หนทางสู่แชมป์ ! ปืนยิงผี สุดมัน นาทีบาป 3-2 เอ็นเคเทียห์ กดเหมา
ใครไม่ดูถือว่าพลาดสุดๆเลย สำหรับซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ซันเดย์เมื่อคืน ระหว่างอาร์เซน่อล ที่กำลังหื่นกระหายในการล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างหนัก เปิดบ้านดวลกับทีมฟอร์มแรงอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีล่าสุดมีสะดุดเสมอเกมลีกกับ คริสตัล พาเลซ 1-1 โดยก่อนเกมจะเริ่มขึ้นพลพรรคปีศาจแดง มีปัญหาหนักใจไม่น้อย กับการขาดหายไปของกาเซมิโร่
เกมสุดมันอัตราความเร้าใจ5ดาวที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม ผลจบลงด้วยชัยชนะอันเป็นบันไดก้าวไปสู่แชมป์อย่างสดใสของอาร์เซน่อล ที่มีเหนือต่อผู้มาเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2 โดยประตูชัยของพลพรรคปืนใหญ่มาในช่วงเวลาที่บีบหัวใจนาทีสุดท้าย
ออกสตาร์ทมาก็เป็นไปตามคาดทางฝั่งของอาร์เซน่อล ครองบอลได้มากกว่า แต่ทว่าพวกเขาก็มาโดน ดีเด็ดลูกยิงไกลหน้ากรอบเขตโทษ25หลา ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด เสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดเฉียบ น.17 แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่ก็ไม่ได้ออกอาการรวนเลยมาตามตีเสมอ1-1 ได้ไม่นาน
จากจังหวะเข้าทำยอดเยี่ยม กรานิต ชาก้า เปิดไปให้ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ โฉบมาโหม่งจ่อๆเข้าไปตีเสมอ 1-1 น.24 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ชนิดที่แม้ปีศาจแดงจะเป็นรอง แต่ทว่ารายละเอียดต่างๆในสนามพวกเขาไม่ได้เป็นรองสุดกู่ขนาดนั้น
เริ่มครึ่งหลังมาเป็นอาร์เซน่อลที่ได้รับแรงกระตุ้นฮึกเฮิมดีขึ้นมาอย่างชัดเจน และแซงขึ้นนำ 2-1 จาก บูกาโย่ ซาก้า ใช้ความสามารถเฉพาะตัวยึกยักทางฝั่งขวา ตัดเข้าในหนี คริสเตียน อิริคเซ่น ปั่นบอลด้วยซ้าย บอลผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าไปอย่างสุดยอด น.53
แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน อารอน แรมส์เดล ออกมาตัดบอลจากลูกเตะมุมไม่ดี บอลไปเข้าทาง ลิซานโดร มาร์ติเนซ พุ่งโหม่งบอลย้อย เข้าไปซุกก้นตาข่าย แม้ กาเบรียล มากัลเญส จะพยายามเคลียร์ก็ไม่ออกตีเสมอเป็น 2-2 น.59
โดยหลังจากที่ถูดตีเสมอเป็น 2-2 ช่วง15-20นาทีสุดท้าย เหมือนผู้เล่นปีศาจแดงจะเกิดอาการล้า เรี่ยวแรงหมดชัดเจน จึงทำให้ " เดอะ กันเนอร์ส " โขยกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว และความพยายามของพวกเขาก็สัมฤทธิพลจริงๆ เมื่อ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ เหมาลูกที่2ของตัวเอง ดีดบอลจากจังหวะตวัดตามน้ำของ มาร์ติน โอเดการ์ด เข้าไป น.90
3แต้มดังกล่าวนอกจากจะทำให้ อาร์เซน่อลหนีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็น5แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่า1นัดแล้ว นี่ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจของ ขุนพลปืนใหญ่ กับการฝ่าด่านเกมยากเกมใหญ่อีกด้วย นั่นเท่ากับว่าผ่านมา19นัด ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า เก็บไป 50คะแนน จาก57แต้มเต็ม ทำได้ดีกว่าชุดไร้พ่ายปี 2003-2004 เสียอีก
