ชาบู ทูเคิ่ล ! สิงห์ เชือด เรือ 1-0 ผงาดยูซีแอล เป๊ป จัดตัวพลาด
เรียกได้ว่าผิดคาดเล็กๆเลยก็ว่าได้สำหรับนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก ออล อิงลิช ไฟน่อล เมื่อ เซลซี เฉือน เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0 โดย เจ้าหนู ไค ฮาแวร์ตช์ ซัดประตูชัย .42 แม้ว่าสกอร์จะออกมาฉิวเฉียด แต่รูปเกมโดยรวมทางฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบไม่ได้สร้างความหนักอกหนักใจให้กับ สิงห์บูลส์ เลย
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น ทางฝั่งเรือใบสีฟ้าดูเหมือนจะเป็นต่ออยู่เล็กน้อย ทั้งบ่อนพนันถูกกฎหมาย รวมไปจนถึงกูรูลูกหนังหลายคนก็เชื่อมั่นว่า เจ้ายุโรปปีนี้ จะเป็นทางฝั่งสีฟ้า มากกว่าทางฝั่งสีน้ำเงิน แต่ทว่าเมื่อเห็นการจัดตัวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำให้สาวก ซิตี้ เซ้นต์ รวมไปจนถึง แฟนบอลซิตี้เฉพาะกิจ หวาดเสียวอยู่ไม่น้อย
เป๊ป จัดทีมแบบเต็มอัตราศึกเกินเหตุ โดยไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับเลย ทั้ง โรดี้ หรือ รวมไปจนถึง แฟร์นันดินโญ่ นัดชิงดำสุดสำคัญดังกล่าวยอดกุนซือชาวสเปนรายนี้ เลือกใช้ อิลคาย กุนโดกัน ที่หลังๆถูกดัดแปลงปรับเปลี่ยนพันธุกรรม มารับหน้าที่ดังกล่าวเพียงคนเดียว
ผลที่ออกมาคือ แดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชะลอเกมหรือหยุดเกมรุกของเซลซี ที่โจมตีมาจากตรงกลางไม่ได้เลย เพราะปราศจากตัวรับโดยธรรมชาติ
นี่ยังไม่รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ที่ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงแบบน่าเซอร์ไพรส์ ตลอด77นาทีที่อยู่ในสนามแข้งตูดใหญ่รายนี้ โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังน่าเกลียดน่ากลัวมากๆ
อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียขวัญและกำลังใจไปไม่น้อยนั้นก็คือการที่เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ชนกับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ จนแข้งชาวเบลเยี่ยมบาดเจ็บบริเวณคอ แล้วเล่นต่อไม่ไหว จนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามไป น.60
ทางฝั่งผู้ชนะเซลซี ต้องขอชื่นชมกุนซืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ที่วางแผนการเล่นแท็กติกมาได้เป็นอย่างดี นอกจากเปอร์เซ็นต์ครองบอล (ที่เป็นรองเพียงเล็กน้อย) พลพรรคสิงห์บูลส์ ทำได้ดีกว่าทีมดังเมืองแมนเชสเตอร์เกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการเข้าทำที่ได้น้ำได้เนื้อกว่า หรือแม้กระทั่งเวลาโดนบีบเพรสซิ่ง นักเตะเซลซี ก็ไม่แสดงอาการลนลานให้เห็นเลย
ส่วนพระเอกของงานเมื่อคืนคงหนีไม่พ้น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่โดดเด่นสุดๆในรอบรองชนะเลิศทั้ง2นัดที่เอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ มาจนถึงนัดชิงชนะเลิศ
มิดฟิลด์พลังม้ารายนี้ ก็เล่นได้อย่างโดดเด่นเช่นเคย ทุกๆที่ที่มีบอลคุณก็จะเอ็น กองเต้ อยู่บริเวณดังกล่าวเสมอ และรางวัล แมน ออฟ เดอะแมตช์ นี่คือเครื่องหมายบ่งบอกพิสูจน์ผลงานของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี
เจ้าหนู ไค ฮาแวร์ตช์ ที่้เหมือนจะมีชีวิตชีว่าในรั้ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ มากขึ้นนับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามาเป็นกุนซือ จากนักเตะที่โดนก้อนหินปาโจมตีอย่างหนักว่าไม่คุ้มกับค่าตัวที่สโมสรหว่านไปกว่า 71ล้านปอนด์
