คาร์ริค ประเดิมสวย ! ผี บุกจม บียาร์เรอัล 2-0 ซานโช่ ปลดแอก
เรียกว่าเป็นการประเดิมเข้าสู่ยุคที่กำลังเปลี่ยนถ่ายตัวผู้จัดการทีมเลยก็ว่าได้สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมบังเหียนขัดตราทัพของ กุนซือรักษาการชั่วคราวอย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค หลังพวกเขาบุกไปจม บียาร์เรอัล ถึงสเปน 2-0
เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลุ่มเอฟ ที่สนาม เอสตาดิโอ เล ดา เซรามิก้า ระหว่างเจ้าบ้าน บียาร์เรอัล กับ ผู้มาเยือนที่ฟอร์มเป๋มาอย่างหนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมยังมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเป็น ไมเคิ่ล คาร์ริค
โดยช่วงครึ่งแรกแม้จะเป็นทีมเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่า แต่ทว่าเกมในช่วง 45นาทีหลัง เป็นทีมปีศาจเเดงที่จับจังหวะการเล่นได้ และบุกมาเอาชนะไป 2-0 ในที่สุด จากประตูของ มิสเตอร์ แชมเปี้ยส์ลีก อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.78 และ เจดอน ซานโช่ น.90
การบุกมาคว้า3แต้มยังแดนกระทิงดุดังกล่าว ส่งผลให้พลพรรคปีศาจแดง ฉลุยผ่านเข้าไปเล่นรอบ16ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจกาการคว้าชัย สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลจับตามองมากสุดๆในนัดนี้ นั่นก็คือการจัดทัพของ ท่านปลัด ไมเคิ่ล คาร์ริค
อดีตกองกลางหมายเลข16รายนี้ ยังคงยึดมั่นแผนการเล่นเดิมนั่นก็คือ 4-2-3-1 ใช้คู่มิดฟิลด์ตัวกลางเป็น เฟร็ด กับ สก็อต แท็คโทมิเน่ย์ ดร็อป บรูโน่ แฟร์นันเดซ เป็นตัวสำรอง แล้วให้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ลงเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์แทน พร้อม อเล็กซ์ เตลลิส ที่ได้ลงเล่นแทน ลุค ชอว์ ที่ไม่ค่อยฟิต
ส่วนที่เซอร์ไพรส์สุดๆเห็นจะเป็นการได้ออกสตาร์ทตัวจริงของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ในตำแหน่งของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ภาพรวมของเกม ฝั่งทีมอสูรแดงเล่นกันได้อย่างเนือยๆช้าๆ โดยได้ ดาบิด เด เคอา โชว์ฟอร์มซุเปอร์เซฟ (อีกแล้ว) ตรึงสกอร์ไว้ที่ 0-0
จุดเปลี่ยนสำคัญมาอยู่ตรงที่ การเปลี่ยนเอา บรูโน่ และ แรชฟอร์ด เข้ามาเพิ่มความจัดจ้านในแนวรุก โดยเฉพาะแข้งแดนฝอยทอง ที่ลงมาแล้วสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมเป็นอย่างมาก แถมยังมีแอสซิสต์มาฝากได้อีกด้วย
ทางฝั่งเจ้าบ้าน บียาร์เรอัล กระนั้นก็ต้องโทษทีมเรือดำน้ำสีเหลืองด้วยที่พวกเขาขาดความเฉียบขาดในการส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายไปหน่อย อาทิทั้งจากลูกยิงของ มานู ตีเกรอส ถึงสองครั้งสองคราว
ความปราชัยคาบ้าน นั่นทำให้ทีม " เยลโล่ ซัพมารีน " ต้องไปลุ้นเหนื่อยหนักกับการผ่านเข้ารอบ16ทีมสุดท้าย เพราะต้องแย่งชิงตั๋วดังกล่าวโดยตรงกับ อตาลันต้า โดยการไปเยือนที่อิตาลี ลูกทีมของ อูไน เอเมอรี่ จะผ่านเข้ารอบได้ทันที ขอเพียงแค่ไม่แพ้กลับมา
บุคลิกกุนซือ สะท้อนผ่านสไตล์การเล่นทีม
