ป็อกบูม ! ผีโคตรหืด เชือดเบิร์นลี่ย์ 1-0 ขึ้นจ่าฝูง
เรียกได้ว่ากระอักลากเลือดเลยทีเดียวสำหรับการคว้า3แต้มสำคัญออกจากถิ่นเทิร์ฟ มัวร์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เมื่อเจอแผนเอารถทัวร์มาผสมกับรถบัสจอดหน้าบ้านตัวเองของกุนซืออย่าง ฌอน ไดซ์ แต่จนแล้วจนรอด ปอล ป็อกบา ก็สวมบทฮีโร่ ได้กับเขาซักทีซัดประตูชัยให้ทีม น.71
ชัยชนะของปีศาจแดงในนัดนี้ ผู้เล่นที่เป็นดาวเด่นคงหนีไม่พ้นผู้ทำประตูโทนของเกมอย่างป็อกบา
รวมไปถึงคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ที่ช่วยกันเล่นอย่างเข้าขามองตารู้ใจกันอย่าง เอริค ไบยี่ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ช่วยกันสกัดกั้นลูกโด่งบอลยาว จากทีมเจ้าบ้านได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะกองหลังชาวไอวอรี่ โคสต์ ที่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบล็อคบอลในจังหวะสำคัญๆไปแล้ว
ส่วนเจ้าของฉายา เดอะคลาเรสต์ ต้องยอมรับเช่นกันว่า เป็นทีมที่เมื่อพยายามเล่นแบบอุดประตูจะเป็นทีมที่หนังเหนียวถลกฟันไม่เข้ามากๆ การผ่าด่านคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟอย่าง เบน มี และ เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ ว่ายากแล้ว
นายด่านคนสุดท้ายอย่าง นิค โป๊ป ถ้าลูกนั้นไม่เหนือบ่ากว่าแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คู่แข่งจะส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายผ่านนายด่านเจ้าของส่วนสูง 191 ซม.ได้
แต่ทว่าสิ่งที่เบิร์นลี่ย์ เองต้องปรับเหมือนกันหากอยากรอดตกชั้นแบบไม่เหนื่อยนัก นั่นก็คือ วิธีการเล่นเกมรุกและประสิทธิภาพในแดนหน้า เพราะตลอดเกือบทั้ง90นาทีเจ้าบ้านโจมตีผู้มาเยือนแบบหน้าเดียวคือ การโยนบอลไดเร็ค
ซึ่งกองหน้าอย่าง คริส วู๊ด และ แอชลี่ย์ บาร์นส์ ที่แม้จะตัวสูงใหญ่ แต่ก็ทำอะไรแทบไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย หนักไปทางการทำฟาวล์เสียมากกว่า
การคว้า3แต้ม ดังกล่าวส่งผลให้พลพลพรรคปีศาจแดงของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ขึ้นเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งฤดูกาลดังกล่าวพวกเขาจบซีซั่นด้วยอันดับ2 จากผลงานการคุมทีมของกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่
ปอล ป็อกบูมมมม
เรียกได้ว่าใช้ผลงานในสนามสยบข่าวลือทุกอย่างเลยก็ว่าได้สำหรับ ปอล ป็อกบา ที่ทำท่าว่าจะหมดอนาคตในถิ่นโรงละครแห่งความฝัน กับประโยคอากาศบริสุทธิ์
รวมถึงข่าวปั่นเสี้ยมจากเอเย่นต์จอมแสบอย่าง มิโน่ ไรโอล่า จนเจ้าตัวตกเป็นตัวสำรองของ เฟร็ด และ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ อยู่พักใหญ่
อย่างไรก็ตามดาวเตะเจ้าของค่าตัว89ล้านปอนด์ ก็ใช้ทุกโอกาสที่ได้รับทั้งในบทบาทฐานะตัวจริงและสำรอง ค่อยๆปรับทัศนคติวิธีการเล่น ให้เป็นประโยชน์กับทีม เลิกโชว์เล่นท่ายากให้น้อยลง
