เขากลับมาแล้ว ! ผี โชว์ดุ เปิดบ้านอัด ปืน 3-1 ดร.มาร์คัส เหมา2
สถานการณ์แตกต่างจากเมื่อ2นัดแรกของฤดูกาลจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ วินาทีนี้ เมื่อลูกทีมของ เอริก เทน ฮาก เดินหน้าคว้าชัยในเกมพรีเมียร์ลีกมาได้4นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกเขาโชว์ฟอร์มสุดแกร่งเปิดบ้านเอาชนะอาร์เซน่อลจ่าฝูงไปได้ 3-1 แม้ว่าตลอดทั้งเกมพวกเขาจะครองบอลน้อยกว่าผู้มาเยือนก็ตาม
เกมบิ๊กแมตช์ ซุปเปอร์ ซันเดย์ ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟอร์ด ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์เซน่อล โดยผลลัพธ์ สิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาที เป็นเจ้าบ้านที่เอาชนะผู้มาเยือนไป 3-1
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามเกือบมีจุดเปลี่ยนของเกมเกิดขึ้น เมื่อ พลพรรคปืนใหญ่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ก่อน1-0จาก กาเบรียล มาร์ตินเนลลี่ น.12 แต่ทว่ามาโดน VAR ยึดคืนย้อนหลัง เมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด ไปทำฟาวล์ คริสเตียน อิริคเซ่น เสียก่อน
จนสุดท้ายเป็น แอนโทนี่ ที่ประเดิมเดบิวต์ให้กับทีมปีศาจแดงอย่างสวยหรูซัดประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 น.35 จบ45นาทีแรก ไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ครึ่งหลังเป็นอาร์เซน่อล ที่ตามตีเสมอ1-1 ได้สำเร็จ จาก บูกาโย่ ซาก้า น.60 หลังจากนั้นรูปเกมโมเมนตัม ก็เหมือนจะเหวี่ยงมาเข้าทางทีมปืนใตทันที
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามด้วยการจ่ายที่ยอดเยี่ยมวิสัยทัศน์ดีสุดๆ ของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ทำให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้หลุดไปหลุดไปยิงขึ้นนำ 2-1 ได้อีกครั้ง น.66 ก่อนที่การยืนสูงของแนวรับอาร์เซน่อล จะทำให้ " แรชชี่ " ซัดลูกยิงปิดท้ายจากความใจกว้างของ คริสเตียน อิริคเซ่น ง่ายๆ น.75 และเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ดังกล่าว 3-1
ค่ำคืนที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่พลพรรคอสูรแดง สวมวิญญาณนักสู้ให้ได้เห็น ช่วยกันเล่น ช่วยกันวิ่งแทบทั้งทีม คอยกระตุ้นให้กำลังใจกันตลอดในจังหวะสำคัญๆ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ก็กลับมาเป็นร่างทองอีกครั้งโชว์ฟอร์มได้อย่างดีวันดีคืน นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำให้ เทน ฮาก ถึงตัดสินใจให้ คาซิเมโร่ เป็นตัวสำรองและค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับทีมไปก่อน
รวมไปจนถึงปีกค่าตัวแพง100ล้านยูโร อย่าง แอนโทนี่ ที่ประเดิมด้วยการเบิกตาข่ายได้สำเร็จ แม้ว่าจะมีเวลาอยู่ในสนามแค่ 58นาทีก็ตาม แต่ทว่าดูจาก สกิล ความคล่องตัว ความมั่นใจในการแล่นต่างๆ ต้องบอกว่าแฟนปีศาจแดง น่าจะคาดหวังกับจอมลีลาชาวบราซิลรายนี้ได้ไม่น้อย
