โอเล่คนดวงแข็ง ! ผี พลิกแซง เรือดำน้ำ 2-1 โรนัลโด้ ฮีโร่ ทดเจ็บ
แคล้วคลาดปลอดภัยและหนังเหนียวจริงๆสำหรับ ชะตากรรมของน้าโอเล่ เมื่อล่าสุดพลพรรคปีศาจแดงสามารถโกงความตามสร้างความเสียวช่วงท้ายเกมได้อีกครั้ง ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เมื่อพลิกแซงเอาชนะ บียาร์เรอัล ไปได้ 2-1
เป็นอีกหนึ่งเกมที่ทรงการเล่น สะเปะสะปะพอสมควรสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อต้องเปิดบ้านมาจอกับทีมที่พวกเขามักเอาชนะไม่ค่อยได้อยู่แล้วอย่าง บียาร์เรัล โดยเฉพาะในนัดชิงยูโรปป้าลีก ที่น้าโอเล่พาทีมอกหักพ่ายลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ไปในการดวลจุดโทษอย่างชอกช้ำ 10-11
เกม45นาทีแรกเมื่อคืนเป็นทางฝั่งทีมเรือดำน้ำที่ทำได้ดีกว่าอย่างชัดเจน สร้างโอกาสยิงจะแจ้งได้3-4หน แต่ทว่าก็ยังโชคดีที่ ดาบิด เด เคอา งัดซุปเปอร์เซฟฟอร์มหลวงพี่เด ปัดป้องไปได้ เรียกได้ว่าหากไม่มีโกลชาวสเปนรายนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงไม่ได้เดินกลับเข้าห้องแต่งตัวช่วงพักครึ่งแรกที่สกอร์ 0-0
โดยครึ่งหลังสถาการณ์ของทีมเจ้าบ้านก็ยังไม่ดีขึ้น มิหนำซ้ำบียาร์เรอัล ก็ยังมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก ปาโก อัลกาเซร์ น.52 แต่ทว่าหลังจากนั้นอีกเพียงแค่8นาที ลูกทีมของน้าโอเล่ ก็มาไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 จากลูกสูตรที่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ตักลูกฟรีคิกไปยังจุดนัดพบให้กับ อเล็กซ์ เดลลิส ตั้งป้อมหวดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสุดสวย
เกมทำท่าจะเสมอแบ่งแต้มกันไปอยู่แล้ว แต่ทว่าแผนการเปลี่ยนตัวสำรองก็เหมือนจะได้ผลเมื่อ เฟร็ด ที่ถูกเปลี่ยนลงมาเล่นตำแหน่งแบ็กซ้ายแบบงงๆ ครอสบอลไปให้ โรนัลโด้ โหม่งชงไปให้ เจสซี่ ลินการ์ด ตัวสำรองอีก1ราย ก่อนที่ "บีนส์ บีนส์ บีนส์ " จะพักบอลแล้วจิ้มต่อให้ CR7 ซัดมุมแคบเป็นประตูชัยให้ทีม น.90+5
นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่กุนซือชาวนอร์เวย์ ควรจะได้รับคำชมเช่นกัน เมื่อผู้เล่นที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ล้วนมีบทบาทสำคัญกับเกมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เอดิสัน คาวานี่ - เฟร็ด - เจสซี่ ลินการ์ด และ เนมานย่า มาติช
นักเตะที่โดดเด่นที่สุดเมื่อคืนเห็นทีจะเป็น ดาบิด เด เคอา ที่โชว์ฟอร์มสวมวิญญาณปลาหมึกเข้าสิง รวมถึง คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ ในฐานะผู้ซัดประตูชัยให้กับทีม แต่ที่ดับสนิทและเป็นบ่อน้ำมันสุดๆเห็นทีจะหนีไม่พ้นแบ็กขวาตัวสำรองอย่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ที่ครบสูตรมากๆทั้งรับไม่ดี รุกแย่
ส่วนผู้มาเยือนถึงแม้จะปราชัย แต่ทว่าลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ก็ทำดีมากๆแล้ว โดยเฉพาะเกมรับที่พวกเขาแทบไม่มีตื่นหรือสั่นเลยเวลาเจอเกมโจมตีของ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ว่าจะเป็นทั้งคู่เซนเตอร์ฮาร์ฟอย่าง เปา ตอร์เรส และ ราอูล อัลบิโอล แบ็กขวาอย่าง ฮวน ฟอยธ์ รวมไปจนถึงแนวรุกของพวกเขาอย่าง อาเนาท์ ดานยูม่า และ เยเรมี่ ปิโน่ ที่ดูเฉียบขาดน้อยไปหน่อย
