ไม่อยากจบท็อปโฟร์ ! ผี แผ่วอีก สะดุดเจ๊าเบิร์นลี่ย์ 1-1 แม็คไกวร์ รถสิบล้อ
ดูท่าจะไม่อยากจบท็อปโฟร์ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เสียแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยโปรแกรมที่ค่อนข้างเบาของพวกเขากับการบุกมาเยือนทีมบ๊วยอย่าง เบิร์นลี่ย์ แต่ทว่าลูกทีมของ ราล์ฟ รังนิก กลับทำได้แค่ บุกมาแชร์แต้มยังถิ่น เทิร์ฟ มัวร์ 1-1 หลังโดนทีมเจ้าบ้านสวมวิญญาณนักสู้ตีเสมอในครึ่งหลังได้สำเร็จ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เหมือนจะอยากล้างความอับอายจากเกม เอฟเอ คัพ ที่พ่ายตกรอบให้กับทีมใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อย่าง มิดเดิ้ลสโบรช์ในการดวลจุดโทษ 7-8 ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาในฤดูกาลนี้ที่พอจะเป็นไปได้ที่สุดคือการทำอันดับจบท็อปโฟร์
อย่างไรก็ตามขุนพลปีศาจแดงก็เหมือนจะไม่อยากกลับไปลุยถ้วยหูใบใหญ่ยุโรปในซีซั่นหน้า เพราะยังสานต่อผลงานที่น่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง สะดุดเจ๊าทีมบ๊วยอย่าง เบิร์นลี่ย์ 1-1
โดยที่ครึ่งแรก ยูไนเต็ด เล่นกันได้ดีมากๆ และขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก ปอล ป็อกบา น.18 ซึ่ง45นาทีแรก ทางฝั่งผู้มาเยือนควรซัดได้มากกว่า 1ประตูด้วยซ้ำ
เพราะอีก2ครั้งที่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายถูกจับเป็นจังหวะฟาวล์ไปก่อนทั้ง ช๊อตของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ ปอล ป็อกปา ไปทำฟาวล์ผู้เล่นเบิร์นลี่ย์ไปเสียก่อนจึงอดได้ประตูไป ยังไม่ร่วมถึงครึ่งแรกกับ ฟอร์มปลาหมึกของ นิค โป๊ป ที่ช่วยให้ทีมยังตามหลังอยู่แค่1เม็ด
ครึ่งหลังออกสตาร์ทมากลายเป็นหลังคนละม้วนเลย ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ เหมือนได้รับการกระตุ้นกันมาอย่างดี ดูคึกคักและวื่งสู้ฟัดมากขึ้น ที่่ชัดเจนสุดๆคือ " เดอะ คลาเล็ตส์ " วิ่งบีบสูงเพรสเร็วกว่าในครึ่งแรก
ซึ่งการเปลี่ยนวิธีการเล่นของเจ้าบ้าน ก็ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวนสุดๆไปทันทีก่อนที่สุดท้าย เบิร์นลี่ย์ จะมาตีเสมอ 1-1 ได้จาก เจย์ โรดริเกซ ตั้งแต่นาทีที่ 47
โดยหลังจากนั้นเกมก็ค่อนๆข้างเปิดมีโอกาสแพ้ชนะกันได้ทั้งคู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทิ้งไพ่เด็ดลงมานั่นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว CR7 ก็ไม่มามารถเสกประตูชัยให้กับทีมได้