ส่วนผู้ปราชัยอาร์เซน่อล ถึงแม้จะแพ้ไปแต่ เดอะ กันเนอร์ส ก็ยังถือว่ามีทรงและมาตรฐานการเล่นที่ดีอยู่เหมือเดิม แต่ทว่าก็ยังขาดในความเนี๊ยบความละเอียดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมใหญ่ โดยเฉพาะการยืนไลน์ของคู่เซ็นเตอร์ และช่องว่างระหว่างกัน จะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้พวกเขาโดนลงโทษในเกมนี้
เดบิวต์ในฝันของ แอนโทนี่
ตอนแรกถูกคาดการณ์ว่าน่าจะมีชื่อเป็นตัวสำรองไปก่อน สำหรับปีกเจ้าของค่าตัว86ล้านปอนด์ อย่าง แอนโทนี่ แต่ทว่า เอริก เทน ฮาก กลับไว้ใจลูกน้องคนโปรดจาก อาแจ็กซ์รายนี้ ให้ออกสตาร์ทเป็น 11ตัวจริงทันที ในเกมใหญ่กับอาร์เซน่อล
โดยการเดบิวต์ของแนวรุกป้ายแดงชาวบราซิลรายนี้ ถือว่าทำได้น่าประทับใจพอสมควร ทั้ง สเต็ปการลากเลื้อย การครองบอล จ่ายบอล และความมั่นใจต่างๆในการเล่นจังหวะสำคัญ ก่อนที่จะซัดประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ได้
เมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด จ่ายบอลมาให้ แอนโทนี่ ได้เอี้ยวตัวยิงด้วยซ้าย บอลเสียบเสาสองหนีมือ อารอน แรมเดส์ เข้าไป โดยหลังเบิกประตูแรก ปีกวัย22ปีรายนี้ แสดงความสะใจสุดเหวี่ยงชี้ไปที่ตราสโมสรปีศาจแดงทันที
โดยลูกเดบิวต์ของ แอนโทนี่ ต้องชมเจ้าตัวด้วยที่ไม่รีบสอดเข้าไปรับบอล จาก แรชฟอร์ด แต่ทว่ากลับรอจังหวะที่เหมาะสมที่ ซินเชนโก้ จะหุบเข้าด้านใน แล้วยังอย่างเยือกเย็นไร้ความกดดัน สุดท้ายอาจจะด้วยเรื่องของความฟิต แข้งเบอร์21รายนี้ ก็ได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 58นาทีเท่านั้น ถูกถอดออกให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาบู๊แทน
45นาทีแรก ที่โรงละครแห่งความฝัน แอนโทนี่ มีสถิติ สัมผัสบอล25ครั้ง ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย5หน - ชนะการดวล3ครั้ง และมีโอกาสซัดประตู3ครั้ง
โอเค ว่านี่อาจเป็นเพียงนัดแรกที่ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่ทว่าดูจาก Potencial และความมั่นใจ สไตล์ในการเล่นต่างๆ เจ้าของเสื้อหมายเลข21รายนี้ จะเป็นหนึ่งในอาวุธหนักที่อันตรายทางฝั่งขวาของปีศาจแดงแน่ๆ
เมื่อแม็คทอม ไม่อยากเสียตำแหน่งตัวจริง
พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ประโยคเด็ดจากภาพยนตร์ สไปเดอร์แมน นี้ ใช้ได้เข้ากับ สถานการณ์และฟอร์มของ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ณ นาทีนี้อยู่ไม่น้อย เพราะเปลี่ยนสภาพจากกองกลางจอมยี๊ มาเป็นแฟนบอลเห็นแล้วว้าว
โดยนับตั้งแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเซ็นสัญญาคว้าตัว คาเซมิโน่ มา " แม็คทอม " ก็สำแดงพิษสงขึ้นมาทันที นับตั้งแต่เกมแดงเดือดเป็นต้นมา นี่คือนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้เด่นสุดๆคนหนึ่งของทีม ช่วงที่ชนะ4เกมรวด
กับอาร์เซน่อล เมื่อคืน หนุ่มบึ๊กชาวสก็อต ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ชนิดน่าแปลกใจ งานปัดกวาดเช็ดถู ปั๊ปบอล แย่งบอล เข้าอัดเข้าปะทะตลอด แม็คโทมิเน่ย์ เล่นได้ดีก็เพราะเจ้าตัวรู้บทบาทหน้าที่ตัวเอง ไม่ฝืนไม่เล่นยากโชวเก๋า หรือพยายามเลี้ยงขโยกไปข้างหน้าจนเสียบอลเหมือนที่ผ่านมา