ฟอร์มในช่วงท้ายฤดูกาลที่กลับมาเป็น วันเดอร์คิดเมืองเบียร์ คนเดิม รวมไปจนถึงฮีโร่ ซัดประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศ ซีซั่นหน้าแฟนสิงห์ น่าจะได้เห็น เจ้าหนูไก่ รายนี้ในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นไปอีกแน่นอน
เป๊ป ทั้งประมาท และ มาเหนือเมฆเกินเหตุ
ก่อนเกมแทบไม่มีใครคิดหรอกว่า ยอดกุนซือชาวสเปนรายนี้ จะเลือกไม่ใส่มิดฟิลด์ตัวรับธรรมชาติสักรายลงในเกมนัดชิงชนะเลิศสุดสำคัญดังกล่าว แฟร์นันดินโญ่ และ โรดรี้ คือมิดฟิลด์ตัวรับขนานแท้ที่มีอยู่ในทีมเรือใบสีฟ้าตอนนี้ แต่ทว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับเลือกใช้ อิลคาย กุนโดกัน ทำหน้าที่ดังกล่าวแทน
โอเค แม้ว่ามิดฟิลด์เมืองเบียร์รายนี้ จะเคยเล่นในลักษณะเชิงรับมาก่อน แต่ทว่าในปัจจุบัน กุนโดกัน เหมือนจะมีสถานะโดนตัดต่อพันธุกรรม ให้กลายเป็นมิดฟิลด์ เชิงรุกมากกว่า เผลอๆบางนัดในพรีเมียร์ลีก อดีตนักเตะดอร์ทมุนด์รายนี้ ถูกดันสูงไปเล่นเป็นกองหน้าตัวหลอก FALSE 9 ด้วยซ้ำ
ฉะนั้นเกมเมื่อคืนเราจะเห็นได้ว่า เกมรุกของเซลซี สามารถทะลุเจาะจากตรงกลางเข้าสู่ในเขตโทษได้หลายครั้ง โดยเฉพาะประตูที่เสียให้กับเซลซี เชื่อว่าลูกจ่ายของ เมสัน เมาท์ จะไม่มีทางหลุดทะลุไปถึง ไค ฮาแวร์ตช์ ให้สำเร็จโทษได้ หากมีมิดฟิลด์ประเภทตัวรับธรรมชาติสักคนในสนาม
เข้าใจว่า เป๊ป น่าจะมั่นใจในศักยภาพนักเตะของตัวเอง ที่จะเล่นแบบเดินหน้าฆ่าฝ่ายเดียว ครอบครองบอลได้เบ็ดเสร็จ จึงให้กุนโดกันที่ระยะหลังโดดเด่นในเกมรับมากกว่าเกมรุก ลงสนามเป็นมิดฟิลด์ที่พอจะเล่นเกมรับได้ลงสนามเป็นตัวจริงเพียงแค่รายเดียว โดยปราศจาก แข้งนักเตะอย่าง โรดรี้ หรือ แฟร์นันดินโญ่
ไม่มีใครเถียงถึงฝีมือมันสมองระดับเพชรของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยู่แล้ว แต่ทว่าด้วยความเหนือชั้น (เกินไป) รวมถึงความกล้าเล่นในแท็กติกที่มาเหนือเมฆเกินกว่าเหตุ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ เมื่อคืนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ ยูซีแอล ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรสักที
ส่วน เป๊ป เองก็ไม่เคยพาสโมสรที่คุมทั้ง บาเยิร์น มิวนิค และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกเลย นับตั้งแต่หนสุดท้ายที่ทำได้เมื่อปี 2011 กับบาร์เซโลน่า
ฮาแวร์ตช์ ลบความผิดหวังจากช่วงต้นฤดูกาลออกไปหมดแล้ว
นี่คึอหนึ่งในนักเตะที่ถูกวิจารณ์แบบสาดเสียเทเสีย มากที่สุดคนหนึ่งในช่วงต้นฤดูกาลว่า เม็ดเงินที่ทางเซลซียอมวอดวายให้กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปกว่า 62+ 8 ล้านปอนด์ นี่คือการลงทุนแบบตำน้ำพริกละลายแม้น้ำอย่างแท้จริง แต่ทว่าเมื่อ ทูเคิ่ล เข้ามา ทุกๆอย่างกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
วันเดอร์คิดเมืองเบียร์รายนี้ ค่อยๆฉายแสงขึ้นมา ในช่วงท้ายฤดูกาล ความพริ้ว (แม้จะไม่ได้สปีดเร็วด่วนจี๊มาก ) จังหวะจะโคนการเล่น นั่นพอจะทำให้เราเห็นภาพของ อดีตเพลย์เมคเกอร์ชื่อดังอย่าง ริคาร์โด้ กาก้า อยู่ไม่น้อย
ช่วง5นัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ฮาแวร์ตช์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง4นัด และทำไปได้3ประตู กับอีก1แอสซิสต์ นั่นคือสัญญาณบวกเล็กๆน้อยๆของแข้งละอ่อนวัย21ปีรายนี้ ก่อนที่เจ้าตัวจะได้รับความไว้วางใจออกสตาร์ทเป็น 11ผู้เล่นตัวจริง ในเกมนัดชิงดำสุดสำคัญดังกล่าว
