รังนิก 3แต้ม ! ผี เปิดบ้าน เชือด พาเลซ 1-0 อะไรๆก็ เฟร็ด
ประเดิมอย่างเป็นทางการไปอย่างเรียบร้อยแล้วสำหรับ การคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดแรกของ ราล์ฟ รังนิก ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้จะเป็นการเก็บ3แต้ม ด้วยสกอร์เฉียดฉิว 1-0 แต่ทว่าในเรื่องของรูปเกมวิธีการเล่นแล้ว ทัพปีศาจแดงเหมือนจะค่อยๆยกระดับขึ้นมา
เกมกับ ทีมปราสาทเรือนแก้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 11ผู้เล่นของทีม เป็นชุดเดียวกับที่พึ่งหักกระบอกปืนเมื่อกลางสัปดาห์ 3-2 แม้ว่าจะอินฟอร์เมชั่น ขึ้นมาเป็น 4-2-3-1 แต่ทว่าเล่นจริงแล้วเป็นระบบ 4-2-2-2
ต้องบอกได้เลยว่า 45นาทีแรก เป็นปีศาจแดงโฉมใหม่เลยก็ว่าได้ เมื่อพวกเขาบีบสูงแล้วรุมกดดันผู้เล่นเกมรับของผู้มาเยือน จนจ่ายบอลเสียและทำอะไรไม่ถนัดหลายครั้ง เพื่อหาโอกาสจังหวะจบสกอร์ ตามสไตล์ " เกเก้น เพรสซิ่ง " แต่ทว่าน่าเสียดายที่ทำจังหวะสุดท้ายกันได้ไม่เฉียบขาดพอ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกหลายคนค่อนขอดว่า ขี้เกียจ ไม่ช่วยวิ่งไล่เพรสซิ่ง นัดนี้สตาร์ชาวโปรตุเกส วิ่งมีหลายบทบาทมากในแดนหน้า ทั้งตัวค้ำ ลงมาล้วงบอล รวมไปจนถึงยังมี โขกย้อนทำทางมาให้เพื่อนร่วมทีม แต่ทว่าน่าเสียดายที่จังหวะดังกล่าว บรูโน่ แฟร์นันเดซ จะยิงแป๊กให้ กวยต้า ปัดได้ไม่ยาก
อีกหนึ่งตำแหน่งที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวามากๆ นั่นก็คือ แบ็กซ้าย-ขวา ที่ปรกติต่างเป็นตัวสำรองกันมาตลอดอย่าง อเล็กซ์ เตลลิส และ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ต่างทำผลงานกันได้เข้าตาทั้งคู่
ในเรื่องของเกมรับยังมีหลุดๆอยู่บ้าง แต่ในเรื่องเกมรุก และความขยัน วิ่งไม่มีหมด สองแข้งชาวบราซิล และ โปรตุเกส ทุ่มเทเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ให้เจ้านายคนใหม่เห็น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแผ่วลงเป็นพักๆในช่วง 45นาทีหลัง ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย สกอร์ยังคง 0-0 ความกดดันก็ถาโถมใส่พวกเขามากขึ้น บวกกับทีมเยือนก็เริ่มจะตั้งเกมบุกได้เป็นระยะ แต่ทว่าความอัดอั้น อึดอัดดังกล่าว ก็ถูกพังพลายลงไปด้วยผู้ชายที่ชื่อว่า " เฟร็ด "
เฟร็ด เล่นได้เป็นอย่างดีในเกมกลางวีคกับปืนโต โดยกองกลางบราซิลเสิ่นเจิ้นรายนี้ ยังสานฟอร์มแจ่มต่อเนื่อง ในแมตช์กับ เดอะ อีเกิ้ล โดยประตูชัยของเจ้าตัว นี่คือเข้าขั้นภาพกีฬาที่หายาก เพราะเมื่อมีโอกาสได้วางเท้ายิง เฟร็ด มักจะหวดขึ้นไปบนอัฒจันทร์ฝั่งคนดูด้านบนนู่นเลย
