เอาไงเซาธ์เกต ! สก็อต วิ่ง สู้ ฟัด แบ่งแต้มอังกฤษ 1-1
เรียกได้ว่าเริ่มออกลายเดิมๆเสียแล้วสำหรับทีมชาติอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เมื่อนัดล่าสุดทำได้เพียงแค่เสมอกับเพื่อนบ้าน สก็อตแลนด์ 0-0 ทั้งที่ก่อนเกม ทัพสิงโตคำราม ค่อนข้างเป็นต่อมากๆ และถูกคาดการณ์ว่าจะอัดทีมแดนน้ำเมาไปได้แบบไม่ระบมหัวแม่เท้า หลังจากที่สก็อตแลนด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดบู่ในนัดแรกที่ พ่ายให้กับ สาธารณรัฐ เช็ก 1-2
แต่ทว่าเกม90นาทีที่ เวมบลีย์ ลอนดอน เป็นทางฝั่งสก็อตแลนด์ ที่ทำได้ดีกว่า วิ่ง สู้ ฟัด ใช้พละกำลังกัดไม่ปล่อย ผู้เล่นทีมชาติอังกฤษจนทำอะไรไม่ถนัด ซึ่งถ้าหากลูกทีมของ สตี๊ฟ คล้าร์ก มีวิญญาณ เพชรฆาต ความเฉียบคมมากกว่านี้ พวกเขาน่าจะคว้า3แต้มสำคัญกลับออกไปได้
ขุนพล " ดาร์ตัน " ที่ศักยภาพเป็นรองนักเตะทัพ " สิงโตคำราม" แทบจะทุกด้าน แต่ก็สวมบทหัวใจนักสู้ สู้เพื่อศักดิ์ศรี ในศึก " แบ็ทเทิ่ล ออฟ บริเทน " วิ่งเข้าเร็วทุกจังหวะ ไม่ปล่อยให้อังกฤษมีเวลาคิด มีเวลาจ่ายบ่อยง่ายๆ มิหนำซ้ำในเกมรับพวกเขายังเล่นกันได้อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยระเบียบวินัย ลงไปถอยปิดพื้นที่ในพื้นที่สุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม
โดยเฉพาะไอ้หนุ่มวัยห้าวเป้งจากค่ายเซลซีอย่าง บิลลี่ กิลเมอร์ ที่สมหัวใจสิงห์สู้ไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะการรับมือกับเพื่อนร่วมทีมที่สโมสรอย่าง เมสัน เมาท์ รวมไปจนถึงการคุมจังหวะเกมในแดนกลาง Tempo จังหวะการเล่นต่างๆ นี่คือสิ่งที่กองกลางวัย20ปีรายนี้ ทำได้ดีจนน่ากระแทกฝ่ามือให้
อังกฤษ ก่อนทัวร์นาเม้นต์เริ่มขึ้น พวกเขาคือหนึ่งในทีมเต็ง (เต็ง2) ที่ถูกคาดการณ์กันว่า จะซิวแชมป์ยูโร 2020 แต่ทว่าเมื่อพิจารณาดูจากผลงานทั้งกับเกมเชือดโครเอเชีย และเสมอกับ สก็อตแลนด์ ต้องบอกได้เลยว่าพวกเขา ยังห่างไกลกับคำว่า แชมเปี้ยนส์
เพราะเมื่อไปเทียบกับบรรดาชาติยักษ์ใหญ่หลายๆทีมอย่าง อิตาลี / ฝรั่งเศส / โปรตุเกส / เบลเยี่ยม / เนเธอร์แลนด์ ต้องบอกเลยว่า พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " ยังเป็นรองทีมเต็งดังกล่าวอยู่หลายขุม
ส่วนเกมรุกของทีมชาติอังกฤษก็น่ากังวลอยู่ไม่น้อย เพราะสองนัดที่ผ่านมา พวกเขาซัดไปได้เพียงแค่1ประตู ส่วนดาวยิงผู้เป็นความหวังสูงสุดอย่าง แฮร์รี่ เคน ก็กลับแผลงฤทธิแผลงศรไม่ออก แทบจะไม่มีบทบาทกับเกมเลยด้วยซ้ำ เรียกได้ว่าเป็นคนละร่างกับ เคน ที่อยู่กับไก่เดือยทองเลยทีเดียว
จากที่โดนแฟนบอลปรามาสไม่เชื่อน้ำยาฝีมือในการทำทีม ผลการแข่งขันที่ออกมายิ่งทำให้แฟนบอลอังกฤษ ยี้มากขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดตัวผู้เล่นที่กุนซือวัย 50ปีผู้นี้ ดูเหมือนจะยังติดนิสัยปอดแหกไม่เลิก ใส่มิดฟิลด์ ตัวรับในทีมไปถึง2คน ทั้งที่คู่แข่งก็ไม่ใช่ทีมที่เหนือกว่าแต่อย่างใด การเป็นคนขี้ระแวงไม่กล้าได้กล้าเสีย มันสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านสไตล์การเล่นของลูกทีมในสนาม