ฮาแวร์ตช์ เล่นในบทบาทคล้ายๆเพลย์เมคเกอร์ คอยซับพอร์ท ติโม แวร์เนอร์ แถมยังมีลงต่ำมาช่วยล้วงบอลในเวลาที่ทีมต้องเล่นเกมเปลี่ยนจากรับเป็นรุก นอกเหนือจากนี้อดีตนักเตะนายห้างขายยารายนี้นี่แหละ ที่เป็น ฮีโร่ ซัดประตูชัยพาเซลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นสมัยที่2ในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ประตูแรกจากการเล่น เวทียูซีแอล ให้เซลซีมา 12นัด ช่างทรงคุณค่า และลบเลือนช่วงเวลาฝันร้ายในช่วงต้นฤดูกาลของ ไค ฮาแวร์ตช์ เสียจริงๆ
ก็องเต้ ควรได้ลุ้น บัลลงดอร์
นี่ก็เป็นอีกครั้ง อีกครั้ง และ อีกครั้ง ที่ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ระเบิดฟอร์มมนุษย์ปอดเหล็กให้กับเซลซี เกมนัดชิงชนะเลิศกับเซลซี ก็เป็นอีกครั้งที่ มิดฟิลด์ร่างเล็กชาวฝรั่งเศสรายนี้ระเบิดฟอร์มซุปเปอร์ไซย่า คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะแมตช์ ไปครอง
เกมรอบรองชนะเลิศที่ดวลกับ เรอัล มาดริด ทั้งสองนัด ก็องเต้ ก็ได้รับรางวัลเป็น แมน ออฟเดอะ แมตช์ อย่างเป็นเอกฉันท์ ส่วนในนัดชิงดำก็เช่นกัน อดีตกองกลางเลสเตอร์ รายนี้ ไม่ได้มีมาตรฐานการเล่นที่ตกลงไปแต่อย่างใด
นี่คือหัวใจในแดนกลางของเซลซี คศ. นี้เลยก็ว่าได้ บอลอยู่ที่ไหนของสนามย่อมมีก็องเต้อยู่ที่นั่นเสมอ กองกลางวัย30ปีรายนี้ ทำลายและปั่นป่วนสร้างความน่ารำคาญให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้หลายครั้ง มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังเปิดอัลติ ใช้ออปชั่นพิเศษเปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุกให้กับทีมได้อีกด้วย
เราจะได้เห็นผู้บรรยายหรือคอมเมนเตเตอร์ ถึงขนาดชมก็องเต้ ว่ามีกี่ปอดกันแน่ หรือในสนามเมื่อคืนกองเต้ แยกร่างได้รึเปล่า
เพราะเห็นเจ้าตัวอยู่แทบจะทุกๆบริเวณพื้นที่สำคัญของสนาม ทำเป็นเล่นไปหากว่า ทีมชาติฝรั่งเศส สามารถคว้าแชมป์ยูโร 2020 ได้ โดยที่ก็องเต้ เป็นหนึ่งในดาวเด่นคีย์แมน ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว
เราอาจได้เห็นชายร่างเล็ก ที่พร้อมด้วยรอยยิ้มแต่ถ่อมตนมาตลอด อย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ติด1ใน3คน สุดท้ายแคนดิเดต บัลลงดอร์ ปีที่จะถึงนี้ก็เป็นได้
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ Vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
85% ผ่านบอลแม่นยำ
53 สัมผัสบอล
11 ชนะการดวล (มากที่สุด)
10 แย่งบอลกลับมาได้ (มากที่สุด)
4 ชนะลูกกลางอากาศ
3 แท็กเกิ้ล
2 สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษ
2 เคลียร์บอล
2 ตัดบอล
2 เรียกฟาว์ล
อาจถึงเวลา ราฮีม ถูกขายทิ้ง
นี่เป็นอีกหนึ่งขุมกำลังหลักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาตลอด พิสูจน์ได้จากผลงาน 65ประตู จาก 131นัดในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่กุนซือชาวสแปนิชรายนี้ เข้ามารับหน้าที่นายใหญ่แห่งถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามนี่คือซีซั่นที่ ราฺฮีม สเตอร์ลิง เล่นได้หลุดฟอร์มอย่างน่าเกลียดที่สุด กับทีมเรือใบสีฟ้า ความมั่นใจ จังหวะการเล่นที่ดูลนลาน การประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม รวมไปจนถึงความเฉียบขาดในการทำประตู นี่คือสิ่งที่ดาวเตะก้นงอนรายนี้ ทำหล่นหายลงไป