การคลึงบอล สลับเปลี่ยนแกนซ้ายขวา ใช้ความสามารถเฉพาะตัวพลิกฝ่าล้อมวงนักเตะเบิร์นลี่ย์ในจังหวะบอลจวนตัว ช่วยทีมเล่นเกมรับ การมีส่วนร่วมในจังหวะสร้างสรรค์เกม
รวมถึงประตูที่ป็อกบาซัดได้ จุดเริ่มต้นก็มาจากเจ้าตัวเองที่ชิงโหม่งแย่งบอลให้ทีมเล่นต่อในจังหวะดังกล่าวได้
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปได้ชัดสำหรับดาวเตะเลือดน้ำหอมนั่นก็คือ อารมณ์ร่วม แพชชั่นในสนามที่เจ้าตัวแสดงให้เห็นอย่างเต็มเปี่ยมในนัดนี้ สถิติส่วนตัวหลังเกมของกองกลางหมายเลข6ทีมปีศาจแดง
สัมผัสบอล : 104 ครั้ง ( มากที่สุด )
ชนะการดวล : 12 ครั้ง ( มากที่สุด)
สร้างสรรค์โอกาสทำประตู : 2 ครั้ง ( มากที่สุด)
แท็กเกิ้ล : 2 ครั้ง
ตัดบอล : 2 ครั้ง
เคลียร์บอลจังหวะอันตราย : 5ครั้ง (มากที่สุด)
โอกาสยิง : 1 ครั้ง
ประตู : 1 ครั้ง
เห็นทีแดงเดือดวันที่ 17 มกราคมนี้ น้าลูกอมอาจจะต้องปรับมาเล่นระบบแผนกลางแบบไดมอนด์ เพื่อให้ป็อกบา ได้ลงสนามผนึกกำลังกับ เฟร็ด สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ เสียแล้ว
โซลชาโชว์กึ๋นเล็กๆน้อย
ด้วยโปรแกรมถี่อัดแน่น ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ต้องทำการโรเตชั่นหมุนเวียนนักเตะในสัปดาห์นรกแตกนี้ เริ่มตั้งแต่เกมเอฟเอ คัพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมากุนซือชาวนอร์เวย์ ใช้ผู้เล่นตัวสำรองแทบยกชุดไว้ฟัดดวลกับทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อย่าง วัตฟอร์ด
มาจนถึงเกมกับเบิร์นลี่ย์ น้าลูกอม ก็เลือกที่จะเก็บความสดความฟิตของ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ และ เฟร็ด เอาไว้บดวิ่งสู้ฟัดกัดไม่ปล่อยกับกองกลางลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ มิหนำซ้ำสองนัดดังกล่าวพลพรรคอสูรแดงก็ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการอีกด้วย
กองกลางคู่ ปอล ป็อกบา กับ เนมายย่า มาติช ที่โซลชา เลือก2ดาวเตะชาวฝรั่งเศสและเซอร์เบียร์ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากๆ โดยเฉพาะมาติช ที่เล่นได้ดีแม้จะวัยปาเข้าไป32ปีแล้ว
บทบาทการเล่นของอดีตห้องเครื่องเซลซี ทำให้ป็อกบา มีอิสระในการเล่นมากขึ้น รวมถึงดักชิงเก็บจังหวะ2 ไม่ให้เบิร์นลี่ย์ได้สวนกลับถนัดถนี่อีกด้วย
ช่วง10-20 นาทีสุดท้าย เป็นทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหมือนจะผ่อนเกมลงซึ่งไม่รู้ว่าเป็นแท็กติกของน้าโอเล่หรือเปล่า จนเกือบทำให้เบิร์นลี่ย์เกือบตีเสมอได้หลายครั้ง (เอาจริงๆการผ่อนเกมของ แมนยู ก็น่าหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย)
การเปลี่ยน สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ลงมาวิ่งไล่บอลแทน บรูโน่ แฟร์นันเดซ รวมถึงการเปลี่ยนแท็กติกเพื่อดึงเวลา เอา อั๊กเซล ตวนเซเบ้ มาแทน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ นี่คือกึ๋นและความเฮี๊ยบเล็กๆน้อยๆที่ โซลชา ทำให้แฟนผีเห็นในนัดนี้
VAR เอาอีกแล้วเหรอ !
