เฮสิ้นปี 2021 ! ผี เปิดบ้าน ทุบ เบิร์นลี่ย์ 3-1 แม็คทอมร่างทอง
แม้จะไม่ได้เล่นดีเลิศเลออะไรมาก แต่ทว่าก็เป็นการตอบสนองต่อเกมที่บุกไปทำได้เสมอนิวคาสเซิ่ล 1-1 ไม่น้อยสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อล่าสุดพวกเขาทำศึกส่งท้ายปี2021 นัดที่18ของฤดูกาล ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ ทีมท้ายตารางอย่าง เบิร์นลี่ย์ ได้แบบไม่ยากเย็นนัก 3-1
สก็อต แม็คโทมเน่ย์ ที่นัดนี้สวมร่างทอง กดไกลสุดสวยให้ทีมขึ้นนำไปก่อน 1-0 น.8 ก่อนที่ เจดอน ซานโช่ จะมาบวกอีกเม็ด น.27 เมื่อซับบอลไปแฉลบ เบน มี เข้าไป และสุดท้ายเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ตามซ้ำลูกยิงของเจ้าหนู แม็คทอม เข้าไปง่ายๆ น.35
ส่วน เดอะ คาเร็ตส์ ยิงไล่คืนมาได้เพียงประตูเดียวจากลูกยิงหักข้อของ อารอน เลนน่อน น.38 โดยลูกซัดของดาวเตะร่างเล็กรายนี้ ก็ต้องโทษเซ็นเตอร์ฮฺาร์ฟทีมปีศาจแดงอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ด้วย ที่มัวแต่จดๆจ้องๆ ไม่สกัดเข้าบอลสักที
หากใครนอนตื่นขึ้นมาเช็กผลบอล คงจะคิดว่าทีมปีศาจแดงเอาชนะผู้มาเยือนไปได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก แต่ทว่าลายละเอียดของเกม
ในครึ่งหลังกลับกลายเป็น เบิร์นลี่ย์ ที่ได้เปิดเกมบุกใส่เจ้าบ้าน เป็นระยะๆ หรือแม้กระทั่งช่วงครึ่งแรก แม้จะซัดไปได้ถึง3ตุง แต่ทว่ารูปเกมของทีมพันธุ์อสูรแดงตะกุกตะกักอยู่ไม่น้อย
เกมนี้ ราล์ฟ รังนิก ยังคงใช้แผนการเล่นเดิมที่ดูขัดหูขัดตานั่นก็คือ 4-2-2-2 แต่ทว่ามีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากเกมเจ๊าสาลิกาแค่ 1-1 แผงหลังให้ โอกาส เอริค ไบยี่ รวมไปจนถึงคู่แบ็กซ้าย-ขวาอย่าง ลุค ชอว์ และ อารอน วาน บิสซาก้า กลับมายึดตำแหน่งตัวจริงอีกครั้ง
แผงกลาง ยังไร้เงา ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค เป็น เนมานย่า มาติช ได้ออกสตาร์ทคู่กับ สก็อต แม็คโทมิเนย์ ส่วนแนวรุก เอดิสัน คาวานี่ ได้โอกาสก่อน มาร์คัส แรชฟอร์ด นั่นเท่ากับว่าเกมนี้ ยูไนเต็ด ใช้คู่กองหน้าที่อายุรวมกัน เตะหลัก70
ผู้เล่นที่ดูโดดเด่นสุดๆของเจ้าบ้านคงหนีไม่พ้น "แม็คซอส " สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ที่ก่อนหน้านั้นหลายๆนัด เจ้าตัวโดนแฟนผีกร่นด่าสวดยับเป็นประจำ
ห้องเครื่องชาวสก็อตรายนี้ โดดเด่นทั้งรุกและรับ ใช้ความใหญ่ ถึก แข็ง บดขยี้กับผู้เล่นทีมเยือนได้เป็นอย่างดี มีส่วนกับ2จาก3ประตู ที่ทีมได้
โดยเฉพาะลูกซัดไกลนอกกรอบเขตโทษ ที่สะเด่าห์ดีนักแล ส่วน เบิร์นลี่ย์ ของ ฌอน ไดซ์ หลังจากที่อยู่รอดปลอดภัยในเวทีพรีเมียร์ลีกมานาน ฤดูกาลที่ส่อแววสุดๆว่าพวกเขา จะได้หล่นไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
เพราะแนวรับที่เคยเหนียวแน่น กลายมาเป็นทีมที่พร้อมโดนทุกจังหวะ รวมไปจนถึงแนวรุกที่ทื่อเป็นสากกะเบือเหลือเกิน