ยังไม่ร่วมถึงแท็กติกการแก้เกม ที่ชวนให้แฟนบอลเกิดอาการ "พ่อไม่เข้าใจตุ้ม " อยู่ไม่น้อย เกมที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อคืน แกเร็ธ เซาธ์เกต เปลี่ยนตัวผู้เล่นเพียงแค่2คน นั่นก็คือ นั่นก็คือ แจ็ค กลีลิช แทน ฟิล โฟเด้น และ มาร์คัส แรชฟอร์ด แทน แฮร์รี่ เคน กลับปล่อยโควตาที่เหลือทิ้งดื้อๆ โดยเฉพาะการเมินเฉยต่อ เจดอน ซานโช่ ที่ไม่ได้ลงสนามแทนที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่เล่นอย่างแย่เหลือเกินในเกมเมื่อคืน
ปรับเปลี่ยนฟูลแบ็ก
นี่น่าจะเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ทำถูกใจแฟนบอลทีมสิงห์โตคำรามเมื่อคืน นั่นก็คือการปรับเปลี่ยนในตำแหน่ง แบ็กทั้งสองฝั่ง รีซ เจมส์ ได้ทำหน้าที่ฟูลแบ็กด้านขวา แทนที่ ไคล์ วอล์คเกอร์
น่าจะด้วยเหตุผลที่ แข้งจากเซลซี รายนี้เติมเกมบุกได้เมามันกว่า แบ็กจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ดูจะเน้นเกมรับมากกว่า แถมอีกอย่างคู่แข่งตรงหน้าคือ สก็อตแลนด์ ทำให้ พวกเขา อาจต้องไม่ต้องพะวงกับเกมรับมากเกินไป และจึงเลือกแบ็กที่เน้นเกมรุกมากกว่าเกมรับ
ส่วน ลุค ชอว์ ก็ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในตำแหน่งแบ็กซ้าย แทนที่ คีแรน ทริปเปียร์ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต น่าจะคิดถูกต้องมากที่สุด ท่ามกลางอะไรหลายอย่างที่ย่ำแย่ของทีมชาติอังกฤษเมื่อคืน รีซ เจมส์ มีการเติมเกมบุกที่ยอดเยี่ยม ทว่าน่าเสียดายที่การเปิดบอลของเจ้าตัวขาดความแม่นยำไปหลายครั้ง แต่ก็ยังมีช็อตโหม่งเคลียร์บอลจากเส้น ช่วยให้ทีมรอดพ้นการปราชัยได้สำเร็จ
ส่วนแบ็กก้นงอนจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าฟอร์มการเล่นในนามทีมชาติทำได้ไม่ดีเท่าในเกมสโมสร มีจังหวะทำชิ่งสวยๆ มีโอกาสหลุดเดียว แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าตัวดูจะเน้นมากไปหน่อย จนยิงบอลหลุดออกนอกกรอบไป ความดีไม่มีความชั่วไม่ปรากฎ อาจจะเป็นสิ่งที่นิยาม ลุค ชอว์ ในเกมเมื่อคืน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ก็ต้องชื่นชมการติดตั้งระบบหลัง3ของ สก็อตแลนด์ ด้วยที่สามารถบีบตำแหน่งการวิ่งเกมริมเส้นของทีมชาติอังกฤษได้ดี จนบรรดาผู้เล่นริมเส้นฝั่งซ้าย/ขวา ของพลพรรคสิงโตคำรามทำอะไรไม่ถนัดถนี่นัก
แฮร์รี่ เคน โดนลักพาตัวหายออกไปจากสนาม
นี่คือหนึ่งในผู้เล่นที่ทำตัวน่าผิดหวังที่สุดคนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษ สำหรับ2นัดกับ โครเอเชีย และ สก็อตแลนด์ แฮร์รี่ เคน มาร่วมทัวร์มาเม้นต์ ยูโร2020 หนนี้ ในฐานะตัวเต็งอันดับต้นๆที่จะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปนอนกอด
ความเงียบเชียบ การถูกลักพาตัวออกไปจากเกม การมีส่วนร่วมกับเกม รวมไปจนถึงโอกาสในการลั่นไกส่องประตู ที่นับครั้งได้ แฮร์รี่ เคน ในสีเสื้อทีมชาติอังกฤษ ยังไม่ใช่ร่างดาวยิงจอมถล่มประตูที่เราเห็นกันจนชินตากับสเปอร์ส
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามหากจะโทษดาวยิงจากคลับไก่รายนี้ฝ่ายเดียวคงจะไม่ยุติธรรมนัก ต้องยอมรับกันตามตรงว่า การสร้างโอกาสจากบรรดาแนวรุกตัวสนับสนุนอย่าง ฟิล โฟเด้น / เมสัน เมาท์ / รวมไปจนถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ไม่สามารถคิดงานครีเอทจังหวะบอลสวยๆให้ แฮร์รี่ เคน สับไกลได้เหน่งๆเลย