เมื่อคืนช่วง45นาทีแรก เรียกได้ว่าทำให้แฟนบอล แมนฯยูไนเต็ด เกิดอาการหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยสำหรับรูปเกม ที่ดูติดๆขัดๆ เนือยๆช้าๆ เล่นแบบรัดกุม (แต่ด้วยสถานการณ์ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้) ครึ่งแรกมีโอกาสซัดประตูเพียงแค่ 3หนเท่านั้น ส่วนทีมเจ้าบ้านมีโอกาส9ครั้ง
แผลเดิมของ ยูไนเต็ด ยังคงมีให้เห็นในนัดนี้นั่นก็คือ เวลาที่โดนคู่แข่งที่เพรสซิ่งใส่ วิ่งเข้าหาบอล พวกเขาถึงกับรวนและไปไหนไม่ได้ตลอด เกมกับบียาร์เรอัล ก็เช่นกัน ทำให้ตั้งเกมหรือเซ็ตเกมบุกไม่ค่อยได้ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นอัน ผ่านบอลก็ขาดความแม่นยำ
นอกจากจะชื่นชม ดาบิด เด เคอา ที่ตรึงสกอร์ 0-0 ให้กับทีม ต้องถือว่าพวกเขาโชคดีด้วยที่ทีมเจ้าบ้านขาดวิญญาณเพชฌฆาตขาดความเฉียบคมในการจบสกอร์ไปพอสมควร มิฉะนั้น พวกเขาอาจชิงความได้เปรียบขึ้นนำไปก่อนก็ได้
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมในเกมนี้ของ คาร์ริค นั่นก็คือ การกล้าคิด กล้าตัดสินใจ ในการดร็อป บรูโน่ แฟร์นันเดซ ไว้บนม้านั่งสำรอง เมื่อระยะหลังแข้งโปรตุกีส รายนี้จะฟอร์มตกและมีอาการล้าอย่างน่าเกลียด ( ก่อนที่จะปล่อยมาเป็นตัวสำรองทีเด็ด)
รวมถึงการลอง ขยับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปยืนเป็นตัวรุกฝั่งซ้าย แล้วให้ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ออกสตาร์ทในตำแหน่งหน้าเป้า CR7 นั้นโชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐานของตัวเองอยู่แล้ว แต่ " น้องหมาก " นี่สิ ยังคงทำตัวน่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง จนส่อแววจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว
อย่างไรก็ตามการบุกมาคว้า3แต้มสำคัญถึงสเปน ก็ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การันตี ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ16ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วน ไมเคิ่ล คาร์ริค การคว้าชัยดังกล่าว ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นกุนซือชาวอังกฤษคนแรกของปีศาจแดง นับตั้งแต่ปี 1931 ที่คุมทีมนัดแล้วแล้วชนะได้เลย
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยูซีแอล คือเวทีของผม
ไม่เสียชื่อเลยสำหรับเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาลของถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ค่ำคืนที่ เอสตาดิโอ เล ดา เซรามิก้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็มาตามนัดสำหรับการลั่นสกอร์ในเวที ยูซีแอล อีกครั้งเมื่อเป็นผู้ซัดประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ได้ น.78
แม้ภาพรวมก่อนมาซัดประตู คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะเงียบไปมากๆ นอกจากโอกาสโหม่งในครึ่งแรก ก็แทบไม่มีจังหวะให้ " CR7 " ได้โชว์ของเลย แต่ทว่าเมื่อได้โอกาสเหมาะเหม่ง จากจังหวะปั๊มบอลของ เฟร็ด ที่บอลกระฉอกมาเข้าทาง โรนัลโด้ ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป
แม้จะไม่ได้ถูกจับไปเล่นในตำแหน่งที่ถนัดที่สุด( สลับตำแหน่งกับมาร์กซิยาบ บางช่วง) แต่สตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้ ก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกมบุกมีชีวิตชีวา
โดยเมื่อคืน โรนัลโด้ หาโอกาสซัดประตูได้ 4ครั้ง ประตู 2-0 เจ้าตัวก็มีส่วนสำคัญกับเพลย์ดังกล่าวด้วย
ในพรีเมียร์ลีก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พึ่งจะซัดไปได้เพียงแค่4ประตู แต่ทว่าในเวที ยูซีแอล เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ 5สมัย รายนี้ ซัดไปได้ถึง 6ประตู จาก5นัด และก็มีถึงสองนัดที่เป็นผู้ทำประตูชัยให้กับทีม ( บียาร์เรอัล ,อตาลันต้า) รวมถึงซัดเบิ้ลช่วยให้ทีมรอดพ้นจากความปราชัยที่อิตาลีด้วย
โรนัลโด้ สร้างสถิติใหม่นั่นก็คือ การเป็นนักเตะจากสโมสรในอังกฤษคนแรก ที่ทำประตูได้ตลอด 5เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มของถ้วยยูซีแอล นอกจากนี้ยอดรวมในการล่าตาข่ายเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ของ โรนัลโด้ ก็ทะลุไปถึง140เม็ด เข้าให้แล้ว
เดเค อา เซฟสกอร์ 0-0 ทำให้ผียังอยู่ในเกม
แม้จะโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไปถึง 21เม็ด ในเวทีพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็แทบไม่มีแฟนปีศาจแดงรายไหน ตำหนิติโทษ ดาบิด เด เคอา เลย เกมบุกไปเยือนรังทีมเรือดำน้ำสีเหลือง ก็เป็นนายทวารชาวสเปนรายนี้แหละที่ช่วยให้ทีมไม่เพลี่ยงพล้ำไปเสียก่อน
ทั้งการปัดลูกยิงเรียดนอกกรอบเขตโทษของ มอย โกเมซ รวมไปจนถึง การเซฟลูกยิงแบบน่าเข้าถึง2ครั้ง2ครา ของ มานู ตรีเกรอส ที่แสดงให้เห็นถึงข้อมือขวาที่แข็งแกร่ง เล่นเอาคนยิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าไม่เป็นประตู
การกลับออกมาโดยไม่เสียประตูในการไปเยือนแดนกระทิงดุ นี่เป็นเพียงหนที่3เท่านั้นในซีซั่นนี้ ที่ปีศาจแดง และ ดาบิด เด เคอา เป้าสะอาดเก็บคลีนชีตได้หลังโดนล่อตาข่ายมาอย่างหนักหน่วงหลายๆนัด
หลายนัดที่มีบทเรียนชัดเจนให้เห็นแล้วว่า ด้วยรูปเกมที่เป็นรอง หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดนคู่แข่งเจาะตาข่ายเข้าไปก่อน เป็นเรื่องยากมากที่พวกเขาจะคัมแบ็กกลับมาได้ (ฤดูกาลนี้) นัดนี้ เด เคอา จึงถือได้ว่าช่วยไว้มากๆ ไม่ให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้น
หลังจากที่อีรุงตุงนังพักหนึ่งเมื่อช่วงปลายฤดูกาลที่แล้วกับตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ1ของทีม ที่ต้องแย่งชิงกับ ดีน เฮนเดอร์สัน แต่ทว่าด้วยความมั่นใจ และฝีมือการเซฟที่กลับมาเป็นคนเดิม น่าจะชัวร์แล้วว่า โกลชาวสเปนรายนี้ คือเบอร์1ของทีม ส่วน " ดีโน่ " อาจจะต้องย้ายทีมแบบยืมตัวหรือถาวร
เพื่อหาโอกาสเฝ้าเสามากขึ้น เพราะสำหรับ ดีน เฮนเดอร์สัน เจ้าตัวก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาดต้องเป็นมือ2ของใคร แต่สำหรับ เด เคอา จำเป็นและไร้ข้อโต้แย้งจริงๆที่ต้องหลีกทางให้
เริ่มเห็นแสงสว่างของ ซานโช่
โดนความคาดหวังวางไว้บ่นบ่าหนักหน่วงอยู่เหมือนกันสำหรับ เจดอน ซานโช่ ปีกเจ้าของค่าตัว 73ล้านปอนด์ จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งต้องเรียกว่าชีวิตช่วงแรกกับปีศาจแดงนั้น เจ้าตัวทำได้น่าผิดหวังสุดๆ
