ลบความผิดหวัง ! ผีบุก เชือด ทอฟฟี่ 2-1 โด้ ยิงสยบคำวิจารณ์
การบุกมาเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่กูดิสัน ปาร์ค ในช่วง 3-4ปีหลัง ไม่ใช่งานง่ายเลยสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บวกกับทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินฟอร์มกำลังแกร่งด้วย โดยทางฝั่งของทีมปีศาจแดง เกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาบุกไปพ่าย คู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบยับเยิน 6-3 และก็หวังจะมาแก้ตัวในเกมคืนนี้
พรีเมียร์ลีกสัปดาห์นี้คู่ดึกสุดคืนวันอาทิตย์เป็นเอฟเวอร์ตัน ที่ฟอร์มกระเตื้องขึ้นมาพอสมควร 6นัดหลัง ไม่แพ้ใครในลีก เปิดบ้านต้อนรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ต้องการเรียกความมั่นใจคืนมาเป็นอย่างมาก หลังปราชัยในดาร์บี้ แมตช์ เมืองแมนเชสเตอร์
โดยออกสตาร์ทเกมได้เพียงแค่ 5นาที แฟนบอลเอฟเวอร์โตเนี่ยน ก็ได้เฮกันลั่นเมื่อ อเล็กซ์ อิโวบี้ ตั้งป้อมซัดไกลนอกกรอบเขตโทษอย่างสุดสวย บอลพุ่งเสียบตาข่ายให้เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่อีกอีกไมานานปีศาจแดงจะมาตีเสมอเป็น 1-1 จาก แอนโทนี่ น.15
ระหว่างเกม อองโตนี่ มาร์กซิยาล ผู้ทำแอสซิสต์แรก มีอาการบาดเจ็บ(อีกแล้ว) จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม น.29 ให้คนที่คุณก็รู็ว่าใครอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงมายืนค้ำเป็นกองหน้าแทน
และท้ายที่สุดเหมือนชะตาจะถูกกำหนดไว้ เพราะผู้ซัดประตูให้ ยูไนเต็ด นำเป็น 2-1 นั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่รับลูกจ่ายทะลุสุดสวยของ คาเซมิโร่ หลุดเข้าไปยิงเสาแรกผ่าน จอร์แดน พิคฟอร์ด เข้าไป น.44
ช่วง45นาทีหลัง เหมือนลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก จะผ่อนเกมลงไปพอสมควร จนโดนทีมเจ้าบ้านมีโอกาสสร้างเกมเซ็ตบอลขึ้นมาหลายครั้ง รวมไปจนถึงการโยนบอมบ์ท้ายเกมจนโอนเอียงหวาดเสียว แต่ทว่าจังหวะสุดท้าย แนวรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำกันได้ดีตลอด โดยเฉพาะ ลิซานโดร มาร์ติเนซ
ส่วนการประเดิมตัวจริงนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ของ คาเซมิโร่ ก็ต้องบอกว่ามีทั้งดีและร้ายผสมปนเปกันไปจริงๆ เพราะประตูแรกที่เสียก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละ ที่โดน อามาดู โอนาน่า แซะแย่งบอลไปให้ เดมาไร เกรย์ ไหลต่อให้ อิโวบี้ ตั้งป้อมยิงเข้าไป แต่ทว่ามิดฟิลด์แซมบ้ารายนี้ ก็แก้ตัวด้วยดารดักบอลสวยๆ ก่อนแทงให้ โรนัลโด้ ซัดประตูชัย
ทางฝั่งของเอฟเวอร์ตัน แม้ว่าจะพ่ายไป แต่ทว่าพวกเขาก็แสดงหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้อยู่ไม่น้อยในช่วงท้ายเกม อาศัยลูกตั้งเตะลูกโด่งหวังโจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างหนัก แต่ก็ไม่สำเสร็จ สิ่งที่น่ากังวลสำหรับทอฟฟี่สีส้ำเงินนั่นก็คือ รูปแบบการเข้าทำที่ดูโบราณไปมากๆสำหรับฟุตบอลสมัยใหม่