โรนัลโด้ ต้องมีพาร์ทเนอร์ และควรซัดได้มากกว่า1ตุง
เกมที่แล้วที่เสมอนิวคาสเซิ่ล กลายเป็นเหมือนวิญญาณไร้ความหมายไปเลยสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่เมื่อคืนต้องชื่นชมการตัดสินใจของ ราล์ฟ รังนิก ด้วยที่ไม่ดื้อปล่อยให้ CR7 ต้องโดดเดี่ยวในแดนหน้าเกินไป
กุนซือชาวเยอรมันใช้ เอดิสัน คาวานี่ ยืนเป็นกองหน้าในเขตโทษร่วมกับ โรนัลโด้ แม้ว่า " เอล มาทาเดอร์ " จะไม่มีสกอร์ในนัดนี้ แต่เจ้าตัวมีประโยชน์ไม่น้อยในเรื่องของการดึงความสนใจ ดึงตัวประกบในเขตโทษให้ CR7 งานสะดวกขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วสตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้ ก็กดได้1ประตู จาการซ้ำลูกยิง ของ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ที่เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ปัดไปชนเสาออกมา ซึ่งลูกดังกล่าวอาจจะดูง่ายๆ แต่ทว่าต้องชม โรนัลโด้ ด้วยที่เช็กไลน์ล้ำหน้า ก่อนไปตามซ้ำได้เป็นอย่างพอดี
อย่างไรก็ตามแข้งวัย36ปีรายนี้ ก็พลาดโอกาสหมูหกง่ายๆเหมือนกัน กับจังหวะในช่วงนาทีที่ 5 เมื่อลุค ชอว์ วางบอลยาวให้เจ้าตัวหลุดเดี่ยว แม้จะจับบอลลงได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวแปเน้นไปหน่อยโด่งข้ามคานแบบน่าผิดหวัง
รวมไปถึงโอกาสโหม่ง 2ครั้ง ในครึ่งหลัง ที่ทำหลุดออกนอกกรอบไปเองทั้งหมด โอกาสที่แข้งแดนฝอยทองได้รับในเกมนี้ เจ้าตัวควรมีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดมากกว่า1ประตู
โดยเบิร์นลี่ย์ เป็นคู่แข่งเหยื่อรายที่ 82 ในลีก (สเปน และ อังกฤษ) ที่โรนัลโด้ ทะลวงตาข่ายได้ และเป็นลูกที่8ของเจ้าตัวในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
แม็คไกวร์ ยังไม่หายเมาหมัดสักที
เปลี่ยนกุนซือจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเป็น ไมเคิ่ล คาร์ริค สั้นๆ ก่อนมาลงเอยที่ ราล์ฟ รังนิก แต่ทว่าอาการเอ๋อๆ งงๆ เมาหมัด ยังคงมีต่อเนื่องจริงๆสำหรับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวเหมือนจะกลายเป็นตัวถ่วงในแผงหลังของทีมไปแล้ว
จังหวะโดน อารอน เลนนอน ลากจี้เข้ามายิง ต้องโทษเซ็นเตอร์เจ้าของค่าตัว70ล้านปอนด์รายนี้ไปเต็มๆ จากลูกที่ดูไม่มีอะไร แม็คไกวร์ กลับปล่อยให้คู่แข่งลากจี้เข้ามายิงเสียบมุมดื้อๆ ไม่มีการแหย่เท้าสกัด ทำได้เพียงแค่ จ้องใช้สายตา ถอย ถอย ถอย และถอย
นี่ยังไม่รับพวกลูกโด่งลูกตั้งแตะที่ แม็คไกวร์ ถึงแม้จะตัวใหญ่ตัวหนา แต่ทว่าการยืนตำแหน่งกลับผิดพลาดรวมไปจนถึง โดน คริส วู้ด ใช้ความแข็งแกร่งเอาชนะไปได้หลายจังหวะ
คอมโบแย่ๆ เซ็นเตอร์หัวแตงโมรายนี้ ปล่อยออกมาให้เห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ความอืดอาดเชื่องช้า - เข้าบอลพรวด - โฉ่งฉ่าง - มักปล่อยให้บอลตกแล้วตามไปเล่นจังหวะยากๆทีหลัง และซิกเนเจอร์ ที่เด่นสุดๆคงหนีไม่พ้น การเป็นกองหลังจอมถอยนี่แหละ