เมื่อหาโอกาสยิงไม่ได้ บอลไม่มาถึง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เคน ต้องลงมาล้วงบอลต่ำหลายครั้ง ทำให้ เวลาที่อังกฤษจะโจมตีในบางจังหวะก็ไม่มี ดาวยิงที่รอค้ำอยู่ในกรอบเขตโทษเลย มิหนำซ้ำ เมื่อโดนเกมเพรสซิ่งหนักๆจากสก็อตแลนด์ เหล่าแนวรุกหน่วยล่าสังหารของอังกฤษแทบจะทำอะไรได้ไม่ถนัดเลย
ในขณะที่ พาทริค ชิค ดาวยิงโนเนมจาก โปแลนด์ ขึ้นนำเป็นดาวซัลโว (3ประตู) ของทัวร์นาเม้นต์ ส่วน แฮร์รี่ เคน ยังไม่สามารถนับหนึ่งกับยูโร2020 ได้เลย นั่นคือการบ้านกองโต ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องปลุกวิญญาณดาวยิงของหอกอันดับ1ของทีมรายนี้กลับมาให้ได้
ยังไง กลีลิช ก็ดีกว่า ราฮีม
นี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่แฟนบอลหลายๆคนทางบ้านไม่ค่อยเข้าใจ สิ่งที่อยู่ในความคิดของ แกเร็ธ เซาธ์เกต นัก นั่นก็คือการเลือกใช้งาน ราฮีม สเตอร์ลิง อย่างสม่ำเสมอในนามทีมชาติ ทั้งที่ผลงานในสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ค่อนข้างย่ำแย่ จน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตัดให้เจ้าตัวหลุดเป็นตัวสำรอง
เข้าใจว่า เซาธ์เก็ต อาจจะซื้อในความเก่าประสบการณ์ในเกมทีมชาติ ของ ราฮีม สเตอร์ลิง เราต้องไม่ลืมว่า " หนูหริ่ง " คือกำลังหลักในเกมรอบคัดเลือกยูโร 2020 ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวซัดไปได้ถึง8ประตู ซึ่งเป็นรองเพียงแค่ แฮร์รี่ เคน ในทีมคนเดียวเท่านั้น
ส่วนในเกมที่เอาชนะ โครเอเชีย 1-0 และ สเตอร์ลิง เป็นฮีโร่กดประตูเดียวของเกม แม้จะมีลูกขยันวิ่งไล่บอล แต่ในเกมดังกล่าว นอกจากจังวะซัดประตูชัย ราฮีม เองแทบจะทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย เกมกับสก็อตแลนด์ ก็เช่นกัน
จังหวะยึกๆยักๆ เวลาได้บอล กระชากบอล ก็ไม่ผ่านแข้งนักเตะทัพดาร์ตัน เลย แถมยังมี เฟิร์สทัช ที่ย่ำแย่ จับบอลลั่นจนเสียโอกาส เล่นบอลจังหวะสวยๆต่อมาหลายครั้ง
แจ็ค กลีลิช ถูกส่งลงสนามแทน ฟิล โฟเด้น น.63 โดยสตาร์จาก แอสตัน วิลล่า รายนี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียกฟาวล์ให้ทีม ณ วินาที ที่เจ้าตัวถูกเปลี่ยนตัวลงมา แทบจะเป็นความหวังและความกดดันที่ถาโถมเข้ามาใส่เจ้าตัวมากๆ 27นาทีที่อยู่ในสนาม ( ไม่นับช่วงทดเวลาบาดเจ็บ) " ไอ้แจ็ค " ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างในเกมรุกให้ทีมได้ มากมาย
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ทั้งสองนัดที่ผ่านมา ในแนวรุกมีเพียงแค่ เมสัน เมาท์ เท่านั้นที่ดูเริ่มจะคายพิษสงได้บ้าง ส่วน ราฮีม สเตอร์ลิง น่าจะถูกจับไว้บนม้านั่งสำรอง แล้วให้โอกาส แจ็ค กลีลิช ออกสตาร์ทเป็น 11ผู้เล่นตัวจริงบ้าง
เพราะฟอร์มในระยะหลังกับสโมสร รวมไปจนถึงเกมอุ่นเครื่องทีผ่านมา ต้องบอกเลยว่า กลีลิช ฉีกหนี ราฮีม ไม่เห็นฝุ่น ทีนี้ต้องขึ้นอยู่กับ เซาธ์เกต แล้วแหละว่าเจ้าตัวจะกล้าเสี่ยงคิดใหม่ทำใหม่ไหม ?