ด้วยความการเล่น ความตั้งใจ ความสดห้าว หากไม่มีอะไรผิดพลาดอาร์เซน่อลชุดนี้ มีแววจริงๆที่จะถึงเส้นชัยฝั่งฝันคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หากว่าพวกเขาไม่เจออุบัติเหตุแปลกๆสะดุดขาตัวเองล้มไปเสียก่อน
ไม่มี เซซุส ไม่มีปัญหา เอ็นเคเทียห์ ตอบโจทย์
ตอนที่ กาเบรียล เซชุส บาดเจ็บมาจากทีมชาติบราซิล และคาดการณ์ว่าต้องพักราวๆ 2-3 เดือน ตอนแรกทำให้แฟนปืนใหญ่เป็นกังวลพอสมควรว่าทีมจะเป๋หรือมีอาการแผ่วไหม เมื่อ11ผู้เล่นตัวจริงของทีมหายไป1ราย
การเสริมทัพในตำแหน่งกองหน้าตลาดหน้าหนาว นั่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ สาวกกูนเนอร์ส คิดกัน แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม การไร้เงา เซชุส กุนซือ มิเคล อาร์เตต้า เลือกที่จะไว้เนื้อเชื่อใจนักเตะที่มีอยู่ในทีมอยู่แล้ว โดย เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ คือผู้ที่ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองกับสถานการณ์ดังกล่าว
แข้งหมายเลข14 ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก 5นัดติดต่อกัน เช่นกันกับเมื่อคืนที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็เป็นเจ้าของฉายา " นิว อองรี " นี่แหละที่สวมบทฮีโร่ เหมา2ประตู ซัดนาทีสุดท้ายพาปืนใหญ่ เก็บ3แต้มได้สำเร็จ
เอ็นเคเทียห์ โดดเด่นมากๆในเรื่องของ การหาที่ว่างตำแหน่ง ประตูตีเสมอ1-1 แม้เจ้าตัวจะไม่ใช่คนรูปร่างสูงมาก แต่ก็ชิงจังหวะอยู่หน้า อารอน วาน -บิสซาก้า สอดมาโหม่งเข้าไปลงตัวสุดสวย รวมไปจนถึงประตูชัย ก็เช็กไลน์อยู่ในตำแหน่งของตัวเองเป็นอย่างดีดีดบอล ผ่าน เด เคอา เข้าไป
แน่นอนว่า เอ็นเคเทียห์ ไม่ได้ทักษะลีลาความสามารถสูงเท่ากับ กาเบรียล เชซุส แต่ทว่าการเชื่อมเกมกับเพื่อนร่วมทีม การจบสกอร์ ดาวเตะวัย23ปีก็ไมได้มีจุดบกพร่องเลย 4ประตู 1แอสซิส์ จาก5นัดที่ลงตัวจริงในลีก นี่คือเครื่องการันตีคุณภาพของเจ้าตัวได้ดีเลยทีเดียว
ดร.แรชฟอร์ด แรงไม่เลิก
หลังกลับมาจากฟุตบอลโลก2022 กับการกระทุ้งไป3เม็ด มาร์คัส แรชฟอร์ด เหมือนได้พลังพิเศษ เพิ่มบัพความมั่นใจมาจากกาตาร์เลย เพราะเมื่อกลับมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนต็ด ดร.แรช ก็ยิงระเบิดเป็นไฟเลยทีเดียว
แอนโทนี่ ที่ยังโชว์ฟอร์มผิดหวังสม่ำเสมอตรงริมเส้นฝั่งขวา นั่นทำให้ดูจะมีเพียงแค่แนวรุกทางฝั่งซ้ายที่โจมตีอาร์เซน่อลได้เมื่อคืน ด้วยรูปเกมที่แทบไม่มีอะไรก็เป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด นี่แหละที่หลอก โธมัส ปาเตย์ แล้วซัดนอกกรอบเขตโทษเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างสุดงาม
การเล่นด้วยความมั่นใจ มีความแข็งแกร่ง ทั้งเร็วและคล่อง ที่คือสิ่งที่ดาวเตะลูกหม้อปีศาจแดงรายนี้ ใช้โจมตี เบน ไวท์ ในครึ่งแรก แม้จะมีจังหวะเลี้ยงติดเลี้ยงเสียอยู่บ้าง แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อบอลอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของ แรชฟอร์ด นั้นได้ลุ้นและมีความอันตรายเสมอ
ครึ่งหลัง แรชชี่ มีจังหวะแหวก2-3ในเขตโทษ แล้วได้ซัดบอลไปแฉลบ แต่ทว่า อารอน แรมส์เดล ปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม น่าเสียทายที่ช่วง20นาทีสุดท้าย บอลมาหาแรชฟอร์ดน้อยไปหน่อย เพราะทีมโดนกดอยู่ฝ่ายเดียว