เกมนี้ เควิน เฟรนด์ ตัดสินได้น่าเคลือบแคลงใจในหลายๆจังหวะโดยเฉพาะ เหตุการณ์ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บอลสวนกลับบอลหลุดไปถึง เอดิสัน คาวานี่ แต่ทว่าผู้เล่นคนสุดท้ายของเบิร์นลี่ย์ อย่าง ร็อบบี้ เบรดี้ ไปเตะดาวยิงชาวอุรุกวัยแบบไม่โดนบอลเลย
จังหวะดังกล่าวในตอนแรกเปาวัย49ปี แจกแค่ใบเหลืองให้ เบรดี้ ก่อนที่ จะมาพิจารณาดูVARย้อนหลัง แล้วย้อนกลับไปให้ฟาวล์พร้อมใบเหลืองจังหวะก่อนหน้าที่แมนฯยูจะสวนกลับ
จากช็อตที่ ลุค ชอว์ ไปเข้าบอลแบบไม่ยั้งใส่ โยฮันน์ เบิร์ก กุดมุนด์สสัน และยกเลิกใบเหลืองของ เบรดี้ แข้งชาวไอร์แลนด์
ยังไม่รวมถึงจังหวะโขกเป็นประตูของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ แต่ทว่าโดน เควิน เฟรนด์ เจ้าเก่ามองว่าเป็นการทำฟาวล์แนวรับของเบิร์นลี่ย์ อย่าง เอริค ปีเตอร์ เสียก่อน
ซึ่งที่ผ่านมาจังหวะในลักษณะดังกล่าวแทบไม่มีผู้ตัดสินคนไหนเป่าเป็นลูกฟาวล์เลย
โดยหลังจบเกม ปีเตอร์ เคร้าช์ อดีตดาวยิงหุ่นเสาโทรเลข ก็ได้ออกมาพูดทวิตในเชิงขำขันว่า "ผมว่าจำนวนประตูที่ผมทำได้คงน้อยลงเยอะ หากจังหวะของ แม็คไกวร์ มันเป็นฟาวล์ "
ไม่เพียงแต่ผู้มาเยือนเท่านั้นที่เสียประโยชน์จากผู้ตัดสิน เจ้าบ้านอย่างเบิร์นลี่ย์ ก็มีช็อตสำคัญที่ทำให้หงุดหงิดเช่นกัน เมื่อ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไปขึ้นโหม่งทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ
แต่ทว่า เควิน เฟรนด์ เองก็ไม่ได้ไปดูพิจารณาคำตัดสินกับVAR ข้างสนามแต่อย่างใด
เบิร์นลี่ย์ น่าจะไม่ตกชั้นแต่ ?
ฤดูกาลนี้ผ่านมา17นัด แม้จะเป็นแค่เพียงทีมขนาดไซต์เล็ก แต่พวกเขายังสามารถเก็บคลีนชีตไปได้ถึง6นัดด้วยกัน มีเพียงแค่ช่วงต้นฤดูกาลเท่านั้นที่ยังปรับจูนทีมไม่ติด แล้วโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไส้แตก
เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และ เบน มี ช่วยกันทำหน้าที่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟกันได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่ยากจะมีทีมฝั่งตรงข้ามมาดวลเอาชนะได้
ยังไม่รวมถึงผู้เล่นคนอื่นๆในแดนกลางที่ช่วยกันลงมาเล่นเกมรับอย่างมีระเบียบวินัยอดทนกันทุกราย
แต่สิ่งที่น่าเป็นกังวลสำหรับลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ นั่นก็คือบรรดาผู้เล่นในเกมรุก รวมถึงสไตล์การเล่นเกมรุกที่ค่อนข้างจะทื่อและโบราณย้อนไปเป็นฟุตบอลอังกฤษยุค80มากๆ
เดอะคลาเรสต์ มีวิธีการโจมตีแบบหน้าเดียวนั่นคือโยนบอมบ์ไปให้คู่กองหน้าอย่าง แอชลี่ย์ บาร์นส์ และ คริส วู้ด ใช้ความหนาสูงใหญ่ เล่นงาน รวมถึงเวลาเล่นลูกเซ็ตพีชที่หวังพึ่งพวกคู่เซ็นเตอร์เข้ามาโหม่งทำประตู
แต่ทว่าเมื่อรูปแบบการเข้าทำดังกล่าวไม่เวิร์ค เบิร์นลี่ย์ ก็ไม่มีลูกไม้อื่นมาเล่นงานคู่แข่งเลย เกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอด90นาที พวกเขามีโอกาสยิง8ครั้ง แต่ไม่เข้ากรอบสร้างความลำบากใจให้ ดาบิด เด เคอา เลยแม้แต่หนเดียว
ครั้นจะหวังพึ่งกองหน้าตัวสำรองอย่าง มาเตจ์ วีดร้า น่าเสียดายที่เมื่อหอกชาวเช็กลงมาในสนาม ได้โอกาสยิง2-3ครั้ง แต่ไม่รู้เจ้าตัวยิงนกตกปลาไปไหนหมด
ยอดรวม9ประตูในพรีเมียร์ลีก ที่เบิร์นลี่ย์ทำได้ น้อยที่สุดแล้วในทุกๆทีมของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
- คอลัมน์นิสต์
- 350
- 13 ม.ค. 2564 16:42