มิหนำซ้ำการมีตัวเปรียบเทียบเป็นเจ้าหนู ดาวรุ่ง ที่ทั้งสดและห้าว อายุน้อยร้อยความสามารถอย่าง ฟิล โฟเด้น นั่นยิ่งทำให้ ราฮีม ดูแย่ขึ้นไปอีก เกมนัดชิงกับ แมนฯซิตี้ สเตอร์ลิง ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงอย่าง น่าเซอร์ไพรส์ ซึ่งอาจจะมองในมุมของ เป๊ป ที่ต้องการซื้อประสบการณ์ของเจ้าตัวในเกมสุดสำคัญนี้มากกว่า
แต่ทว่าถึงกระนั้นก็ตาม แข้งเบอร์7ของเรือใบสีฟ้ารายนี้ ก็ไม่ได้ตอบแทนความไว้วางใจที่ เป๊ป มอบให้เลย ถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็นนักเตะที่เรียกเสียงกร่นด่า ได้ในแทบจะทุกจังหวะ ซิตี้ เอง ก็มี ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เป็นแบบดังกล่าวเช่นกัน
นี่คืออีกหนึ่งโควตาที่สูญเปล่ามากๆของ ซิตี้ เมื่อคืน ราฮีม แทบไม่ได้สร้างความหนักหนักใจให้แนวรับเซลซีเลย รีส เจมส์ แทบจะยืนลูบปากทุกครั้งที่ได้ดวลกับเจ้าตัว มิหนำซ้ำ สเตอร์ลิง ก็พลาดจังหวะสบโอกาสขึ้นนำช่วงต้นเกม
เมื่อได้หลุดไปทางด้านซ้าย แต่กลับจับเงื้อง่าราคาแพง จนหาจังหวะยิงไม่ได้ จนได้ยิงแบบตอกส้นแก้แป๊กๆเขินในท้ายที่สุด
ชาบู ทูเคิ่ล ชายผู้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เซลซี ภายในระยะเวลา4เดือน
ตอนที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด คุมเซลซี นัดสุดท้าย ที่บุกไปแพ้ให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ 0-2 ณ วินาทีนั้น พลพรรคสิงห์บูลส์ จมอยู่อันกับ9ของตารางคะแนน หากตอนนั้นมีคนทะลึ่งไปบอกว่า เซลซี จะยังสามารถจบท็อปโฟร์ และคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ คนคนนั้นคงถูกมองว่าบ้า หรือไม่ก็ เมาฝันกลางวันไปแล้ว
แต่สิ่งที่ถูกมองว่าเพี้ยนหรือเป็นไปไม่ได้ กลับเกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วยมันสมองและสองมือ ของชายที่ชื่อ โธมัส ทูเคิ่ล ที่บันดาลสร้างเสกสิ่งมหัศจรรย์ที่ยากจะเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นในรั้วถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่ 4เดือน
จากทีมที่หลังรั่วเป็นว่าเล่นในยุคของ แลมพาร์ด กุนซือชาวเยอรมันรายนี้ คิดใหม่ทำใหม่ด้วย ระบบแท็กติกหลัง3 นักเตะที่้เหมือนจะดับไปแล้วก็กลับมาเกิดใหม่ได้อย่างเฉิดฉายทั้ง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า รวมไปจนถึง มาร์กอส อลอนโซ่
สิงห์บูลส์กลายเป็นทีมที่หลังแน่นขึ้นอย่างทันตาเห็นในระบบการเล่นของ ทูเคิ่ล ทั้งที่นักเตะก็เป็นมรดกชุดเดิมจาก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ส่วน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่มีข่าวลือย้ายทีมในช่วงที่เสียตำแหน่งตัวจริงให้ทาง มัตเตโอ โควาซิซ และ จอร์จินโญ่ แข้งชาวฝรั่งเศส ก็กลับมาเป็นนักเตะที่ทีมขาดไม่ได้อีกครั้ง
ยังไม่ร่วมถึงเจ้าหนู ไค ฮาแวร์ตส์ ที่ค่อยๆดีขึ้นมาเรื่อยๆ ในช่วง1-2เดือนสุดท้ายของฤดูกาล สภาพบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวของเซลซี นั้นดีมากๆ
- จากทีมอันดับ 9 กลับมาจบอันดับ4
- พาทีมเป็นรองแชมป์ เอฟเอ คัพ
- โค่นเอาชนะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทั้ง3นัด
- พลิกฟอร์ม ไค ฮาแวร์ตส์ ให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง
- พาเซลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
นี่คือสิ่ง มหัศจรรย์ที่ โธมัส ทูเคิ่ล บันดาลให้เซลซี ภายในระยะเวลา 4เดือน
- คอลัมน์นิสต์
- 370
- 30 พ.ค. 2564 15:26