แต่ทว่าลูกที่ เจ้าตัวซัดจนเป็นประตูชัย น.77 เกมกับคริสตัล พาเลซ ต้องบอกเลยว่าสวยสดงดงามเกินมาตรฐานของเจ้าตัวจริงๆ เพราะปั่นด้วยซ้ายนอกเขตโทษ บอลค่อนๆปั่นหนีมือ บิเซนเต้ กวยต้า เข้าไป ยิงว่าสวยแล้ว ท่าดีใจฉลองประตูดังกล่าวของ แข้งหมายเลข17รายนี้ ก็ยียวนกวนประสาทไม่แพ้กัน
ราล์ฟ รังนิก นับหนึ่ง ด้วย3แต้ม
เรียกว่ารอคอยมาพอสมควรเหมือนกันสำหรับแฟนผีแดง กับการเห็น ราล์ฟ รังนิก ประเดิมคุมทีมนัดแรกอย่างเป็นทางการกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ต้องรออนุญาตวีซ่า และ เวิร์ค เพิอร์มิท
กุนซือชาวเยอรมัน ออกสตาร์ทนัดแรกกับปีศาจแดงด้วย11ผู้เล่น ชุดเดียวกันกับนัดเจอปืนใหญ่ เป๊ะๆ แม้แผนผังก่อนเกมจะมาในระบบ 4-2-3-1 แต่พอมาเล่นจริงก็เป็นระบบที่ รังนิก ถนัดและทำมาตลอดนั่นก็คือ 4-2-2-2
เฟร็ด และ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ถูกวางบทบาทให้เป็นมิดฟิลด์คู่กลางร่วมกัน โดยทั้ง บรูโน่ แฟร์นันเดซ และ เจดอน ซานโช่ เล่นทั้งในบทบาทหน้าต่ำ และตัวรุกกึ่งปีกในบางจังหวะ ส่วนกองหน้าคู่เป็นการประสานงานกันของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วง 45นาทีแรกเมื่อคืน นั่นก็คือ รูปแบบสไตล์การเล่น แม้จะมีเวลาฝึกซ้อมเต็มที่แค่2วัน
แต่ทว่ากุนซือวัย63ปีรายนี้ ก็พยายามปลูกฝัง " เกเก้น เพรสซิ่ง " ให้กับนักเตะทีมปีศาจแดงชุดนี้ แม้มันจะออกมาไม่เพอร์เฟคส์ 100% มีความผิดพลาด แต่มันก็เป็นทิศทางที่มีแนวโน้มดีขึ้น
แข้งพันธุ์อสูรแดงช่วยกันวิ่งไล่เพรส ตั้งแต่แดนบน รุมกดดันแนวรับผู้มาเยือน ออกบอลเร็ว ตามสไตล์ปรัชญาของกุนซือคนใหม่ แม้จะยังไม่เนี๊ยบ รวมถึงครึ่งหลังมีหมดแรงหรือแผ่วเป็นช่วงๆเช่นกัน
อีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน (อาจจะเพราะเป็นช่วงโปรโมชั่นกุนซือใหม่ด้วย) นั่นก็คือทัศนคติในการเล่น เราจะไม่ได้เห็นแข้งปีศาจแดงเดินเล่น ทอดน่องชิวๆอีก 11ผู้เล่นในสนามลงไปด้วยความกระตือลือล้นทุกราย
โอเค แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่นัดแรก และคู่แข่งจะเป็นเพียง คริสตัล พาเลซ และจะชนะด้วยสกอร์ฉิวเฉียด 1-0 หนทางจะยังอีกยาวไกลให้พิสูจน์ แต่ยูไนเต็ด ในอุ้งมือของ รังนิก ก็มีแนวทางที่ชัดเจน พอที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่ไม่น้อย
