อิริคเซ่น เอฟเฟ็กต์ ! ผึ้งน้อยบุกต่อยสิงห์ยับคารัง 4-1 ยาเนลท์ กดเบิ้ล
ไม่รู้ว่าเป็นเอฟเฟ็กต์จากโปรแกรมทีมชาติเปล่า ถึงทำให้เซลซีรวนออกมาขนาดนี้ หลังโปรแกรมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์ที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา พวกเขามีเกมที่ดูแล้วไม่น่าจะยากเย็นนัก ด้วยการเปิดบ้านฟาดแข้งกับทีมครึ่งล่างของตารางที่ฟอร์มแรงขึ้นมาอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ของกุนซือ โธมัส แฟร้งค์
แม้ว่าเปอร์เซ็นเตอร์การครองบอล ทีมผึ้งน้อยจะเป็นรองแต่ทว่า รายละเอียดต่างๆในเกม เบรนท์ฟอร์ด ทำได้ดีกว่าเจ้าบ้านหลายๆอย่าง ทั้งในเรื่องของการจบสกอร์ การเข้าทำในพื้นที่สุดท้าย การเล่นเกมสวนกลับ จังหวะต่างๆที่ลงตัว
อะไรต่างๆนาๆเหล่านี้ ทำให้ทุกอย่าง ลงล็อค บุกมาถล่ม เซลซี ได้คารังยับเยิน 4-1 แม้ว่าจะเป็นทางฝั่ง สิงห์บูลส์ ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกยิงผีจับยัดสุดๆระยะเกือบ 40หลาของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ น.48
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม " เดอะ บีส์ " ก็ไม่ได้มีอาการเครื่องรวนให้เห็นยังเล่นในแบบสไตล์ของตัวเอง เพรสซิ่ง ไล่บอลช่วยกันทุกคน ตั้งแต่แดนหน้า และสุดท้ายก็มายิงแซงคืน 4ประตูรวดเดียวจาก วิตาลี่ ยาเนลท์ เหมาคนเดียวสองประตู น.50 และ 64 ส่วนอีกสองเม็ดได้จาก คริสเตียน อิริคเซ่น น.60
และปิดท้ายด้วยตัวสำรองอย่าง โยฮัน วิสซ่า น.87 จบเกม เบรนท์ฟอร์ด บุกมาชนะ เซลซี คาบ้าน 4-1 และด้วยสถานการณ์อันดับในตารางน่าจะทำให้ พวกเขารอดตกชั้นลงไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้่ยน ชิพ ค่อนข้างชัวร์แล้ว
ส่วนผู้ปราชัยเซลซี โอเคแม้ว่าจะไม่ได้เสียหายอะไรมากนักจากตารางคะแนน พวกเขาน่าจะจบอันดับ3ของตารางได้ไม่ยาก แต่ทว่ามันก็เป็นเหมือนการเปิดแผลให้คู่แข่งได้เห็น ระยะหลังที่เซลซีเอาชนะคู่แข่งถี่ๆรัวๆ
รูปเกมพวกเขาก็ไม่ได้เหนือกว่าเลย หลายนัดต้องอาศัยเซฟมหัศจรรย์ของ เอดูอาร์ เมนดี้ ช่วยให้เกมไม่โดนนำไปก่อนด้วยซ้ำ ก่อนที่จะมาได้ทีเด็ดจากแนวรุกที่คมกว่า มีประสิทธิภาพสูงกว่า คว้า3แต้มไปได้
โดยผู้เล่นที่ผิดฟอร์ดหรือฟอร์มน่าเกลียดสุดๆของเซลซี เห็นทีจะเป็น รูเบน ลอฟตัส ชีค ที่นานๆทีจะได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริง แต่ทว่าก็ทำพลาดในหลายๆจังหวะโดยเฉพาะเรื่องของการคุมเกมในแดนกลาง ที่ไม่สามารถทำได้เนียนและดีเท่ากับ ขาใหญ่ตัวจริงอย่าง จอร์จินโญ่ หรือ มัตเตโอ โควาซิซ เลย
ส่วนผู้มาเยือน มีนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นในสนามหลายราย ทั้ง คริสเตียน อิริคเซ่น ที่กลับมาอยู่ในช่วงฟอร์มขาขึ้นอีกครั้ง กดประตูขึ้นนำ 2-1 ให้กับทีม รวมไปจนถึงที่ขาดไม่ได้อย่าง วิตาลี่ ยาเนลท์ ที่กดคนเดียว2ตุงสุดสวย รวมไปจนถึง บริย็อง เอ็มเบอโม่ ที่ทำไป2แอสซิสต์ เช่นกัน
ความประมาทของ ทูเคิ่ล