ผลเสมอนัดนี้ถือว่าเสียหายกับพวกเขาสุดๆในแง่ของการลุ้นไป แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อโดน เวสต์แฮม ที่แข่งมากกว่า 1นัด แซงขยับขึ้นที่4ไปแล้ว นี่ยังไม่รับทีมอันดับ6และ7อย่าง สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ที่แต้มห่างพวกเขาไม่มาก และยังแข่งน้อยกว่า 2-3นัดทั้งคู่
ส่วน เบิร์นลี่ย์ เหมือนพวกเขาจะกลับมาเป็นทีมที่คงคอนเซ็ปต์เดิมอีกครั้ง นั่นก็คือการเป็นทีมที่เหนียวแน่นแพ้ยาก แต่ทว่าความหลากหลายและไอเดียการเข้าทำในเกมรุก คือสิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไป
1แต้มกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ทำให้ ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ สลัดอันดับบ๊วยได้ แต่ทว่า3นัดหลังสุด พวกเขาเสมอมาได้ถึง3เกมทั้ง อาร์เซน่อล 0-0 และ วัตฟอร์ด 0-0 รวมถึงแมตช์เมื่อคืนด้วย
การกลับมาของ ปอล ป็อกบา
ปอล ป็อกบา หายหน้าหายตาจากเกมพรีเมียร์ลีก มาตั้งแต่ แมตช์ที่โดนใบแดงพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล 0-5 หลังจากนั้นกองกลางเจ้าของค่าตัว 89ล้านปอนด์รายนี้ ก็ได้รับบาดเจ็บและพักยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ป็อกบา มีโอกาสได้เคาะสนิมมาก่อน ในเกม เอฟเอ คัพ เมื่อวันศุกร์ ส่วนในเกมกับเบิร์นลี่ย์ อาจจะด้วยชื่อชั้นและมาตรฐานของนักเตะทีมเจ้าบ้านไม่ได้สูงส่งอะไรมาก ทำให้ดาวเตะจอมตัดผมรายนี้ โชว์เพลงแข้งถือว่าใช้ได้ทีเดียว
โดยเฉพาะจังหวะซัดประตูขึ้นนำ1-0 ต้องบอกได้เลยว่าแข้งเลือดน้ำหอม วางเท้ายิงได้ดีสะเด่าเร้าใจมากๆ ทั้งที่มีผู้เล่นเบิร์นลี่ย์ ยืนขวางทางปืนอยู่ แม้จะมีทำเสียบ้าง แต่ทว่าจังหวะกินตัว หรือใช้ความสามารถในพื้นที่แคบๆ เอาตัวรอด ป็อกบา ผ่านเกณฑ์ในนัดนี้
จังหวะเชื่อมเกมจากกลางไปหน้า หรือจังหวะทะลุทะลวง ปอล ป็อกบา ก็ทำได้น่าชื่นชมเช่นกัน ก่อนที่จะมาดีแตกในครึ่งหลังที่โดนเกมเร็ว วิ่งเพรสของเบิร์นลี่ย์ ก็เล่นเอา "เฮียป็อก " ลนและทำอะไรไม่ถนัดเหมือนกัน
ตลอดทั้งเกม กองกลางวัย28ปีรายนี้ ได้โอกาสยิง2ครั้ง - จ่ายจังหวะคีย์พาสได้1หน รวมไปจนถึงเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งได้2ครั้ง ป็อกบา ดูจะถนัดมากๆในการเจอกับคู่แข่งทีมเล็กๆ
ที่ทำให้เจ้าตัวได้ใช้ความคล่องความสามารถเฉพาะตัวพาบอลทะลุทะลวงจากกลางไปหน้า แต่ทว่าก็มาตายลูกไม้เดิมๆนั่นก็คือ เมื่อเจอบีบเร็ว เพรสเร็ว ก็งัดฟอร์มไม่ออก ฉายภาพซ้ำเดิมๆ