9ประตู หลังกลับมาจาก เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ นี่คือผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดใน5ลีกใหญ่ยุโรปเวลาเดียวกัน ซีซั่นที่แล้ว 2021-2022 มาร์คัส แรชฟอร์ด ย่ำแย่เป็นอย่างมาก ทำไปได้เพียง5ประตู จาก32นัด
แต่ทว่ามาในฤดูกาลนี้ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ 17ประตู จาก28นัดรวมทุกรายการ มีสิทธิมากๆที่จะทุบสถิติยิงได้มากที่สุดต่อซีซั่นของตัวเอง 22ประตู ในฤดูกาล 2019-2020 ซึ่งหากไม่มีอาการบาดเจ็บอะไร เชื่อว่า มาร์คัส แรชฟอร์ด จะทำลายสถิติของตัวเองได้แน่
ขาด กาเซมิโร่ แม็คทอม แทนอะไรไม่ได้เลย
การขาดหายไปของยอดมิดฟิลด์ชาวบราซิล เพราะโดนโทษใบเหลืองครบ5ใบ นั่นคือสิ่งที่แฟนผีทำใจมาบ้างแล้วก่อนมาเยือน เอมิเรต สเตเดี้ยม ว่าเกมในแดนกลางของพวกเขาจะโดนอาร์เซน่อลกดอยู่ฝ่ายเดียว โดย45นาทีแรก ถือว่าเกมจุดยุทธศาสตร์กลางสนามไม่ได้เป็นรองมาก แม้จะครองบอลได้น้อยกว่า
การขาดหายไปของ กาเซมิโร่ ทำให้ เอริค เทน ฮาก เลือกไว้ใจใช้งาน สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ แทน แรกๆ "แม็คทอม " ยังพอไหว แต่ทว่าพอเวลาเดินมาถึงช่วง 20นาทีสุดท้าย แข้งชาวสก็อตทำอะไรไม่ได้เลย ทั้งในแง่ของการตัดบอล และจ่ายบอลขึ้นไปข้างหน้า
เผลอๆไปๆมาๆ คริสเตียน อิริคเซ่น ที่อายุมากกว่า แถมไม่ได้เล่นเป็นตัวรับ ยังเล่นเกมรับได้เข้าท่ากว่า สกัดบอลพยายามวิ่งไล่บอลมากกว่าด้วย ยิ่งพอเล่นไปนานๆ แม็คโทมิเน่ย์ ดูจะหายไปจากเกมเลย คู่มิดฟิลด์ของปืนใหญ่อย่าง กรานิต ชาก้า และ โธมัส ปาเตย์ เก็บกินได้เกือบหมด
แม็คโทมิเน่ย์ มีจังหวะการจ่ายบอลที่ไม่เนียนมากๆ วิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลจากรับเป็นรุก หรือการตัดบอลจากแดนกลาง ฟาวล์จังหวะที่ควรฟาวล์ การอ่านเกมอะไรต่างๆเป็นรอง กาเซมิโร่ ชัดเจน
ทว่าอย่างไรก็ตามจอมถึกเบอร์39 ยังมีแง่ดีแง่งามอยู่บ้าง นั่นก็คือการลงมาช่วยเคลียร์บอลได้ถึง9ครั้ง เข้าแท็กเกิ้ล4ครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะด้วยรูปเกมที่โดนบุกอยู่ฝ่ายเดียวต่างหาก
เกมที่คู่แข่งไม่ได้เหนือกว่ามาก แม็คโทมิเน่ย์ สามารถลงไปเล่น ใช้ความสด ความดุดัน เข้าไปบู๊บดได้ แต่ทว่าเกมไหนที่คู่แข่งเหนือกว่า กองกลางเชิงสูงกว่า แม็คทอม ก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยอีกครั้ง
เทน ฮาก จัดตัว เปลี่ยนตัวน่าขัดใจ
โอเค ที่ผ่านมาพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รันชัยชนะมา9นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ รวมไปจนถึงเนรมิตปีศาจแดงที่แย่สุดๆในซีซั่นที่แล้ว กลับมาเป็นบอลมีสไตล์เล่นเป็นทรงมีระเบียบแบบแผนขึ้น แต่ทว่า2นัดที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นความประมาทและความผิดพลาดของ เอริก เทน ฮาก เช่นกัน
นัดเจ๊า คริสตัล พาเลซ เด้งแรกคือ กุนซือชาวดัตช์ไม่ยอมเปลี่ยนตัว กาเซมิโร่ ออก ทั้งที่สะสมใบเหลืองครบแล้ว4ใบ ถ้าโดนอีกจะทำให้พลาดเกมกับอารเซน่อล และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะ " พี่เกษม " โดนใบเหลืองอีกใบเพราะไปเสียบ วิลเฟร็ด ซาฮา