เด เคอา โชว์ซุปเปอร์เซฟแบบที่แฟนผีคุ้นตา
เหมือนการเข้ามาของ ดีน เฮนเดอร์สัน จะช่วยกระตุ้นฟอร์มการเซฟให้กลับมาเหนียวหนึบอีกครั้งจริงๆสำหรับนายด่านชาวสเปนรายนี้ แม้ว่าช่วงฤดูกาลที่ผ่านมาจะผลัดกันครองตำแหน่งมือ1กับ "ดีโน่ "เป็นช่วงๆ
แต่ทว่าฤดูกาลนี้ 2021-2022 ก็ชัดเจนแล้วว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ได้เลือกให้ ดาบิด เด เคอา ครองตำแหน่งเป็นผู้รักษาประตูมือ1 แม้ว่าฤดูกาลนี้ 8นัดที่ได้ลงเฝ้าเสา "เดฟ " จะเก็บคลีนชีตได้เพียงแค่นัดเดียวก็ตาม แต่ทว่านั่นก็เป็นเพราะระบบความเหนียวแน่นในเกมรับด้วย ที่ทำให้ต้องโดนคู่แข่งล่อเป้าจะๆหลายครั้ง
โดยก่อนเกม เด เคอา มีความทรงจำที่ไม่ดีพอสมควรกับทีมเรือดำน้ำสีเหลือง เมื่อนัดชิงยูโรป้าลีก ปีที่แล้ว เจ้าตัวถูกตราหน้าตั้งคำถามว่าทำไมถึงเซฟจุดโทษในการดวลเป้าไม่ได้ถึง 11ลูกติดต่อกัน แถมยังเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ดวลเป้าซัดพลาดไปติดเซฟอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเกมนี้ เดเคอา ก็แก้ตัวไถ่โทษจากนัดชิงดำซีซั่นที่แล้วได้ สำหรับโกลวัย30ปีรายนี้มีจังหวะเซฟให้เห็นถึง6ครั้ง เป็นการเซฟลูกยิงในเขตโทษทั้งสิ้น และมีอยู่3จังหวะที่ปีศาจแดงควรเสียประตูสุดๆ แต่ เดฟ ก็งัดซุปเปอร์เซฟ ช่วยให้ทีมยังตรึงสกอร์ไว้ที่ 0-0 ใน45นาทีแรก
ทั้งลูกเซฟของ อาเนาท์ ดานยูม่า ที่เกือบจะปั่นเสียบเสาเข้าไป ลูกโขกจ่อๆของอัลกาเซร์ ที่ใช้ปฎิกิริยาปัดบอลที่กำลังจะแสกหน้าออกไปได้อย่างหวุดหงิด รวมไปถึงการเซฟลูกยองของ มอย โกเมซ ในช่วงนาทีที่ 86
ส่วนประตูทีเสียไปจะโทษเจ้าตัวก็ไม่ได้จริงๆ เพราะลูกชาร์จของ ปาโก อัลกาเซร์ นั้นจ่อจนไม่รู้จะจ่อยังไง ดาบิด กลับมาโชว์ฟอร์มตุ๊กแกเรียกพี่ แบบที่แฟนบอลปีศาจแดงเคยเห็นมาจนชินตาอีกครั้ง
นั่นทำให้โอกาสในการลงเฝ้าเสาของ ดีน เฮนเดอร์สัน อาจมีแค่ในเกมเอฟเอ คัพ เท่านั้น เผลอๆ "ดีโน่ " อาจตัดสินใจย้ายทีมแบบยืมตัวในเดือนมกราคมนี้เลย
ดาโลต์ ที่สุดของความย่ำแย่
การโดนใบแดงและโดนโทษแบน2นัดของ อารอน วาน-บิสซาก้า ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่มีทางเลือกต้องส่ง ดิโอโก้ ดาโลต์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็กขวาเกมเมื่อคืน และนั่นก็คือบ่อเกิดหายนะเกมรับของทีมเลยก็ว่าได้
บ่อน้ำมันชั้นดี ขวาผ่านตลอดทางสบาย แล้วแต่จะนิยามเลยสำหรับฟอร์มการเล่นของ ดิโอโก้ ดาโลต์ เมื่อคืน ที่ตัวของแบ็กชาวโปรตุเกสรายนี้ ทำตัวเองให้คู่แข่งเลือกโจมตีอย่างสนุกสนานครื้นเครง เหมือนไม่มีอุปสรรคมาขวางเกมรุกฝั่งซ้ายของพวกเขาเลย
ดาโลต์ เล่นเกมรับได้แย่ มีแต่ถอยเวลาโดนคู่แข่งเลี้ยงจี้ ไม่สามารถสกัดบอล แท็กเกิ้ล แย่งบอลสวยๆได้แบบ วาน-บิสซาก้า ทำเลย ชัดเจนที่สุดคงจะเป็นจังหวะที่ปล่อยให้แนวรุกฝั่งซ้ายของบียาร์เรอัลอย่าง อาเนาท์ ดานยูม่า จี้เลี้ยงตัดเข้ามายิงดื้อๆ