ช่วงนี้อะไรๆ ก็ เฟร็ด
หากลิเวอร์พูลมีนักเตะประเภทมหาเทพเป็น ดิว็อค โอริกี้ ทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีนักเตะอย่างเฟร็ด ส่งเข้าประกวดแข้งผู้เล่นในหมดหมู่ มหาเทพ ดังกล่าว เช่นกัน ไปๆมาๆแข้งชาวบราซิลรายนี้ ท่าจะจองตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวจริงยุค รังนิก เข้าให้แล้ว
เกมเมื่อคืน นักเตะที่แฟนผียี้บ่อยๆในระยะหลังอย่าง เฟร็ด ทำหน้าที่งานสกปรกของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม อยู่แทบในทุกพื้นที่ของสนาม สร้างความรำคาญให้ผู้เล่น เดอะ อีเกิ้ล เวลาที่จะออกบอลจากกลางไปหน้าเป็นอย่างมาก
เฟร็ด แม้จะมีทักษะทางลูกหนังไม่สูงส่ง รูปร่างเล็กแรงปะทะไม่ดี แต่ทว่าข้อด้อยดังกล่าวก็ถูกทดแทนด้วยความขยัน มีวินัย แล่นตามแท็กติกของกุนซือ เมื่อคืนเป็นเกมที่เจ้าตัว วิ่งเพรสซิ่งได้ดีเป็นอย่างมาก และน่าจะเป็นนักเตะลำดับต้นๆ ที่เข้ากับสไตล์ " เกเก้น เพรสซิ่ง "
ครึ่งแรก เฟร็ด มีโอกาส ได้ซัดเหน่งๆหน้ากรอบเขตโทษ แต่ทว่าน่าเสียดายที่บอลไปติดบล็อกผู้เล่นทีมเยือน โดนในครึ่งหลังเฟร็ด ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไปอีก
เมื่อ น.77 เมสัน กรีนวู๊ด ได้บอลในเขตโทษดึงตัวผู้เล่นของพาเลซได้ 3-4 คน ก่อนที่จะตบบอลไปตรงพื้นที่ว่างระยะราวๆ 20 หลา
แข้งหมายเลข17 รายนี้ ก็บรรจงปั่นด้วยขวาโค้งๆผ่านมือ บิเซนเต้ กวยต้า เข้าไปแบบสุดสวย นอกจากจะยิงสวยแล้ว ท่าดีใจเฉลิมฉลองของเจ้าตัวก็ยียวนเรียกแขกไม่น้อย
ถึงแม้หากไม่ได้ซัดประตูชัยในแมตช์นี้ ว่ากันว่า เฟร็ด ก็คู่ควรกับรางวัล แมน ออฟ เดอะแมตช์ อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นสถิติหลายอย่างหลังเกม ทั้ง
ผ่านบอลทั้งเกม 71ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายสำเร็จ 10ครั้ง / ชนะการดวล 10ครั้ง / แย่งบอล 7ครั้ง / แท็กเกิ้ล 7หน / เคลียร์บอลจังหวะอันตราย 2หน / และสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน 1ครั้ง
ดาโล่ต์ สมควรได้รับโอกาสตัวจริงก่อน วาน -บิสซาก้า ระยะยาว
ด้วยความที่ อารอน วาน-บิซซาก้า พึ่งหายเจ็บกลับมา น่าจะยังไม่ฟิตเต็มถังทำให้ "ไอ้แมงมุม " จึงต้องนั่งเป็นตัวสำรองไปก่อน ดิโอโก้ ดาโล่ต์ จึงได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นแบ็กขวาตัวจริง 2นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก
ดาโล่ต์ ที่ในแต่ก่อนเป็นแบ็กขวาตัวรั่วของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกๆคราวเมื่อได้โอกาสลงสนาม แต่ทว่า2นัดล่าสุด ดาวเตะแดนฝอยทองราวนี้ เหมือนจะพัฒนาการเล่นของตัวเองขึ้นมาในระดับหนึ่ง และที่เด่นกว่า วาน-บิสซาก้า แน่ๆนั่นก็คือการเล่นเกมบุก และความ Balance
" ไอ้แมงมุม " เวลาที่ได้ครอสบอลจากด้านข้างริมเส้น แฟนผีแทบจะไม่ขาดหวังเลยว่ามันจะเข้าเป้า แต่ทว่า ดาโล่ต์ นั้นเหมือนจะแตกต่างออกไป แข้งวัย22ปีรายนี้ มีจังหวะครอสบอลที่ได้ลุ้นหวาดเสียวมากกว่า วาน-บิสซาก้า
อีกหนึ่งสิ่งที่ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ทำได้ดีแมตช์นี้นั่นก็คือ การประกบติด ปีกที่มีความเร็ว ความแข็งแกร่งอย่าง วิลเฟร็ด ซาฉา ให้แผลงฤทธิไม่ออก ประตูชัยของทีมก็มาจากเจ้าตัวนี่แหละ ที่จ่ายยัดบอลไปให้ กรีนวู๊ดในแขตโทษ ก่อนที่ เจ้าหนูไม้เขียวจะแอสซิสต์ให้ เฟร็ด ส่องไกล
ดาโล่ต์ วางบอลยาวไปถึง 9ครั้ง / จ่ายคีย์พาสได้ 1หน / แท็กเกิ้ล 3 / ตัดบอลอีก 1 / มีโอกาสซัดบอลเป็นประตูอีก1 แต่ทว่าบอลเหินข้ามคานไปนิดเดียว
แนวรับนิ่งขึ้น แม็คไกวร์ เลิกเลอะเทอะ
ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นตาพอสมควรสำหรับ แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับการไม่เห็น ดาบิด เด เคอา ไม่ต้องมีงานชุก ออกแรงเซฟ แถมยังเป็นการเก็บคลีนชีตในพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นับตั้งแต่นัดที่ชนะ เวสต์แฮม 1-0 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม หรือครั้งในรอบ12นัด (ในบ้าน)
เกมรับของ ยูไนเต็ด นัดนี้ไม่ได้ปล่อยให้ผู้เล่นทีมเยือนบุกมาล่อเป้าเท่าไหร่ เพราะพวกเขาเพรสซิ่งได้ดี ตั้งแต่ในแดนหน้า และแดนกลาง ทำให้กองหลังไม่ต้องเจองานหนักทะลุทะลวงมาถึงตลอด เหมือนในยุคของ โซลชา
ผู้เล่นแบ็กโฟร์ของทีม ยืนรักษา Shape พื้นที่ได้ดีมาก ไม่มีสมาธิหลุด คู่เซ็นเตอร์อย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ช่วยกันรุมกินโต๊ะ คริสเตียน เบนเตเก้ กันอย่างสนุกสนาน
การบีบพื้นที่ของผู้เล่นในแดนกลาง และฟูลแบ็ก ทำให้ปราการหลังตัวกลางไม่ค่อยได้เจอกับสถานการณ์เดี่ยวๆ สุ่มเสี่ยง
หนึ่งคนที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นนั่นก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โดยปรกติแล้วเมื่้อปราการหลังหัวแตงโม รายนี้ได้ลงเล่นแฟนผีแดงมีเสียวตลอด เพราะด้วยความช้าและความอืดอาดของเจ้าตัว ทำให้สามารถเกิดช็อตเฟอะฟะได้