ลูกยิงที่สังหารผ่าน นิค โป๊ป เหลือเชื่อว่านี่คือ ประตูแรกของ ป็อกบา ในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 เกมที่เอาชนะ ฟูแล่ม 2-1 หรือเป็นประตูแรกในเกมลีกรอบ 1ปี เลยทีเดียว
แม็คไกวร์ เหมาะสมฉายา ไอ้รถบรรทุก
ในซีซั่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ที่เมื่อถูกส่งลงสนามแฟนผีแดงมีเสียวตลอด สำหรับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไม่มีคราบไคลเดิมกองหนังพันธุ์แกร่งจาก เลสเตอร์ ซิตี้ หรือโชว์ความเป็นเจ้าเวหาเหมือนเมื่อสวมเครื่องแบบทืมชาติอังกฤษอยู่เลย
แม็คไกวร์ ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางร่วมกัน ราฟาเอล วาราน ทั้งที่คู่แข่งไม่ใช่ทีมระดับพระกาฬ เบิร์นลี่ย์ คือทีมบ๊วยของตารางทำประตูได้น้อยที่สุดเป็นอันดับ2ของลีก (16ประตูจาก19นัด)
แต่ทว่ากองหลังค่าตัว80ล้านปอนด์รายนี้ มีปัญหาสุดๆกับการหยุดผู้เล่นเจ้าบ้าน ภาพที่เราเห็นจนชินสำหรับ กองหลังหัวแตงโมรายนี้ คือ การหยุดคู่แข่งด้วยการทำฟาวล์โง่ๆ
เจอนักเตะที่มีความเร็วความคล่องหน่อย ก็แปรสภาพตัวเองให้เป็นเหมือนกรวยจราจรเลี้ยงผ่านง่ายๆ แถมยังหวะพลิกตัวเพื่อวิ่งตามคู่แข่ง ก็อืดอาด เชื่องช้า เหมือนรถบรรทุก- รถสิบล้อเวลากลับตัว
นิสัยที่แก้ไม่หายสักทีของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ นั่นก็คือการเป็นผู้เล่นที่ติดมือตลอด จังหวะเข้าบอล จังหวะโหม่งบอล ต้องแอบมีมือคอยช่วย ไปผลัก ไปเล่นสกปรกตลอด โดนทั้งใบเหลืองและจับฟาวล์มานับไม่ถ้วน
ซึ่งในเกมนี่ก็น่าเสียหายเหมือนกัน ที่ ราฟาเอล วาราน อุตส่าห์โขกประตูแรกในสีเสื้อปีศาจแดงได้ แต่ทว่า ก็มาโดน VAR ยึดคืนย้อนหลังเพราะ แม็คไกวร์ เจ้าประจำนี่แหละ ดันทะลึ่งไปใช้มือผลัก เจย์ โรดริเกซ ไปก่อน จนกลายเป็นจังหวะฟาวล์ในที่สุด
ส่วนประตูที่เสียไป วาราน ก็โดนตำหนิด้วย แต่ทว่าจุดเริ่มต้นของความวายป่วงก็เป็น อดีตกองหลัง เลสเตอร์ รายนี้แหละที่ไปเข้าบอลพรวดพราด จนเสียตำแหน่ง แถมยังวิ่งมาตาม เจย์ โรดริเกซ อย่างช้า ไม่เบียดไม่เข้าสกัด จนโดนตีเสมอในที่สุด
นิค โป๊ป ควรได้อยู่ทีมใหญ่
เป็นผู้รักษาประตูชาวอังกฤษที่พูดถึงน้อยพอสมควร ทั้งที่ฟอร์มการเซฟ นิค โป๊ป ไม่ได้เป็นรองพวกจอร์แดน พิคฟอร์ด หรือ ดีน เฮนเดอร์สัน เลย หนึ่งปัจจุจัยที่ทำให้ เดอะ คลาเล็ตส์ มี1แต้มในนัดนี้ก็คือความหนึบของนายด่ายวัย 29ปีรายนี้แหละ