จังหวะเสียประตูก็เป็นอดีตแข้งปอร์โต้รายนี้แหละที่เอา ดานยูม่า ไม่อยู่เปิดครอสมาให้ อัลกาเซร์ สำเร็จโทษไม่เหลือ " เอื่อย เฉื่อย เนือย ช้า " นี่อาจเป็น4คำที่อธิบายสภาพของ ดาโลต์ เมื่อคืนได้อย่างแท้จริง
เกมรับที่ว่าเป็นบ่อน้ำมัน พอมาเป็นพาร์ทของเกมรุก แบ็กขวารายนี้ ก็ฝืดและช้าสิ้นดีทั้งในจังหวะวิ่งสปริ้นต์ที่ช้าเต่ากว่ามาตรฐานผู้เล่นในตำแหน่งแบ็ก นี่ยังไม่รวมถึงการครอสบอล ที่โยนล้นออกหลังไปเอง หรือหลุดไปทางเสาสองแบบไม่ได้ลุ้น
แบ็กขวาตัวจริงอย่าง " ไอ้แมงมุม " จะยังโดนโทษแบนอีกหนึ่งในเกมเปิดบ้านพบกับอตาลันต้า ซึ่งทีมแบร์กาโม่ มีวิงแบ็กฝั่งซ้ายโหดๆอย่าง โรบิน โกเซนส์ คิดภาพแล้วก็สยองแทน ดิโอโก้ ตาโลต์ จริงๆหากเจ้าตัวยังเล่นได้แบบเกมเมื่อคืน
คาวานี่ ลงมาเพิ่มความ กระปรี้กระเปร่า
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งนัดที่ผู้เล่นเกมรุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่น เนื่อยๆ เฉื่อยๆ เหมือนไม่มีพลังและแรงกระตุ้น นั่นด้วยอาจจะเป็นเพราะการไม่มี รูปแบบการเล่นสไตล์ที่ชัดเจนแบบแผน ทำให้เวลาบอลไปยังพื้นที่สุดท้าย ต้องด้นสดคิดกันเอาเอง
เราจึงได้เห็นทั้ง เจดอน ซานโช่ และ เมสัน กรีนวู๊ด ที่ยึกๆยักๆ คิดก่อนเสมอว่าจะเลือกเล่นช็อตต่อไปยังไง รวมไปจนถึง บรูโน่ ที่คอยสร้างสรรค์เกมจ่ายบอลคิลเลอร์พาสให้เพื่อน ตามจังหวะที่เหมาะสม การเข้าทำที่ช้าทำให้กองหลังทีมเรือดำน้ำสีเหลืองไม่ได้รู้สึกกัดดันอะไรมากเลย
เอดิสัน คาวานี่ ถูกส่งลงสนามมาแทน ปอล ป็อกบา น.75 การถูกส่งลงสนามของ " เอล มาทาดอร์ " ทำให้ผู้เล่นในเกมบุกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูมีความคึกคักเป็นอย่างมาก ช่วยกับบีบไล่เพรสซิ่งบอลตั้งแต่อยู่ในแดนบน และมันเหมือนเป็นการกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมรุ่นน้องคนอื่นๆให้ฮึกเหิมขึ้นด้วย
จังหวะที่ต้องซูฮกให้คาวานี่จริงๆนั่นก็คือช็อตที่เจ้าตัววิ่งไล่บอลแบบ80ตีนถีบ บอลที่กำลังจะออกจากมุมธง ไปแย่งมาจาก ฮวน ฟอยธ์ ได้อย่างน่าปรบมือให้ แม้จะอายุปาเข้าไป36ปีแล้ว แต่ความขยันความทุ่มเทความกระหาย หอกอุรุกวัยรายนี้ ยังมีให้ทีมอยู่เสมอ
แม้จะไม่มีโอกาสได้สับไกลเหมาะๆ (มีลูกโขกเฉี่ยวออกไปหนหนึ่ง) เมื่อถูกเปลี่ยนตัวลงมา แต่ทว่าแรงกระตุ้น พลังงานบวกความทุ่มเทต่างๆ นี่คือสิ่งที่ "เอ็ดดี้ "จุดประกายมอบให้กับทีมอย่างแท้จริง
บียาร์เรอัล จบสกอร์ไม่คม แต่เกมรับเล่นได้นิ่ง
ชื่อว่า บียาร์เรอัล นั้นไม่ง่ายสำหรับ แมนเชเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่แล้ว เพราะผลการเจอกัน5ครั้งที่ผ่านมา จบเวลา 90นาที ลงเอยด้วยการเสมอทั้งสิ้น และมีถึง4หนด้วยกันที่จบด้วยสกอร์ 0-0
การมาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หนนี้ กุนซือ อูไน เอเมรี่ เหมือนจะมาในแท็กติกเล่นเกมรับให้แน่นไว้ก่อนค่อยเล่นเกมสวนกลับ โดยเกมสวนกลับของพวกเขาก็ได้ผลมากๆ ริมเส้นฝั่งซ้ายกับการใช้ความเร็วและคล่องของ อาเนาท์ ดานยูม่า โจมตี ดิโอโก้ ดาโลต์