ไม่รู้เป็นเพราะโปรแกรมทีมชาติเปล่า ที่อาจทำให้กุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล เลือกที่จะดร็อปกองกลางตัวที่สามารถคุมเกมทั้งสองคนได้อย่าง จอร์จินโญ่ และ มัตเตโอ โควาซิซ ไว้บนม้านั่งตัวสำรองเท่านั้น แถมยังเปลี่ยนมาเล่นระบบ 4-3-3 แทน จากที่ปรกติ มาในแผน 3-4-2-1
หรืออาจเป็นเพราะกังวล กับ โปรแกรม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลางสัปดาห์ที่ต้องดวลกับทีมบิ๊กเบิ้มกระดูกชิ้นโต ทีมเจ้ายุโรปอย่าง เรอัล มาดริด ทำให้กุนซือชาวเยอรมันรายนี้ ตัดสินใจโรเตชั่นนักเตะ
โอเคว่า การโรเตชั่น จะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค ปรับเปลี่ยนแผนการเล่น บทสรุปก็ขึ้นอยู่กับผลการแข่งขัน ซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นก็คือ การปราชัยคาบ้านกับทีมน้องใหม่ เบรนท์ฟอร์ด ยับเยิน4-1 ทั้งที่ก่อนหน้าเซลซี พึ่งอัดลูกทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ในเอฟเอ คัพ มาได้ 4-0
นักเตะที่ ทูเคิ่ล ให้โอกาสในนัดนี้อย่างพวก มาร์กอส อลอนโซ่ - ตีโม แวร์เนอร์ รวมไปจนถึง รูเบน ลอฟตัส ชีค ต่างทำตัวได้น่าผิดหวังต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในรายหลังสุดเรียกได้ว่า ไม่สามารถพาทีมครองเกม หรือกำหนด Tempo ที่เหมาะสมพอเหมาะพอเจาะ เวลาที่จะรับหรือรุกได้
แม้ในตารางคะแนน ความปราชัยนัดนี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเซลซี แต่ทว่าในเรื่องของความมั่นใจ ไม่รู้ว่าจะแคนนอนส่งผลไปยัง เกมเชมเปี้ยนส ลีก กลางสัปดาห์ หรือไม่ สิ่งที่ได้เห็นแน่นอนในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ก็คือเซลซี ในยุคของ ทูเคิ่ล ออกมาไม่ค่อยดีแทบทุกครั้งกับการเล่นระบบหลัง 4
ลอฟตัส ชีค ทำตัวน่าผิดหวังสุดๆ
โอกาสได้ลงสนามเป็น11ตัวจริง แทบจะไม่มีอยู่แล้ว แต่พอได้รับโอกาสจาก โธมัส ทูเคิ่ล กลับทำตัวน่าผิดหวัง ไม่สมกับความไว้วางใจซะงั้นสำหรับ รูเบน ลอฟตัส -ชีค เกมกับเบรนท์ฟอร์ด เมื่อคืนนี่คือการได้เล่นเป็นตัวจริง นัดที่8ในลีก
เข้าใจว่าฟุตบอลเล่นเป็นทีม แพ้ก็แพ้ด้วยกัน ไม่สมควรโยนแพะโยนบาปให้นักเตะคนใดคนหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อคืนนี้ ถ้าวิเคราะห์กันตามเหตุและผม หนึ่งจุดที่ทำให้ เซลซี พ่ายเละเทะ ก็เพราะมิดฟิลด์วัย26ปีรายนี้นี่แหละ
เกือบทุกประตูที่เซลซีเสีย ทำให้เราเหมือนเห็นภาพรีเพลย์ปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลย นันก็คือบอลจากกลางทะลุมาถึงคู่เซ็นเตอร์รวดเร็วๆมาก เพราะไม่มีมิดฟิลด์ไปสกรีนหรือ ชะลอจังหวะ สร้างอุปสรรคให้คู่แข่ง
เราจึงได้เห็นช่วงประมาณ20นาทีแรกของเกม เป็น ลูกทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ที่ครองเกมและหาจังหวะจบสกอร์ได้ดีกว่าเซลซี ลอฟตัส -ชีค ไม่สามารถทำหน้าที่ที่ จอร์จินโญ่ หรือ มัตเตโอ โควาซิซ ทำได้ นั่นก็คือ การครองบอล กำหนดจังหวะ Tempo ให้กับทีม จังหวะไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรผ่อน