เด้งที่สองคือ การเลือกไปผ่อนเกมช่วงท้าย ทั้งที่นำแค่1-0 ก่อนจะมาโดนทีเด็ดจากฟรีคิกผีจับยัดในที่สุด กับอาร์เซน่อล เมื่อคืน ช่วงที่ตีเสมอได้2-2 น่าเสียดายเหมือนกันที่ เทน ฮาก ไม่เลือกแก้เกมด้วยการเอา เวาท์ เวกฮอร์สต์ ที่แทบจะไม่มีประโยชน์จากเกมแบบนี้ออก แล้วส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงมาเร็วกว่านี้ พร้อมเปลี่ยนขยับ แรชฟอร์ด ไปเล่นเป็นหน้าเป้าจะดีกว่า
โอเคการเลือกส่ง เฟร็ด ลงมาแพ็คกลางแทนปีกอย่าง แอนโทนี่ นั่นคือหมายถึงต้องการแพ็กเกมในแดนกลางให้แน่นขึ้น หรือเลือกซื้อเกมรับนั่นเอง นั่นจึงทำให้ช่วง20นาทีสุดท้าย เป็นอาร์เซน่อลที่ครองเกมและโจมตีใส่แบบหนักหน่วงสุดๆมาจากทุกทิศทุกทาง
และสุดท้ายก็ทำนบแตกจริงๆหลังเอนเอียงจวนจะเสียมาตลอด จากทีเด็ดของ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ชนิดที่ไม่มีเวลาให้แก้ตัวเลย นั่นเท่ากับว่า 2นัดล่าสุด ปีศาจแดงทำหายไปถึง 3แต้ม จากการโดนยิงช่วงท้ายเกม จาก4คะแนนคว้า มาได้แค่ 1
ปืน เร็ว แรง ทะลุนรกเดือด แชมป์ไม่ใช่แค่ฝันแล้ว
การให้เวลากับ มิเคล อาร์เตต้า ได้เพาะบ่มจนสุกงอมกับอาร์เซน่อล เริ่มจะเห็นผลมากๆแล้วกับปืนใหญ่ในฤดูกาลนี้ ใครจะไปเชื่อว่านี่คือทีมเดียวกันกับฤดูกาลที่แล้ว 2021-2022 ที่ผ่าน3นัดในพรีเมียร์ลีก แพ้รวดจมอยู่บ๊วย 20ของตาราง
มาจนถึงตอนนี้พวกเขาเต็งจ๋ามากๆ ที่จะคว้าโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีกไปนอนกอดได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 2003-2004 เมื่อพวกเขานำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากถึง5แต้ม แถมยังมีโปรแกรมแข้งน้อยกว่าในมืออีก1นัด
19นัดผ่านไป พลพรรคปืนใหญ่ เก็บไปได้มากถึง50แต้ม มากกว่าทีมชุดไร้พ่าย Invicible 2003-2004 เสียอีก (45แต้ม) โดยนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากฟุตบอลดิวิชั่น1มาเป็นพรีเมียร์ลีก มีเพียง4ทีมเท่านั้น ที่เก็บไปได้50แต้ม+ หลังผ่าน 19นัด ( แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 / ลิเวอร์พูล 2 และเซลซี 1) ซึ่ง4ครั้งดังกล่าว มีถึง3ที่ไปถึงฝั่งฝันแชมป์
ผู้เล่นปืนใหญ่อยู่ในช่วงฟอร์มดี และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจทุกคน โดยเฉพาะในแนวรุกอย่าง บูกาโย่ ซาก้า - มาร์ติน โอเดการ์ด และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ แนวรับมีความเสถียร เจอ11ผู้เล่นตัวจริงตั้งแต่ต้นฤดูกาล ทำให้เกิดความต่อเนื่องและเข้าหารู้ใจกันเป็นอย่างดี
ส่วนกุนซือ มิเคล อาร์เตต้า จัดได้ว่าเป็นกุนซือหนุ่มที่มีไฟเต็มตัวอยู่แล้ว เราจึงได้เห็นแพสชั่น อารมณ์ร่วมข้างสนามแบบเต็มเหนี่ยวของนายใหญ่ชาวสเปนรายนี้ตลอด ซึ่งก็เป็นเคมีที่ลงตัวเลยทีมเดียวกับนักเตะอาร์เซน่อลที่อยู่ในวัยคะนองอายุไม่มากชุดนี้
การเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้3-2 ด้วยรูปเกมอะไรหลายๆอย่าง ต้องบอกเลยว่า เดอะ กันเนอร์ส มีชัยไปได้แบบเอกฉันท์ ครองบอลมากกว่า 58 ต่อ42 เปอร์เซ็นต์ สร้างโอกาสยิงมากกว่า 23ครั้ง ต่อ6ครั้ง
- คอลัมน์นิสต์
- 272
- 23 ม.ค. 2566 14:00