ทัพเรือดำน้ำสีเหลืองสร้างโอกาสการยิงเข้ากรอบได้ถึง7ครั้ง มีเพียงแค่ อัลกาแซร์ ที่สำเร็จโทษส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องชมความเหนียวหนึบของ เด เคอา แต่อีกส่วนก็ต้องตำหนิพวกเขาเองที่จบสกอร์กันได้ไม่เฉียบคมทั้ง ตัวของ เยเรมี่ ปิโน่ และอาเนาท์ ดานยูม่า
แม้จะเสียไปถึง2ประตู แต่เกมนี้ต้องยอมรับเช่นกันว่าเกมรับของทีม เยลโล่ ซับมารีน เล่นกันได้เหนียวแน่นมาก ไม่มีลนหรือแสดงความผิดพลาดให้เห็น แม้จะโดนเกมบุกปีศาจแดงกดกันเข้าใส่ก็ตาม
โดยเฉพาะเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ อย่าง เปา ตอร์เรส ที่โชว์ฟอร์มได้แกร่งเป็นอย่างดี ทั้งการยืนตำแหน่งที่ถูกต้อง และล็อกกุญแจมือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จนแผลงฤทธิไม่ออก
โอเล่ คนดวงแข็ง ! ยูซีแอล ถ้วยนี้ โด้ ชอบ
ถ้าผลจบลงด้วยการเจ๊าแบ่งแต้มเสมอกันไป 1-1 เรียกได้ว่าดูไม่จืดและบ้านแตกแน่ๆสำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพราะด้วยรูปเกม จังหวะการเข้าทำพื้นที่สุดท้ายที่ไม่มีระเบียบแบบแผน ทำให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการยึกๆยักๆหน้ากรอบเขตโทษ
ยังไม่รวมถึงการเปลี่ยนตัวที่ดูจะขัดใจแฟนบอลพอสมควร กับการส่ง เฟร็ด -เนมานย่า มาติช ลงมาสนามทั้งคู่ในช่วงที่ทีมกำลังต้องการประตู แต่ทว่าก็ยังดีการเปลี่ยนตัวที่ค้านสายตาของน้าโอเล่ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมา
กองกลางชาวเซอร์เบีย ลงมาแล้วทำให้เกมในแดนกลางดูเสถียร มีจังหวะการเล่นที่ไม่เร่งหรือช้ามากเกินไปส่วน เฟร็ด จอมขาอ่อน (เพราะชอบล้มเวลาไล่บอล) ถูกส่งลงมาเล่นเป็นแบ็กซ้าย โดยดาวเตะชาวบราซิลรายนี้นี่แหละที่เป็นคนเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ
ในช็อตสุดท้ายที่ โรนัลโด้ ตะบันประตูชัยสุดดราม่า รวมถึงการเปลี่ยน คาวานี่ ลงมาตั้งแต่ น.75 ก็เหมือนจะได้ผลมากๆทีเดียว ในเรื่องของอิมแพคต่อเกมรุก
ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถ้าจะให้พูดตรงๆ เกมนี้เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์5สมัย แทบจะทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย โดนคู่เซ็นเตอร์ทีมเยือนประกบเป็นเงาตามตัวทำอะไรไม่ถนัด ยิ่งช่วง10นาทีสุดท้ายของเกม CR7 แทบจะเดินเล่นด้วยซ้ำ (หมดแรง)
แม้จะไม่มีพิษสงแทบทั้งเกมแต่ น้าโอเล่ ก็ยังคงซื้อในคุณภาพของโรนัลโด้ (ไม่ทะลึ่งเปลี่ยนตัวออกแบบเกมแพ้ ยัง บอยส์) สุดท้ายก็เป็น สตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้ ที่ตอบแทนความเชื่อใจสวมบทเป็นแมตช์วินเนอร์ กดประตูชัยให้ทีมอย่างสะใจ น.90+5
สถิติ โรนัลโด้ ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก
136 ประตู : มากที่สุดในประวัติศาตร์ ยูซีแอล
178 นัด : ลงสนามมากที่สุด
17 ประตู : ยิงในยูซีแอล มากสุดใน1ซีซั่น
61 ประตู : ยิงได้มากที่สุดในรอบน็อกเอ้าต์
11นัด : ทำประตูได้ต่อเนื่องที่สุดในยูซีแอล
- คอลัมน์นิสต์
- 738
- 30 ก.ย. 2564 14:59