การแกะเพรสซิ่ง เอาบอลจากกลางไปหน้า ให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายๆ เป็นอะไรที่ ลอฟตัส-ชีค สอบตกสุดๆในนัดนี้ หรือหากจ่ายบอลก็เป็นช็อตที่ทำให้ทีมต้องเล่นยากตลอด อาจจะมีดีในเรื่องของการวิ่งหาตำแหน่งหรือไล่บอล (เกมนี้) น่าแปลกใจเช่นกันที่ ดาวเตะหมายเลข12 ได้อยู่ในสนามครบ 90นาที
ติโม แวร์เนอร์ อาการหนัก อาจได้ลาซัมเมอร์
การย้ายเข้ามาของ โรเมลู ลูกากู แม้ว่าตอนแรกคาดการณ์กันว่า ติโม แวร์เนอร์ แทบจะต้องหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว แต่ทว่ากุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล ยังหาวิธีหรือเลือกแผนการเล่นให้ ทั้ง หัวหอกชาวเบลเยี่ยม และ เยอรมัน ได้เล่นด้วย
แต่ทว่าผลสุดท้ายไม่เวิร์ค นั่นจึงทำให้ ทั้ง " พี่ตู้ " และ แวร์เนอร์ ต้องตกเป็นตัวสำรองทั้งคู่ และเป็น ไค ฮาแวร์ตช์ ที่ได้รับโอกาสยืนเป็นกองหน้าแทน และยึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างต่อเนื่องในระยะหลัง
เกมกับ เบรนท์ฟอร์ด ติโม แวร์เนอร์ ได้รับโอกาสเป็น11ตัวจริง เป็นกองหน้าฝั่งซ้าย ประสานงานกับ ฮาแวร์ตช์ และ ฮาคิม ซิเย็ค โดยผลลัพธ์ก็ออกมาแบบเดิมอีกครั้งสำหรับ อดีตกองหน้า แอร์เบ ไลป์ซิก รายนี้ นั่นก็คือมักจะเลี้ยงบอลไปในมุมที่ตัวเองเสียเปรียบ
เลี้ยงบอลไม่ผ่านคู่แข่ง - โอกาสยิงจะแจ้งไม่มี -ไม่สร้างอิมแพคอะไรต่อเกมรุกของทีม มีช็อตได้ดวลเดี่ยวแล้วมีโอกาสที่จะเปิดทำทางให้เพื่อน แต่ก็ดันทุรังไปต่อจนโดนคู่แข่งเบียดแย่งเอาบอลไปดื้อๆง่ายๆซะงั้น และถูกถอดออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 64
รวมถึงการยืนตำแหน่งของ แวร์เนอร์ มักจะทำให้ตัวเองไม่ค่อยได้เปรียบเสมอ มีดีแค่ในเรื่องของความขยันความทุ่มเท โดยสถิติและตัวเลขไม่เคยหลอกใคร กองหน้าหมาย11รายนี้ ทำไปได้เพียงแค่ 1ประตู เท่านั้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ จากการลงสนามตัวจริง9นัด และสำรองอีก6นัด
อิริคเซ่น เอฟเฟ็กต์ เพิ่มความหลากหลายให้ เบรนท์ฟอร์ด
จากนักเตะที่เกือบสิ้นใจคาสนาม จากอาการหัวใจเต้นผิดหวะ เกือบไม่ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพอีก แถมยังโดน อินเตอร์ มิลาน ต้นสังกัด จำใจยกเลิกสัญญาเนื่องจากกฎของฟุตบอลอิตาลี ห้ามให้นักเตะที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจลงแข่งขัน
ทำให้ คริสเตียน อิริคเซ่น ต้องกลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ ไร้สังกัดในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ก่อนที่จะมาได้รับโอกาสสำคัญบนเส้นทางอาชีพอีกครั้งกับ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งตอนแรกก็นึกว่าทัพ " เดอะ บีส์ " จะซื้อมาเพียงแค่การตลาดเฉยๆ
อย่างไรก็ตาม เพลย์เมคเกอร์ ชาวเดนมาร์ก รายนี้ก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ไม่ได้ย้ายมาเพียงเพื่อขายเสื้อหรือการตลาดแต่อย่างใด อิริคเซ่น ค่อยๆ เรียกความฟิตและลงสนามเป็นตัวจริงให้ เบรนท์ฟอร์ด ได้