เมื่อคืนมีจังหวะเสียวๆ อยู่บ้าง แต่ แม็คไกวร์ ก็ไม่เลือกเล่นท่ายากหลอกล่อกองหน้า แต่เลือกที่จะเอาชัวร์หวดบอลทิ้ง แบบไม่เสียดายลูกทุ่ม แถมยังมีการเติมสูงขึ้นไปจ่ายบอลพื้นที่สุดท้ายๆ ได้หลายๆเพลย์ (16ครั้ง)
ที่ได้ใจแฟนผีสุดๆเห็นจะเป็นจังหวะที่เจ้าตัวโชคร้าย โดน อ็อดซอน เอดูอาร์ โขกเข้าที่ศรีษะ จนคิ้วแตก จนต้องสวมหัวใจนักสู้ใส่ที่โพกหัวห้ามเลือดลงเล่นต่อ
แม็คไกวร์ ที่เปลี่ยนไปในยุคของรังนิก (แม้จะแค่นัดเดียว) นั่นก็คือ การไม่ทะลึ่งพยายามเล่นลูกยากเกินไป จนทำให้ทีมต้องลำบาก
ซาฮา -เบนเตเก้ แผลงฤทธิไม่ออก หรือ พาเลซ จะเริ่มแผ่วแล้ว
เหมือนจะแผ่วไปเลยกับสำหรับ คริสตัล พาเลซ ของ ปาทริค วิเอร่า เมื่อ3นัดหลังสุดพวกเขาปราชัยไปถึง3 ทั้งที่12นัดก่อนหน้า พลพรรค " ดิ อีเกิ้ล " จะพ่ายไปเพียงแค่2นัด หรือว่าทีมคู่แข่งจะเริ่มจับทาง "บิ๊กปั๊ต " ได้เข้าให้แล้ว
ก่อนเกมเมื่อคืนเจ้าบ้าน มีสถิติที่หลอนอยู่ไม่น้อยสำหรับการเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับพาเลซ เพราะ2ฤดูกาลล่าสุด ทีพปราสาทเรือนแก้ว บุกมาเอาชนะได้ทั้งสองครั้ง ( 1-2 และ 1-3) เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นงานที่ดูเหมืนจะง่าย แต่ไม่ง่ายเลยสำหรับ ยูไนเต็ด
โอเค แม้รูปเกมจะเป็นทางฝั่งของเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ทว่าพอมีจังหวะได้สวนกลับ พาเลซ ก็ทำได้น่าผิดหวังไม่น้อย โดยเฉพาะตัวจี๊ดอย่าง วิลเฟร็ด ซาฮา ที่เล่นไม่ค่อยออกนัก เพราะเจอ ดาโล่ต์ ล็อกใส่กุญแจมือ
มิหนำซ้ำ ซาฮา เอง ก็เหมือนจะรอบอลจากทางฝั่งซ้ายกับเพื่อนมากไปหน่อย ไม่พยายาม ลงมาล้วงบอล หรือวิ่งมาเชื่อมบอลหาทางอื่น แม้จังหวะกระชากลากเลื้อยจะอันตราย แต่ทว่าจังหวะตัดสินใจสุดท้ายไม่เนี๊ยบพอ
ซาฮา ผ่านบอลเข้าเป้าเพียง 65% ไม่มีการครอสบอลเข้าไปในเขตโทษเลย / ทำบอลเสียจากจังหวะพ่ยายามเลี้ยงถึง7หน
ส่วนตัวความหวังในแดนหน้าอย่าง คริสเตียน เบนเตเก้ ก็ทำตัวน่าผิดหวังเช่นเคย มีจังหวะที่ ซาฮา จ่ายให้ยิง (แม้จะล้ำหน้า) แต่ยิงแป๊กบอลบดไปแบบเสียราคา
นอกจากจะไม่มีบทบาทแล้ว ยังโดน คู่เซ็นเตอร์เจ้าบ้านรุมกินโต๊ะ ทำอะไรไม่ได้ เบนเตเเก้ มีจังหวะได้จ่ายบอลแค่ 14ครั้ง แต่เข้าเป้าเพียงแค่8ครั้ง แถมยังโดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่นาทีที่ 66 ให้ อ็อดซอน เอดูอาร์ ลงมาเล่นแทน
- คอลัมน์นิสต์
- 535
- 06 ธ.ค. 2564 15:26