เลือดสก็อตนักสู้ บิลลี่ กิลเมอร์
หากใครอยากรู้ว่านิสัยใจคอของคนสก็อตเป็นไง ให้ดูฟอร์มการเล่นของนักเตะสก็อตแลนด์ เมื่อคืน โดยเฉพาะกับ มิดฟิลด์วัยห้าวเป้งอย่าง บิลลี่ กิลเมอร์ ที่โดดเด่นมากๆ จนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะแมตช์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งชุดใหญ่ของเจ้าตัวที่ได้รางวัลดังกล่าว ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร
เราได้เห็นช็อตแบทเทิ่ลสวยๆระหว่างเจ้าตัวกับเพื่อนร่วมทีมเซลซีอย่าง เมสัน เมาท์ หลายครั้ง แม้จะเริ่มต้นเกมได้อย่างตะกุกตะกัก แต่เมื่อตั้งหลักจูนเครื่องได้ กิลเมอร์ คือผู้คุมจังหวะ TEMPO การเล่นของสก็อตแลนด์อย่างแท้จริง ความนิ่งเยือกเย็นเกินอายุ จังหวะครองบอลที่เหนียวแน่น ความขยันเวลาที่ทีมต้องการวิ่งเพรสซิ่งไล่บอล นี่คือสิ่งที่ห้องเครื่องวัย20ปีรายนี้ ทำได้ไร้ที่ติเมื่อคืน
คาลวิน ฟิลลิปส์ ที่โดดเด่นมากๆในเกมกับ โครเอเชีย ก็ทำอะไรไม่ได้ แทบไม่มีส่วนในเกมรับและรุกของทีม จนเสียราคา " ปิร์โล่ แห่ง ยอร์คเชียร์ " ไปเสียหมด เมื่อเจอการประกบติดและทำลายเกมของบรรดามิดฟิลด์ผึ้งงานอย่าง จอห์น แม็คกินน์ / คัลลั่ม แม็คเกรเกอร์ ที่ผนึกกำลังกันกับ กิลเมอร์ ได้อย่างดี
ส่วน สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ หรือ " เจ้าหนูแม็คทอม " ของเด็กผี ที่นัดนี้ถูกโยกมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฝั่งขวา ในระบบหลังสาม แม้ไม่ใช่ในตำแหน่งที่เจ้าตัวถนัด แต่แข้งวัย24ปีรายนี้ ก็ทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างไม่ขัดเขิน การยืนตำแหน่งที่ดี พละกำลังที่เหลือล้นนี่คือ สิ่งที่เจ้าตัวแสดงออกมาให้เห็นในนัดนี้
นี่ยังไม่นับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ดันสูงเล่นในตำแหน่งวิงแบ็ก ซึ่งชื่อของแบ็กซ้ายตัวเก่งของลิเวอร์พูลรายนี้ก็ขึ้นชื่อยู่แล้วในเรื่องของความฟิตที่พกมาเต็มถังเสมอเวลาที่ได้รับโอกาสลงสนาม รุกและรับ ขึ้นสุดลงสุดนี่คือนิยามของ โรเบิร์ตสัน ในนัดนี้ นี่คือผู้รับเหมาลูกครอสจากด้านข้างของทีม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะโอเพ่นหรือเซ็ตเพลย์
บิลลี่ กิลเมอร์ Vs อังกฤษ
90% ผ่านบอลแม่นยำ
49% สัมผัสบอล
40 ผ่านบอลสำเร็จ
8 แย่งบอลกลับคืนมาได้
4 วางบอลยาว
2 ชนะการดวล
2 แท็กเกิ้ล
หรือเซาธ์เกตจะแผนล้ำลึกมากๆ
หรือว่าที่ทีมชาติอังกฤษเล่นกันไม่เอาอ่าวในนัดนี้ มันคือแผนการขั้นล้ำลึกของ แกเร็ธ เซาธ์เกต กันแน่ เพราะว่าตามการไขว้สาย แชมป์กลุ่มของดี จะไปพบกับอันดับ2ของกลุ่มเอฟ ที่ว่ากันว่าเป็นกรุ๊ป ออฟ เดธ มีทั้ง สเปน เยอรมัน ฝรั่งเศส ทำให้ ทัพสิงโตคำรามจึงไม่อยากคว้าแชมป์กลุ่มไปดวลกับบรรดาทีมดังกล่าว...อืมนะ