เกมกับเซลซี ก็เป็น คริสเตียน อิริคเซ่น นี่แหละที่เป็นผู้ซัดประตูให้ทีมแซงนำเซลซี ได้2-1 หลังก่อนหน้าเกมกับ เบิร์นลี่ย์ เจ้าตัวก็ทำแอสซิสต์ให้ อีวาน โทนี่ย์ โขกตุงตาข่าย สตาร์วัย30ปีรายนี้ เข้ามาจุดไฟให้กับทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ที่เหมือนจะค่อยๆแผ่วลงไปเป็นอย่างดี
สถิติของ อิริคเซ่น ในเกมกับสิงห์บูลส์ 85%จ่ายบอลแม่นยำ - 13ครั้งผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย - ครอสบอล 8ครั้ง - ชนะการดวล5ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาส 3หน - ชนะการครองบอล9ครั้ง
อดีตแข้งสเปอร์สรายนี้ เข้ามาเพิ่มความหลากหลายให้กับบอลทะลุช่อง บอลภาคพื้นดินให้กับเบรนท์ฟอร์ด ได้เป็นอย่างดี โดยก่อนหน้านั้นพวกเขาเหมือนจะมีบอลหน้าเดียวในเกมรุกคือ บอลไดเร็คโยนยาว บอมบ์ไปให้เป้าใหญ่อย่าง อิวาน โทนี่ย์ หรือเซ็นเตอร์ ร่างยักษ์เข้ามาโถม
นี่คือการทำประตูได้3นัดติดต่อกันแล้วของ อิริคเซ่น (ในทีมชาติโปรแกรมอุ่นเครื่อง ยิงใส่ เนเธอร์แลนด์ และ เซอร์เบีย) และเป็นการซัดในพรีเมียร์ลีกได้ครบ 50ตุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาจากเท้าขวา 28ลูก และ เท้าซ้าย 22ลูก ครบเครื่องได้หมดทั้งสองเท้าจริงๆ
โธมัส แฟร้งค์ มีแววสูงพาทีมรอดตกชั้น
ถ้ามองในทางทฎษฎีก็ยังถือว่า เบรนท์ฟอร์ด ยังมีโอกาสสุ่มเสี่ยงเหมือนกัน ที่จะกลับบ้านเก่าลงไปเล่นใน เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ แต่ถ้ามองในเชิงปฎิบัติต้องบอกว่าทีมผึ้งน้อยมีโอกาสสูงมากๆ ที่จะอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีก
ปัจจุบัน เบรนท์ฟอร์ด อยู่อันดับที่ 14ของตาราง มีอยู่ 33แต้ม จาก31นัด ทิ้งห่างทีมอันดับ18โซนตกชั้นอย่าง วัตฟอร์ด อยู่11แต้ม แม้ว่าพวกเขาจะแข่งเยอะกว่าทีมแตนอาละวาดอยู่1นัดก็ตาม แต่ทว่าเมื่อดูจากฟอร์มลูกทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน แล้ว ก็ยากเหลือเกินที่พวกเขาจะมีฮึดจนรอดตกชั้นได้
เบรนท์ฟอร์ด หลังจากที่ออกสตาร์ทฤดูกาลได้อย่างสวยหรู 7นัดแรก ชนะ3 - เสมอ 3 แพ้1 หลังจากนั้นผลงานพวกเขาก็ทรงๆทรุดๆมาเรื่อย มีช่วงหนึ่ง 8นัดพวกเขา แพ้ไปถึง 7 ได้มาแต้มเดียว (เสมอ1)
ก่อนที่จะมาได้ อิริคเซ่น เข้ามาเติมเชื้อไฟ ชนะ3 จาก4เกมหลังสุดในลีก เบรนท์ฟอร์ด แม้จะเป็นทีมเล็ก แต่พวกเขาก็เป็นทีมที่เล่นอย่างมีระบบชัดเจน ไม่ใช่ทีมเล็กเล่นบอลหน้าเดียวแล้วอุดรอสวนอย่างเดียวเวลาเจอทีมใหญ่
ทีมของ โธมัส แฟร้งค์ มีการวิ่งไล่ เพรสซิ่ง ออกบอลเร็ว ไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้ครองบอลหรือเล่นบอลง่ายๆ มีบอลไดเร็คบอมบ์ที่มีคุณภาพ (ก่อนที่จะมาโดนจับทางได้ในระยะหลัง) แถมยังมาได้อาวุธพิเศษบอลบนภาคพื้นดินเพิ่มเข้ามาอีก จาก ครีสเตียน อิริคเซ่น
ซึ่งก็ต้องดูซีซั่นหน้าว่ากุนซือขาวเดนมาร์กรายนี้ จะต่อยอดเพิ่มขึ้นไปได้อีกให้เบรนท์ฟอร์ด ยกสถานะเป็นทีมครึ่งบนของตารางได้หรือไม่
- คอลัมน์นิสต์
- 356
- 03 เม.ย. 2565 14:34