แม้หลายจังหวะ จะมีกองหลังมาช่วยเคลียร์ในวินาทีสุดท้าย หรือเหล่าบรรดาหน่วยสังหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่คมกันเอง ยิงไม่หนีมือ โป๊ป แต่ถึงกระนั้นก็ต้องชื่นชมการยืนตำแหน่งของเจ้าตัว เช่นกัน
โดยช็อตซุปเปอร์เซฟสุดๆเห็นทีจะเป็นในครึ่งแรกจากจังหวะโขกจ่อๆ1-2 หลา ของ เอดิสัน คาวานี แต่ทว่านายด่านทีมชาติอังกฤษรายนี้ กลับผวาวิ่งไปป้องกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
นอกจากการเซฟแล้ว สิ่งที่ นิค โป๊ป ยังทำได้แจ่มมากๆในเกมนี่นั่นก็คือ การออกมาคว้าลูกกลางอากาศที่แทบไม่มีพลาด ไม่มีกระฉอกเลย แถมยังบัญชาการจัดระเบียบเกมรับได้เป็นอย่างดี ในช่วงท้ายเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โหมเอาประตูชัย
แม้ว่าจะเป็นทีมบ๊วยอันดับที่ 20 แต่ โป๊ป ก็ยังพาเบิร์นลี่ย์ เก็บคลีนชีตได้ถึง 5นัด จากโปรแกรม20นัด แถมยังเสียไปเพียงแค่ 28ประตูเท่านั้น ซึ่งน้อยที่สุดเป็นอันดับ7ของลีก เลยทีเดียว
Mentality ผู้ชนะที่หายไปของ ปีศาจแดง
ไปๆมาๆการเปลี่ยนกุนซือจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเป็น ราล์ฟ รังนิก ก็ไม่ได้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดีขึ้นมากกว่าเดิมแต่อย่างใด เผลอๆจะเท่าเดิมหรือแย่กว่า ในยุคของน้าลูกอมด้วยซ้ำ
โอเค ยูไนเต็ด อาจจะดีขึ้นในเรื่องของจำนวนการเสียประตูที่น้อยลง แต่ทว่าภาพรวมพวกเขาก็ยังโดนคู่แข่งเจาะตาข่ายแทบจะทุกนัดเหมือนเดิม ส่วนแนวรุก บอกตรงๆว่า ดูฝืดเคือง และไอเดียการเข้าทำดูตื้อๆตันๆ กว่าเก่าด้วยซ้ำ
หรือหากมีจังหวะจบสกอร์ พวกเขาก็ขาดความเฉียบคมกันไปเอง เอาแค่ในเกมกับ เบิร์นลี่ย์ 45นาทีแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโอกาสล่อเป้าทีมเจ้าบ้านมากถึง12ครั้ง แถมยังครองบอลมากกว่า 62% ต่อ38% แต่ทว่าได้มาแค่ลูกเดียว
ซึ่งการนำแค่1เม็ด ของปีศาจแดง ณ คศ.นี้ แม้จะรูปเกมเหนือกว่าคู่แข่งบานเบอะ แต่ไม่มีทางรู้เลยว่า พวกเขาจะแผ่วดื้อๆตอนไหน
อาทิ เกมกับ แอสตัน วิลล่า (2-2) หรือแผลสดๆร้อนๆกับ มิดเดิ้ลสโบรช์ เพราถึงแม้จะนำห่างหรือเล่นดีขนาดไหน พวกเขาก็พร้อมที่จะช็อตและกลับกลายเป็นตกเป็นรองคู่แข่งดื้อๆ
ในยุคของ " ลุงลาบ " ทีมดูจะมีปัญหาการเข้าทำกับการสร้างจังหวะที่จะแจ้งอยู่ไม้น้อย รวมไปจนถึงเมื่อมีโอกาส พวกเขากลับยิงทิ้งยิงขว้าง ทิ้งโอกาสลงชักโครกเสียเป็นส่วนใหญ่กว่าจะได้มาสัก1เม็ด ต้องมาจากจังหวะจบสกอร์นับครั้งไม่ถ้วน