นี่คือโจ๊กที่หลายๆคนมาใช้แซวทีมชาติอังกฤษเมื่อคืน ซึ่งอาจจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ได้ เราไม่อาจรู้แนวคิดของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เพราะในการลงเล่นในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆเล่ห์เหลี่ยม ความแพรวพราว คือสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่เรื่องที่จริงอย่างหนึ่งเมื่อคืนคือ ฟอร์มของทัพ " ทรี ไลออนส์ " ทำให้แฟนบอลกร่นด่าอยู่ไม่น้อย
ด้วยศักยภาพตัวผู้เล่นรวมถึงชื่อชั้นนักเตะ ไม่มีช้อยส์อื่นสำหรับอังกฤษเลยนอกจากการคว้า3แต้ม เหนือทีมเพื่อนบ้าน (ผู้น่ารำคาญ) แถมยังต้องเอาชนะแบบน่าประทับใจด้วย แต่ทว่าสิ้นเสียงนกหวีด90นาที ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อคืน ทัพสิงโตคำราม ไม่ได้ทำในสิ่งที่ใกล้เคียงหรือเฉียดกับสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังทั้งสองอย่างก่อนเกมเลย
เกมรุกในทัวร์นาเม้นต์นี้ ทีมชาติอังกฤษทำได้บอดสนิทมาตลอด การเล่นของ ฟิล โฟเด้น และ ราฮีม สเตอร์ลิง ดูเหมือนจะไม่ช่วยซัพพอร์ต แฮร์รี่ เคน เท่าที่ควร เล่นไปคนละทิศละทาง จนหัวหอกทีมไก่เดือยทอง ต้องลงมาโฮลบอล ล้วงบอลเองหลายครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่เสียของมากๆ สำหรับการเอาดาวยิงระดับพระกาฬขนาดนี้ มาเล่นในบทบาทดังกล่าว
นี่ยังไม่รวมถึงความกล้า ในการเพิ่มตัวรุก ด้วยการถอดตัวรับออก เพื่อส่งดาวยิงเข้ามาเพิ่มเพื่อหมายทำประตู คาลวิน ฟิลลิปส์ และ เดแคลน ไรซ์ ซึ่งเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ และโชว์ผลงานได้อย่างต่ำกว่ามาตรฐานทั้งคู่ น่าจะมีสักคนหนึ่งที่โดนถอดออก แล้วให้โอกาส เจ้าเวหาอย่าง โดมินิค คัลเวร์ต ลูวิน ลงมาสร้างความปั่นปั่วนให้แนวรับสก็อตแทน
ส่วนในรายของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่ว่ากันว่าเป็นลูกรักในคาถาของ อดีตกุนซือ โบโร่ รายนี้ เมื่อคืน ราฮีม ที่โชว์เพลงแข้งได้บัดซบมากๆ กลับได้อยู่ในสนามครบ90นาที เจดอน ซานโช่ ว่าที่นักเตะค่าตัวแพง ยังไม่ได้ลงสนามในทัวร์มาเม้นต์ดังกล่าวให้กับทีมเลยแม้แต่นาทีเดียว ทั้งที่ฟอร์มกับสโมสรระยะหลัง ต้องบอกได้เลยว่า ซานโช่ กินขาด
โอเคว่า ฟุตบอล ทัวร์นาเม้นต์ บางทีมที่เริ่มต้นไม่ค่อยดี อาจจะไปพีคๆ เมื่อเข้ารอบลึกๆ แต่ก็มีหลายทีมที่กระท่อนกระแท่นตั้งแต่รอบแรก แล้วก็ไปตายสนิทตอนรอบน็อกเอ้าท์ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมเต็งหลายๆทีม ตอนนี้ ต้องบอกเลยว่า พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังที่สุดและแทบมองไม่เห็นเลยว่าพวกเขาจะไปถึงแชมป์ ยูโร2020 ด้วยวิธีไหน
- คอลัมน์นิสต์
- 366
- 19 มิ.ย. 2564 14:56