แต่ทว่า สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของทักษะความสามารถส่วนตัว เวลาเข้าบอลก็ยังมีโฉ่งฉ่างให้เห็นโดนใบเหลืองได้ง่าย ที่เห็นชัดเจนเมื่อคืนนั่นก็คือ บอลไปได้ คนไปไม่ได้ ไปรั้ง กาเบรียล เซซุส หงายล้ม เหมือนเล่นมวยปล้ำ จนโดนลงโทษด้วยใบเหลือง
เด็กลูกหม้อของปีศาจแดงรายนี้ มีสถิติที่สวยหรูหลายอย่างในการ ดวลกับอาร์เซน่อล ทั้ง ชนะการครอบครองบอล 5ครั้ง - เคลียร์บอล 4ครั้ง - ชนะการดวล3หน แถมยังได้อยู่ในสนามครบ 90นาทีอีกด้วย
อิริคเซ่น ของดี ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง
เป็นมิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โดดเด่นขึ้นมามากๆ ใน4เกมที่ทีมเอาชนะรวด คริสเตียน อิริคเซ่น ไม่ได้ยืนสูงเหมือน บรูโน่ แฟร์นันเดซ แต่ " คริสตี้ " ได้ยืนเป็นมิดฟิลด์ในระบบ 4-2-3-1 โดยมีคู่หูพาร์ทเนอร์ เป็น สก็อต แม็คโทมิเน่ย์
แม้จะลงสนามให้กับทีมได้ไม่ถึง10นัด แต่ทว่า ดูจะโชว์ฟอร์มได้สมน้ำสมเนื้อกว่า ปอล ป็อกบา ที่อยู่มา6ฤดูกาลจริงๆสำหรับ คริสเตียน อิริคเซ่น ที่ทำให้หน้าที่มิดฟิลด์ตัวกลางได้เป็นอย่างดี รับและรุก อย่างมีสมดุล
มิดฟิลด์ชาวเดนมาร์ก กำหนดจังหวะจะโคน ควรเร่ง ควรผ่อนได้เป็นอย่างดี แถมยังผ่านบอลอย่างชาญฉลาดอีกด้วย เข้าขากับ บรูโน่ รวมไปจนถึง มีจังหวะวิ่งไล่บอล ทำงานสกปรกช่วย สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์
อิริคเซ่น เล่นได้ตามแท็กติกของ เอริก เทน ฮาก สุดๆ กับการเป็นมิดฟิลด์ตัวต่ำ คอยเชื่อมเกม จากรับเป็นรุก จ่ายบอลได้แม่นยำทั้งยาวและสั้น จังหวะ1-0 ก็จุดเริ่มต้นมาจาก ดาวเตะแดนโคนมรายนี้แหละ ที่จ่ายหักเร็วไปให้กับ บรูโน่
ส่วนประตูตอกฝาโรง 3-1 ต้องบอกได้เลยว่า คริสเตียน อิริคเซ่น ใจกว้างเป็นแม่น้ำมากๆ เลือกถวายพานให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้สังหารโล่งๆ ทั้งที่เจ้าตัวสามารถเลือกที่จะยิงเองได้ด้วยเช่นกัน
แม้จะอายุ30ปี แต่ทว่า อิริคเซ่น วิ่งได้ตลอด90นาที และมีสถิติที่ดีทั้ง ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย16ครั้ง - ผ่านบอลในเขตโทษ 3ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาส 3ครัง และ มี1แอสซิสต์ ให้ แรชฟอร์ด
แรชฟอร์ด ขอเป็นคนใหม่
ช่วง 1-2ปีที่่ผานมา นี่คือหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นฟอร์มการเล่นแล้วเกิดอาการหงุดหงิดตามง่ามมือง่ามเท้าอยู่ไม่น้อยสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่ทว่าภายใต้การทำทีมของ เอริก เทน ฮาก อะไรหลายอย่างก็เปลี่ยนไป
" แรชชี่ " ยังคงได้รับความไว้วางใจจากกุนซือชาวดัตช์ให้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริงในตำแหน่งศูนย์หน้า ทิ้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้เป็นตัวสำรองเช่นเคย โดยก่อนเกม มาร์คัส แรชฟอร์ด มีสถิติที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในการดวลกับอาร์เซน่อล เพราะเจ้าตัวไม่สามารถล่าตาข่ายทีมปืนใหญ่ได้เลยตั้งแต่ปี 2016
สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปของแข้งหมายเลข10 ก็คือ การขยันวิ่งช่วยเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น แรชฟอร์ด กด2ตุงใส่อาร์เซน่อล เมื่อคืน พร้อมทั้งยังแอสซิสต์ และดึงตัวประกบได้ถึง2คน กับจังหวะแทงให้ แอนโทนี่ สังการ เม็ด 1-0