Mentality ของผู้ชนะ นี่คือสิ่งที่ปีศาจแดงทำหายไปอย่างหนัก เอาแค่กับเบิร์นลี่ย์ โดนทีมบ๊วยของตาราง ตีเสมอ น.47 แค่นี้ก็เล่นเอาซะเครื่องรวนไม่เป็นกระบวนท่าเลย แถมยังมีเวลาเหลือให้ยิงประตูชัยอีกตั้งเยอะ
ส่วนนักเตะทั้งช่วงท้ายเกมต่างพากันภาษากายแย่มากๆ เดินก้มหน้าก้มตาเล่น ไร้แรงกระหาย ทั้งที่ทีมต้องการ3แต้มสุดๆ นอกจากแท็กติกแล้ว รังนิก จำเป็นต้องซ่อมแซม ทัศนคติของนักเตะชุดนี้อย่างเร่งด่วน
เบิร์นลี่ย์ สัญญาณชีพจรดีขึ้น
ฤดูกาลนี้ทำท่าว่าจะไม่รอด หล่นลงไปเล่น ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เสียแล้วสำหรับ เบิร์นลี่ย์ แต่ทว่าผลงาน3นัดหลังสุด ของ " เดอะ คลาเล็ตส์ " ก็ดูจะพอทำให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่ไม่น้อย
เบิร์นลี่ย์กลับมามีจุดเด่นซิกเนเจอร์ของตัวเองอีกครั้งหนึ่งนั่นก็คือ การเป็นทัมที่แพ้ยาก เสียประตูน้อย พรีเมียร์ลีก3เกมล่าสุด พวกเขาไม่แพ้ใครเลย เก็บไปได้2คลีนชีต เสียไปเพียงแค่1ประตู ไม่ว่าจะเป็น เสมอ อาร์เซน่อล 0-0 / เสมอ วัตฟอร์ด 0-0
รวมถึงล่าสุดเจ๊ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 โอเค แม้ว่าจะไม่ได้สลัดตำแหน่งบ๊วยได้ แต่ทว่าการเก็บ2แต้มใหญ่จากทีมอย่าง ปืนใหญ่ และ ปีศาจแดง ก็น่าจะทำให้พวกเขาฮึกเหิมมีกำลังใจขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนสิ่งที่น่ากังวลของพวกเขาต่อไปนั่นก็คือเกมรุกที่ ฝืดเคือง ไอเดียการเข้าทำแทบไม่มีเลย ใน45นาทีแรก โอกาสยิงของทีมเจ้าบ้าน = 0 นอกจาก ดไวท์ แม็คนีล และ เวาต์ เว็กฮอร์สต์ แล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆในทีมไม่มีพิษสงในเกมรุก ใดๆ
เวาต์ เว็กฮอร์สต์ หอกคนใหม่ เจ้าของดีกรี 20ประตูกับโวล์ฟสบวร์ก ในบุนเดสลีก้า 2020-2021 ดูจะเป็นความหวังในแนวรุกให้กับเบิร์นลี่ย์ สำหรับการอยู่รอดปลอดภัยสำหรับโปรแกรมที่เหลือมากๆ
ศูนย์หน้าชาวดัตช์ ไม่ได้มีมีเพียงแค่ความใหญ่เท่านั้น (199 ซม.) มีเหลี่ยมบอล จังหวะเล่นกับพื้นสวยๆ โดย เว็กฮอร์สต์ นี่แหละที่เป็นคนจ่าย แอสซิสต์ให้ เจย์ โรดริเกซ กดตีเสมอได้สำเร็จ
ถึงกระนั้นก็ดีภาพรวมแนวรุกที่ กดไป17ประตู จาก20นัด ดูจะน้อยมากๆสำหรับการดิ้นรนหนีตกชั้น แม้ว่าเบิร์นลี่ย์จะเป็นทีมที่แพ้น้อย (8)
แต่ทว่าพวกเขาก็ชนะคู่แข่งได้เพียงนัดเดียว และไปเข้าโครงการคนละแต้ม มากถึง11นัด ทำให้คะแนนของพวกเขาไม่ขยับไปไหนกับทีมอื่นสักที
- คอลัมน์นิสต์
- 415
- 09 ก.พ. 2565 14:20