หากเป็นอย่างนี่ไปเรื่อยๆ เห็นที ราล์ฟ รังนิก อาจพิจารณาดร็อปกองหลังกัปตันทีมรายนี้อย่างจริงจังเสียแล้ว เพราะเซ็นเตอร์หมายเลข 3และ4 ในซีซั่นนี้อย่าง วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริค ไบยี่ ฟอร์มน่าไว้ใจกว่า แม็คไกวร์ เสียอีก
การปล่อยให้ อารอน เลนน่อน ยิงประตูแรกใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในการเจอกันทั้งหมด 28 นัด นี่ก็บ่งบอกถึงความห่วยแตกไม่เลิกของ อดีตกองหลังเลสเตอร์ ซิตี้ รายนี้เป็นอย่างดี
ชอว์ จะกลับมายึดตัวจริงแทนที่ เตลลิส
ออกอ่าวออกทะเลไปจริงๆสำหรับการออกสตาร์ทฤดูกาล 2021-2022 ของ ลุค ชอว์ ที่แม้จะระเบิดเพลงแข้งได้เป็นอย่างดีในยูโร 2020 แต่ทว่าในนามสโมสรแบ็กซ้ายก้นงอนรายนี้ เหมือนไม่ใช่นักเตะคนเดิมที่แฟนผีเคยรู้จัก
นั่นจึงทำให้ช่วงที่เปลี่ยนผ่านจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเป็น ราล์ฟ รังนิก ลุค ชอว์ ต้องหลุดมาเป็นตัวสำรอง แล้วโอกาสทางริมเส้นฝั่งซ้ายจึงเป็นของ อเล็กซ์ เตลลิส แทน
ช่วงแรกเหมือนจะทำได้ดี แต่ทว่าสองนัดล่าสุด แบ็กชาวบราซิลรายนี้ ไม่ได้เรื่องเลยทั้งรุกและรับ
ทำให้เกมกับ เบิร์นลี่ย์ ชอว์ ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองแก้ตัวอีกครั้ง ซึ่งโอกาสที่ รังนิก มอบให้ในนัดนี้ เจ้าตัวก็ไม่ทำให้นายใหญ่ชาวเยอรมันผิดหวังเลย เกมรุกฝั่งซ้ายของยูไนเต็ด ดูมีชิวิตชีวาเป็นอย่างมาก
ลุค ชอว์ เกือบมีแอสซิสต์ด้วยซ้ำ จากลูกวางยาวครึ่งแรก ให้ โรนัลโด้ หลุดเดี่ยว รวมไปจนถึงมีโอกาสได้กระชากจากเกือบครึ่งสนาม หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษด้านซ้าย แต่ทว่าเข้าข้างตาข่ายไปอย่างน่าเสียดาย
เจ๊ซอว์ หลังจากที่ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองหลายนัด ทำให้เกมนี้เจ้าตัวดูมีความกระหายในการเล่นอยากพิสูจน์ตัวเองมากๆ มีจังหวะเปิดบอลสวยๆหลายจังหวะ โดยเฉพาะการประสานงานกับ เจดอน ซานโช่ คนอังกฤษบ้านเดียวกัน ที่ทำได้เนียนตายิ่งนัก
แบ็กซ้ายหมายเลข23รายนี้ มีสถิติตัวเลขที่น่าพอใจเมื่อคืน ไม่ว่าจะเป็นเข้าแท็กเกิ้ลได้ 2ครั้ง - ตัดบอล1ครั้ง - บล็อคลูกยิง1หน และจ่ายบอลจังหวะคีย์พาสได้ 3ครั้ง ประตูหนีห่าง 2-0 ก็เป็นชอว์ นี่แหละที่จ่ายให้ ซานโช่ ซัดไปแฉลบ เบน มี ตุงตาข่าย
ของหายาก นานๆที แม็คทอม จะร่างทอง
นี่คือมรดกตกทอดอีกหนึ่งลูกรักของ โซลชา เพราะแม้จะฟอร์มไม่ดี ผลงานบู่ขนาดไหน แต่ทว่า สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ยังได้รับความไว้วางใจจาก กุนซือชาวนอร์เวย์ให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในแผงมิดฟิลด์เสมอ
ในยุคของ กุนซือ ราล์ฟ รังนิก เช่นกัน แม็คทอม ยังคงได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงต่อเนื่อง และก็รับเสียงกร่นด่าจากแฟนบอลเช่นเคย แต่ทว่าเกมกับเบิร์นลี่ย์ เมื่อคืนนั้นแตกต่างออกไป
สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ สวมบทบาทร่างทองคำในเกมทุบ เอาชนะ เบิร์นลี่ย์ เพราะตั้งป้อมซัดนอกกรอบเขตโทษสุดสวย ตั้งแต่นาทีที่ 8 รวมไปจนถึง ยิงไปติดเซฟแล้ว เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ปัดไปชนเสาให้ โรนัลโด้ ตามซ้ำลูก 3-0 ง่ายๆ
นอกจากจะทำประตูได้แล้ว " แม็คทอม " ยังโดดเด่นในเรื่องของการทะลุทะลวงเกมจากแดนกลาง ส่วนในเกมรับเจ้าตัวก็ทำได้ทีสุดๆ ในเรื่องของการกระแทกบดขยี้ ใช้ความใหญ่หนาและแข็งแรงเอาชนะคู่มิดฟิลด์ของเบิร์นลี่ย์ อย่าง แจ็ค ค็อก และ แอชลี่ย์ เวสต์วู้ด
การหาพื้นที่ว่า สอดทะลุขึ้นมาจากแดนกลางนี่คือสิ่งที่ ดาวเตะชาวสก็อตแลนด์รายนี้ทำได้ดีเช่นกัน เมื่อคืน แม็คโทมิเนย์ เอาชนะการดวลได้ถึง 8ครั้ง - ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย7ครั้ง
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม แม้จะผลงานเด่นเป็นสง่าสุดๆในนัดนี้ เชื่อว่าแฟนผีแดง ก็ยังคงไม่ไว้ใจ เจ้าตัวกับผลงานระยะยาวเท่าไหร่ เพราะตลอดทั้งฤดูกาล38นัด
เราก็ไม่อาจคาดหวังและคาดเดาได้ว่า สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ จะโชว์ฟอร์มได้ในเกมแบบกับ เบิร์นลี่ย์ อีกกี่นัด
นี่อาจถึงเวลาที่ เบิร์นลี่ย์ ต้องตกชั้น
นับตั้งแต่เลื่อนชั้นมาเล่นในเวทีพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2016-2017 เบิร์นลี่ย์ ก็แคล้วคลาดปลอดภัยมาโดยตลอด มีบางฤดูกาลที่พวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์ จบสูงถึงอันดับ7ของตารางคะแนน
หรือปีไหนที่ร่อแร่จะตกชั้น พวกเขาก็สวมวิญญาณ แมว9ชีวิต รอดตายมาได้เสมอ แต่ฤดูกาลนี้เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว " เดอะ คลาเล็ตส์ " จมอยู่อันดับ18มีอยู่ 11แต้ม
ชนะคู่แข่งได้เพียงนัดเดียวจาก จาก17นัด เกมที่บ้าน เทิร์ฟ มัวร์ ที่เคยเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งเก็บแต้ม ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
เกมรับที่เคยเป็นจุดขายเหมือนจะไม่ค่อยทำงานกันในซีซั่นนี้ ทั้ง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และ เบน มี ต่างเหมือนจุดอิ่มตัว ผนึกกำลังกันได้ไม่เหนียวแน่นเหมือนที่ผ่านมา
ส่วนในแนวรุกต้องบอกได้เลยว่า เบิร์นลี่ย์ ทื่อมากๆ เมื่อคืนไม่ใช่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ผิดพลาดให้พวกเขาส่องประตู แต่จังหวะสุดท้าย ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ กลับยิงนกตกปลา หรือตัดสินใจแย่ในช็อตสุดท้าย ทำให้ทวงคืนมาได้เพียงประตูเดียวเท่านั้น
โดยลูกที่ อารอน เลนน่อน ซัดผ่าน ดาบิด เด เคอา เมื่อคืน นี่คือประตูแรกที่พวกเขาทำได้ในรอบ4เกมลีก นับตั้งแต่นัดที่เปิดบ้านเสมอ คริสตัล พาเลซ 3-3 เมื่อวันที่ 20 เดือนพฤศจิกายน เลยทีเดียว
- คอลัมน์นิสต์
- 391
- 31 ธ.ค. 2564 14:53