71 สัมผัสบอล
5 ครอสบอล
4 สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง
3 เลี้ยงบอลผ่าน
3 สร้างสรรค์โอกาส
3 แย่งบอลกลับคืนมา
3 โอกาสยิง
2 ยิงเข้ากรอบ
1 ประตู
พาสชั่นของ ติอาโก้ ซิลวา
ติอาโก้ ซิลวา ได้รับบาดเจ็บและลงสนามให้กับทีมไม่ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นั่นทำให้กองหลังจอมเก๋าชาวบราซิลรายนี้ ชวดลงสนามให้กับทีมในการดวลกับแอตเลติโก มาดริด ทั้ง2นัด
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสนามแต่ทว่ากองหลังวัย36ปีรายนี้ ก็ยังมีอารมณ์ร่วมพาสชั่นกับเซลซีอยู่เสมอ เมื่อกล้องถ่ายทอดสดจับภาพได้ว่า ซิลวา ส่งเสียงตะโกนกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมโดยตลอด
ติอาโก้ ซิลวา เป็นผู้นำโดยธรรมชาติ ประสบการณ์การค้าแข้งในระดับสูงที่ได้รับมา เจ้าตัวนำสิ่งนี้มาบอกกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมบนอัฒจรรย์ รวมถึงการบอกตำแหน่งของเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในสนาม กับช็อตการเล่นต่างๆ
นอกจากนี้กับจังหวะซัดประตูตอกฝาโลงของ เอเมอร์สัน แบ็กซ้ายตัวสำรอง เรายังได้เห็น ติอาโก้ ซิลวา วิ่งเข้าไปฉลองร่วมกับ เมสัน เม้าท์ และ จอร์จินโญ่ อีกด้วย
ตราหมี จะทนความกดดันได้ไหม
ช่วงต้นปี2021ที่ผ่านมา แอตเลติโก มาดริด ทำท่าว่าจะเข้าวินคว้าแชมป์ ลาลีก้าสเปน ได้เป็นหนแรกนับตั้งต่ปี 2014 เมื่อทิ้งห่างผู้ตามอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด 10กว่าแต้ม
การเข้ามาของ หลุยส์ ซัสเรซ ทำให้เกมรุกของทีมตราหมี มีความโหดดุดันขึ้นจนคาดกันว่านี่คงจะเป็นปีของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ และ แอตเลติโก มาดริด จริงๆ
แต่ทว่าเมื่อมองมาถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การเอาชนะคู่แข่งได้เพียง3จาก8นัดหลังสุดในลาลีก้า นั่นทำให้ บาร์เซโลน่า ไล่จี้พวกเขาเหลือเพียงแค่4แต้มเท่านั้น รวมถึงทีมอันดับ3อย่าง เรอัล มาดริด ที่ไล่ตามห่างๆเหลือ 6แต้ม
ยังไม่รวมถึงการแพ้ทีม จากดิวิชั่น3อย่าง คาร์เนลล่า 0-1 ตกรอบ2ฟุตบอลถ้วย โคปา เดลเรย์ แบบเหนือความคาดหมาย
เช่นกันกับหลังผลการจับฉลากรอบ16ทีม เมื่อปรากฎออกมาว่าต้องดวลกับเซลซี สื่อหลายสำนักก็แสดงความเชื่อมั่นว่า ลูกทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ จะเก๋าเขี้ยวลากดินมากพอที่จะผ่านเข้าไปเล่นรอบ8ทีมได้
โดยเฉพาะในนัดแรกทีมตราหมีแม้จะได้เล่นในบ้านเจอกับสิงห์บูลส์ กลับทำได้น่าผิดหวังมากๆเพื่อพ่ายไป 0-1 และตลอดทั้งเกม ยิงเข้ากรอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
โปรแกรมที่เหลืออีก11นัดในลาลีก้า กับการนำทีมอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด 4และ6แต้ม ตามลำดับ
ชักจะไม่แน่นอนเสียแล้วสำหรับ แอตเลติโก มาดริด สิ่งที่ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ต้องทำนั่นก็คือการเรียกสติและความมั่นใจของลูกทีมให้กลับมาเร็วที่สุด
- คอลัมน์นิสต์
- 927
- 18 ม.ค. 2564 13:37