นับ1ให้ถึง 700 กับ โรนัลโด้
ช่วงที่ผ่านมาดูจะมีปัญหาเยอะซะเหลือเกินสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้งในเรื่องของข่าวงอแงการย้ายทีม สภาพร่างกายที่ดูจะไม่ฟิตเต็มร้อย บทบาทส่วนใหญ่เวลาได้ลงสนามก็มักจะเป็นตัวสำรองมากกว่า เกมเมื่อคืนก็เช่นกัน
โดยในยูโรป้าลีก สตาร์ชาวโปรตุเกส ยิงนกตกปลาไปหมดกับโอกาสนับไม่ถ้วนเกมกับ โอเมเนีย นิโคเชีย ทีมจาก ไซปรัส บวกกับการที่ อองโตนี่ มาร์กซิยาล สลัดอาการบาดเจ็บฟิตพร้อมลงสนาม ทำให้ " พี่โด้ " ต้องกลับไปเป็นตัวสำรองอีกครั้ง
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม " หมักเซียว " ผู้ทำแอสซิสต์ให้ แอนโทนี่ ก็เจ็บจนเล่นต่อไม่ไหวทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ลงมาบู๊แทน ตั้งแต่น.29 โดยการลงสนามในครึ่งแรกก็ดูเหมือนจะทำให้ เจ้าของบังลงดอร์5สมัย ดูคึกคักไม่น้อย
และสุดท้ายก็เป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นี่แหละที่ซัดประตูชัยให้กับทีมหลัง รับลูกจ่ายของ คาเซมิโร่ หลุดไปยิงฝั่งซ้ายเสียบเสาแรกผ่าน จอร์แดน พิคฟอร์ด น.44 ซึ่งหลังสังหารลูกดังกล่าว แข้งวัย28ปี ก็ฉลองท่าดีใจที่ดูจะผ่อนคลายไม่น้อย
ซึ่งประตูที่ทำได้เมื่อคืนนี่คือลูกที่ 700ในอาชีพการค้าแข้งของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้าให้แล้ว แต่ทว่าน่าเสียดายเหมือนกัน ด้วยความมุ่งมั่นเกินเหตุ CR7 ก็ไปแย่งจังหวะเพื่อนทำประตูถึง2ครั้ง2ครา โดยเพาะลูกครอสของ คาเซมิโร่ ที่ไปโหม่งตัดหน้า บรูโน่ แฟร์นันเดซ ซะงั้น
โรนัลโด้ ในวัยย่าง38ปี ถือว่าขยันและซอยยิกอยูไม่เบา เราจึงได้เห็นเจ้าตัวมาวิ่งไล่แย่งบอลหลายๆจังหวะ แถมยังเชื่อมเกมต่อบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีในแนวรุกอีกด้วย ซึ่งการที่ มาร์กซิยาล บาดเจ็บ น่าจะทำให้ โรนัลโด้ ได้พิสูจน์ตัวเองเต็มๆอีกรอบ
แอนโทนี่ สตาร์ดวงใหม่แนวรุกผี
ทำเป็นเล่นไป ไปๆมาๆ แอนโทนี่ กับ3เกมในพรีเมียร์ลีก ปีกค่าตัว 85.5ล้านปอนด์ ซัดประตูได้ทุกนัด ส่งผลให้เป็นนักเตะคนแรกของทัพปีศาจแดง ที่ซัดประตูในเมียร์ลีก ได้ทั้ง3นัดแรกที่ลงสนาม
อดีตปีกอาแจ็กซ์ รับบอลจาก มาร์กซิยาล ทางฝั่งขวา ก่อนที่จะเอี้ยวตัวยิงด้วยซ้าย ส่งบอลหนีมือ พิคฟอร์ด เสียบเสาสองเข้าไป ซึ่งลักษณะการเข้าทำและเพลย์การเล่นจังหวะนี้ เหมือนประตูที่เจ้าตัวกดใส่อาร์เซน่อลไม่น้อย
แอนโทนี่สร้างความวูบวาบและอันตรายเป็นอย่างมากทางริมเส้นกราบขวาของ ยูไนเต็ด มีความกล้าเล่น กล้ากระชากจังหวะเสี่ยงๆ มีบางช่วงสลับฝั่งซ้าย-ขวา กับ แรชฟอร์ด น่าเสียดายเหมือนกันที่เวลายืนริมเส้นฝั่งขวา ดิโอโก้ ดาโล่ต์ โอเวอร์แลป ขึ้นมาประสานงานน้อยไปหน่อย