ทั้งการปรับตัวกับระบบของทีม มิหนำซ้ำบางนัดก็ยังได้รับโอกาพิสูจน์ตัวเองน้อยเกิดไป วันดีคืนดี เจอความติสต์แตกของ โซลชา โยกไปเล่นทางฝั่งซ้ายก็มี ทั้งที่ตำแหน่งถนัดดั้งเดิมคือปีกตัวรุกฝั่งขวา
บางช่วง ซานโช่ ถูกล้อเป็น 007 ก็มี (เพราะผลงาน 0ประตู 0แอสซิสต์ จาก7นัด) แต่ทว่าถ้าใครดูรายละเอียดการเล่นระยะหลังๆ จะเห็นว่า แข้งวัย21ปีรายนี้ เริ่มจับจูนจังหวะการเล่นได้มากขึ้น ทั้งกล้าเลี้ยง กล้าลุยมากกว่าเดิม จังหวะ1-1 ไม่มีปัญหา มีการประสานงานทำชิ่งกับเพื่อนร่วมทีมให้เห็นตลอด
เกมกับ บียาร์เรอัล เรียกว่าเป็นวันปลดแอกของ เจดอน ซานโช่ จริงๆ เพราะเป็นนัดที่อดีตแข้งเสือเหลืองรายนี้ สามารถทำประตูแรกกับต้นสังกัดใหม่ได้ แถมจังหวะการครอสเข้าไปในเขตโทษของเจ้าตัว ก็สร้างความกดดันให้แนวรับทีมเจ้าบ้านได้ทุกครั้ง
คู่ขาที่ดูจะเข้าอกรู้ใจกันมากสุดๆ เห็นที่จะเป็น ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่เซนส์ฟุตบอลทันกันตลอดความกล้าและความมั่นใจนี่คือ สิ่งที่ เจดอน ซานโช่ ได้รับมาเต็มๆเกมเมื่อคืน ประตูท้ายเกมของเจ้าตัวก็มาจากการประสานงานที่ยอดเยี่ยมของระบบทีมเวิร์ค
เกมชนะทีมเรือดำน้ำสีเหลือง ชานโช่ มีสถิตที่ดีไม่ว่าจะเป็นผ่านบอลสำเร็จ 93% - แท็กเกิ้ลสำเร็จ 4ครั้ง - ครอสบอล 2 - แย่งบอล 6 - สร้างสรรค์โอกาส1ครั้ง
บียาร์เรอัล ต้องลุ้นหนักในนัดสุดท้ายกับอตาลันต้า
หลังจบเกมนัดที่พ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้าน 0-2 บียาร์เรอัล ยังถือว่าโชคดีไม่น้อยที่คู่แข่งแย่งเข้ารอบโดยตรงของพวกเขาอย่าง อตาลันต้า ทำได้แค่บุกไปเสมอกับ ยัง บอส์ 3-3
นั่นทำให้เมื่อตัดปีศาจแดงจ่าฝูงที่ผ่านเข้ารอบ 16ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บียาร์เรอัล ยังเป็นอันดับสอง มีอยู่7แต้ม ตามมาด้วย อตาลันต้า อันดับสาม 6แต้ม และยัง บอยส์ บ๊วย4แต้ม เกมนัดสุดท้ายลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ถือว่ากุมชะตาชีวิตเอาไว้ที่ตัวเองพอสมควร
เพราะนัดสุดท้ายพลพรรค เยลโล่ ซับมารีน ต้องบุกไปเยือนอตาลันต้า ที่อิตาลี โดยพวกเขาขอเพียงแค่ไม่แพ้กลับมาก็จะผ่านเข้าไปเล่นรอบ 16ทีมสุดท้ายทันที พร้อมการันตีเงินรางวัลก้อนโต
แต่ทว่าแม้ต้องการแค่ผลเสมอก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะอตาลันต้าขึ้นชื่ออยู่แล้วในการเล่นเกมรุกที่ดุดันในบ้านตัวเอง ลูกทีมของจานปิเอโร่ กาสเปรินี่ กดไปได้ถึง 27ประตู จาก13นัดในเซเรียอา มากที่สุดเป็นอันดับ3ของลีก
นี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ ในฤดูกาลนี้ หลังในลาลีก้าพวกเขาโชว์ผลงานได้ไม่ดีนักรั้งอยู่อันดับ12ของตาราง ชนะแค่ 3จาก13นัด ตามหลังทีมอันดับ4อย่าง แอตเลติโก มาดริด ถึง10แต้ม
เพราะหากทำไม่สำเร็จในการไปเยือนทีม แบร์กาโม่ พวกเขาต้องหล่นไปเล่นในเวทีถ้วยที่พวกเขาพึ่งคว้าแชมป์มาเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อย่าง ยูโรป้า ลีก อีกครั้งหนึ่ง
- คอลัมน์นิสต์
- 445
- 24 พ.ย. 2564 14:37