ความเร็วและการวิ่งทะลุช่องนี่คือสิ่งที่ ดร.แรชฟอร์ด ใช้จู่โจมอาร์เซน่อลในเกมเมื่อคืน โอเคว่า มันไม่สามารถปั่นป่วน แบ็กของอาร์เซน่อลได้ แต่ทว่าก็เพียงพอที่จะเล่นงาน เซ็นเตอร์ประเภทตัวใหญ่ของ กาเบรียล มากัลเญส และ วิลเลี่ยม ซาลิบา ได้
แต่ทว่า แรชฟอร์ด มีสิ่งที่ต้องปรับเหมือนกันเมื่อคืน นั่นก็คือการเก็บบอลและวิ่งหาช่องได้ไม่ค่อยดี ในบทบาทศูนย์หน้า อาจจะด้วย3-4ปีหลัง เจ้าตัวได้เล่นในตำแหน่งปีกริมเส้นตลอด ทว่าอย่างไรก็ตามเกมใหญ่ ที่ต้องอาศัยเกมสวนกลับ ความเร็วเป็นอาวุธ แรชฟอร์ด ก็พร้อมที่จะใช้ความเร็วจุดเด่นตรงนี้ เล่นงานคู่แข่งจนสลบได้เลย
ปืนใหญ่ อย่าพึ่งเป๋ เซ็นเตอร์รั่วในนัดนี้
โดนหยุดสถิติชนะ5นัดรวดจนได้ สำหรับทีมฟอร์มร้อนแรงอย่าง อาร์เซน่อล หลังก่อนหน้าทีมปืนโต เก็บมาเรียบทั้ง คริสตัล พาเลซ - เลสเตอร์ ซิตี้ - บอร์นมัธ - ฟูแล่ม และล่าสุด แอสตัน วิลล่า
ก่อนเกมพลพรรคปืนโต มีสถิติที่ไม่ค่อยสู้ดีนักในการมาเยือนถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะ15นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก พวกเขาบุกมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เพียงแค่ 1นัด ลงเอยด้วยการเสมอกันไป5ครั้ง และแพ้ออกมาถึง9
แต่ทว่า8นัดล่าสุด อาร์เซน่อล แพ้ ปีศาจแดงเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น เสมอ3 และเอาชนะไปได้4 โดยเมื่อคืนหนึ่งในจังหวะสำคัญที่เปลี่ยนเกมพอสมควรนั่นก็คือ ประตูขึ้นนำ 1-0 ของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่โดน VAR จับเป็นการทำฟาวล์ของ มาร์ติน โอเดการ์ด ไปก่อน
อาร์เซน่อล ถ้ามองในภาพรวมนี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่พวกเขาไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย แต่ทว่าความประมาท และแผงหลังที่ยืนสูงและเช็กไลน์กันไม่ดี ทำให้เข้าแท็กติกเล่นเกมสวนกลับที่แมนฯยูถนัด ปล่อยให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด กระทุ้งได้2ประตู
ประตูแรกที่เสียให้ แอนโทนี่ ต้องโทษ กาเบรียล เพราะเจ้าตัวไปเข้าพรวดจนเสียตำแหน่ง ทำให้ผู้เล่นแนวรับรายอื่นๆต้องร่นโคฟเวอร์ตำแหน่ง จนมีช่องว่างด้านซ้ายจนเสียประตูในที่สุด
ส่วนลูกที่2 ทั้ง กาเบรียล และ ซาลิบา ต้องรับผิดชอบร่วมกันกับจังหวะลูกจ่ายตัดหลังของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ แถมยังไม่เช็กไลน์กันอย่างละเอียด รวมไปจนถึง เบน ไวท์ ด้วย ลูกปิดกล่องของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็เช่นกัน จังหวะแทงของ บรูโน่ ให้ อิริคเซ่น ไม่มีเซ็นเตอร์ของทีมวิ่งตามเลย หายจากตำแหน่งทั้งคู่
อาร์เซน่อล จากอดีตทีผ่านมาเวลาพวกเขาสะดุดมักจะเป๋ไปหลายนัด ต้องมาดูกันว่าในซีซั่นนี้พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากแค่ไหน เพราะเกมต่อไปที่พวกเขาจะได้แก้ตัวนั่นก็คือ การเปิดบ้านต้อนรับเอฟเวอร์ตัน ที่โชว์ให้เห็นถึงวินัยในเกมรับมาแล้วกับการเจ๊าลิเวอร์พูล 0-0
- คอลัมน์นิสต์
- 273
- 05 ก.ย. 2565 14:12