ดาวเตะเบอร์21 มีสถิติตัวเลขที่ดีหลายอย่างทั้ง ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 16ครั้ง - คีย์พาส 3ครั้ง -ชนะการดวลเดี่ยว 3ครั้ง แต่ก็มีหลายหนเช่นกันจังหวะที่ต้องดวล1-1 กับแบ็กฝั่งซ้ายขวาเจ้าบ้าน แอนโทนี่ เลือกส่งกลับหลังมากไปหน่อย
ฟอร์มของ แอนโทนี่ ดูจะสร้างความลำบากใจให้ เจดอน ซานโช่ อยู่ไม่น้อย แม้ทักษะความสามารถ สกิลต่างๆ อดีตแข้งดอร์ทมุนด์จะไม่ได้เป็นรองมาก แต่ทว่าเรื่องของความมั่นใจ กล้าเล่น กล้าลุย ตัดสินใจจังหวะเสี่ยงๆ รวมถึงสภาพจิตใจต่างๆ ดู ซานโช่ จะเป็นรองปีกมาใหม่ค่าตัวแพงรายนี้ พอสมควร
ภาพรวม คาเซมิโร่ ไม่แย่ แต่ก็มีเรื่องต้องปรับ
รอคอยมาเนิ่นนานเหลือเกินสำหรับ คาเซมิโร่ กับการประเดิมเดบิวต์ ตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้านั้น4นัด ได้เล่นด้วยการเป็นตัวสำรองทั้งสิ้น
โดยการได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีก คาเซมิโร่ ดูจะต้องปรับตัวไม่น้อย กับระบบ 4-2-3-1 เพราะสมัยที่อยู่ เรอัล มาดริด มิดฟิลด์แดนกาแฟ คุ้นชินและเล่นกับระบบกองกลาง 3คน (4-3-3) มาตลอด เมื่อคืนได้เล่นร่วมกับ คริสเตียน อิริคเซ่น
เริ่มเกมมาได้เพียงแค่5นาที ดูเหมือนสปีดบอลความเร็ว และความแข็งแกร่งของบอลอังกฤษ จะสร้างปัญหาให้เจ้าตัวพอสมควร จนนำมาสู่การเสียประตูแรก เมื่อโดน อามาดู โอนาน่า แซะบอลไปได้ ก่อนลงเอยด้วยการที่ อิโวบี้ ต้องป้อมซัดเสียบตาข่าย แต่ก็ต้องโทษ แอนโทนี่ ด้วยที่จ่ายบอลยากยัดเข้ามาพอสมควร
รวมไปจนถึง ช่วงท้ายเกมยังมีจังหวะเสียเชิงโดน โอนาน่า กระแทกจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่าอีกด้วย รวมถึงจ่ายบอลเสียหลายครั้ง แต่ทว่าอย่างไรก็ตามประตูขึ้นนำ 2-1 ของ ยูไนเต็ด ก็เป็น คาเซมิโร่ นี่แหละที่ดักบอลจากตรงกลาง แล้วแทงจังหวะเดียวให้ โรนัลโด้ หลุดไปตะบันประตูชัย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม อดีตแข้งชุดขาวก็มีจังหวะดักบอลสวยๆ หรือออกบอลเร็วได้หลายครั้ง แถมยังเกือบจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดได้ด้วยเมื่อสอดพุ่งไปขวิดลูกเปิดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด โล่งๆออกไป
แม้ว่าในเกมจะจ่ายบอลผิดพลาดหลายครัง เพราะมีหลายอย่างต้องปรับจูน แต่สถิติด้านต่างๆหลังจบ90นาทีของ คาเซมิโร่ นั้นไม่เลวเลยทั้ง ชนะการครอบครองบอล9ครั้ง - ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย8ครั้ง - ชนะการดวล6ครั้ง -แท็กเกิ้ล4ครั้ง - เคลียร์บอล 3ครั้ง -สร้างสรรค์โอกาส3ครั้ง
ผีต่อบอลแม่น (กว่าเดิม) ดาโล่ต์ จ่ายบอลมั่ว
สิ่งที่พัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างมากของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค เอริก เทน ฮาก นั่นก็คือการรับส่งบอลต่อบอล เวลาที่โดนเพรสซิ่ง หรือโดนกดดันพื้นที่แคบๆได้ดีกว่าเดิม ผู้เล่นในแดนหลังสามารถเซ็ตบอลกันได้ โดยไม่เสียบอลง่ายๆ
โดยเฉพาะในรายของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ซึ่งเซ็นเตอร์ร่างเล็กชาวอาร์เจนไตน์ มีจังหวะจ่ายบอลขึ้นหน้าให้เห็นหลายครั้ง รวมไปจนถึงตะลุยลากบอลมาแดนกลางได้อีกด้วย ปีศาจแดงเสียบอลน้อยกว่าเดิมเวลาโดนบีบเพราะ ผู้เล่นคนอื่นๆเวลาที่ไม่มีบอล วิ่งกันเข้ามาช่วยซ้อน หาพื้นที่ทางเลือกจ่ายบอลได้เป็นอย่างดี
คาร์เซมิ แม้จะมีจังหวะจ่ายลอลเสีย แต่ทว่า ในเรื่องของการจ่ายบอลออกบอล ในจังหวะที่โดนเพรสถือว่าทำได้ดีมากๆ รวมไปจนถึงตำแหน่งแบ็กและผู้เล่นในแนวรุกคนอื่นๆ ที่ช่วยกันสอดวิ่งหาช่องกันได้เป็นอย่างดี
ลุค ชอว์ เป็นอีกหนึ่งคนที่ ช่วยตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้ายได้เป็นอย่างดี และดูมีความตั้งอกตั้งใจมากๆที่จะยึดตำแหน่งแบ็กซ้ายคืนมาจาก ไทเรลล์ มาลาเซีย อีกครั้ง ทว่าที่มั่นซั่วที่สุดเห็นทีจะเป็น ดิโอโก้ ดาโล่ต์
แบ็กชาวโปรตุเกส ที่มีข่าวว่าได้รับความสนใจจากบาร์เซโลน่า พลาดมา2นัดติดแล้ว ตั้งแต่ในเกมกับ ซิตี้ รวมไปจนถึงเมื่อคืน ดาโล่ต์ ก็ออกทะเลไม่น้อย กับจังหวะจ่ายบอลที่มั่วซั่วหลายครั้ง แถมเกมรุกก็ไม่ค่อยโอเวอร์แลป ไปช่วยปีกฝั่งขวาอีกด้วย ทีดี่ความเฉียบขาดที่น้อยไปของเอฟเวอร์ตัน ทำให้ปีศาจแดงไม่เสียหายไปกว่านี้
เอฟเวอร์ตัน บอลโบราณ (เกินไป)
ก่อนเกิมจะเซิ้งแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ตอนแรกจะโดนปลด นำทีมผลงานค่อยๆไฉไลขึ้นอยู่ไม่น้อย โดย6นัดหลังสุดขุนพลลูกอมสีน้ำเงินไร้พ่าย ชนะ 2 เสมอ4 และเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก 7ประตู
เมื่อคืนเอฟเวอร์ตัน ออกสตาร์ทได้ดีกว่า ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก อเล็กซ์ อิโวบี้ น.5 แต่ทว่าหลังจากนั้นรูปเกมและการเข้าทำ การครอบครองบอลส่วนใหญ่ เป็นของผู้มาเยือนทั้งสิ้น มีบางช่วงในครึ่งแรก ที่เปอร์เซ็นต์การครองบอลเป็นรอง 80% ต่อ 20% เลยทีเดียว
เข้าใจว่า " ซุปเปอร์แฟร้งค์ " อยากสร้างให้เกมรุกของเอฟเวอร์ตัน เล่นบอลเร็ว สวยงาม เหมือนสมัยที่คุมบังเหียนเซลซี แต่ทว่าด้วยคุณภาพของผู้เล่นทีมดังลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ไซต์ ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์ดังกล่าวได้
อย่างไรก็ดีขุนพลทอฟฟี่สีน้ำเงินก็ได้ในเรื่องของ จิตใจนักสู้ทุ่มเทในทุกๆจังหวะ โดยเฉพาะเวลาที่ได้เล่นในรังเหย้า กูดิสัน ปาร์ค โดยเกมเมื่อคืนก็เกือบเหมือนกันที่พวกเขาจะตีเสมอได้ช่วงท้ายเกมจากลูกโด่ง โยนบอมบ์เข้าไปต่างๆในหลายซ็อต
โดยข่าวดีของเอฟเวอร์ตัน ในเกมนี้นั่นก็คือ การหายเจ็บกลับมาลงสนามได้อีกครั้งกับศูนย์หน้าหมายเลข1ของทีมอย่าง โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน กลับมาอีกครั้ง ซึ่ง DCL สามารถตอบโจทย์การเล่นบอลไดเร็คของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
- คอลัมน์นิสต์
- 262
- 10 ต.ค. 2565 14:48