นรกแตกที่แอนฟิลด์ ! นกนางนวล บุกจิกหงส์คาบ้าน 0-1
ทำท่าเหมือนจะกลับคืนมาสู้เส้นทางการลุ้นแชมป์ได้อีกครั้งสำหรับลิเวอร์พูล เมื่อ2นัดล่าสุดปลดล็อค สภาวะปืนฝืด เอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์เดียวกัน 3-1
แต่ทว่าเมื่อกลับมาเล่นเกมเหย้าที่แอนฟิลด์ พลพรรคหงส์แดง ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ปราชัยอีกหนหนึ่ง เมื่อโดน ไบร์ทตัน บุกมาควัก3แต้มออกไปได้สำเร็จ
โดยทัพ เดอะ ซีกัลล์ส์ ได้ประตูชัยจาก สตีเว่น อัลซาเต้ น.56
หากใครไม่ได้ดูเกมเมื่อคืนแล้วมาเช็กผลสกอร์คงคิดว่า ลูกที่ของ เกรแฮม พอร์ตเตอร์ เอาทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนได้ เพราะแผนรถบัสโป้งเดียวจอดแบบเบิร์นลี่ย์ ที่เคยทำได้ ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
ทีมนกนางนวลคู่ควรกับ3แต้ม เกมเมื่อคืนมากๆ เพราะเล่นเกมรับกันอย่างมีระเบียบวินัย
ไม่ลุกลี้ลุกลน เวลาโดนเกมบีบเพรสซิ่ง แถมยังจ่ายบอลได้อย่างแม่นยำในแดนหลัง ไม่เคลียร์บอลตูมเดียว เวลาเจอกับสถานการณ์ที่คับขัน
โดยเฉพาะ3ผู้เล่นแนวรับร่างโย่งเปรตวัดสุทัศน์ อย่าง ลูอิส ดั้งค์ อดัม เว็บเตอร์ และขวัญใจสาวๆอย่าง แดน เบิร์น ที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ สุขุม เยือกเย็น มีสมาธิกับทุกๆจังหวะ
ลูกกลางอากาศเก็บกินแนวรุกของลิเวอร์พูลที่รูปร่างค่อนข้างเล็กได้อย่างหมดจด
มิหนำซ้ำจังหวะประตูชัยของ ไบร์ทตัน จุดเริ่มต้นก็มาจาก แดน เบิร์น ที่โหม่งบอลย้อนเข้ามาในกรอบเขตโทษให้เพื่อนร่วมทีมอีกด้วย
ส่วนลิเวอร์พูล ภาพรวมถือว่าไม่ได้เล่นแย่อะไรมากมาย แต่เป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ทำได้ดีกว่าในหลายๆจังหวะจริงๆ คนที่น่าผิดหวังที่สุด11ตัวจริงคงเป็น เซอร์ดาน ชากิรี่
ส่วนตัวสำรองที่ถูกปล่อยลงไปเพื่อกู้สถานการณ์ อย่าง เคอร์คิส โจนส์ - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน
รวมถึงเจ้าเก่าขาประจำอย่าง ดิว็อค โอริกี้ ก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่าง ผลลัพธ์ที่ดีให้กับทีมได้เลย
แนวรุกหงส์แดงช็อตอีกครั้ง
ก่อนเกมหงส์แดงมีข่าวร้ายเล็กน้อย เมื่อไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ที่บาดเจ็บหายไปเป็นนัดที่2 จนไม่มีชื่ออยู่ในทีม
แต่ด้วยขุมกำลังในแดนหน้าในนัดนี้อย่าง เซอร์ดาน ชากิรี่ - โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ไม่น่าจะใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงในการส่งบอลไปกระแทกตาข่ายผู้มาเยือนได้
แต่ทว่าภาพฉายหนังม้วนเดินเกมกับเบิร์นลี่ย์ ก็ตามมาหลอกหลอน เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกครั้ง เมื่อบรรดาแนวรุกของทีมเล่นแบบติดๆขัดๆ
ตลอด90นาที ลิเวอร์พูล ยิงบอลเข้ากรอบให้ โรเบิร์ต ซานเชส ต้องออกแรงเซฟแค่1ครั้งเท่านั้น
โดยเฉพาะ ชากิรี่ ดาวเตะชาวสวิต ทีทำตัวน่าผิดหวังมากๆทั้งที่ได้โอกาสลงเล่นเป็น11ตัวจริง
ส่งผลโดยตรงไปให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ขาดคู่ขาพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจ จนแบ็กซ้ายวัย26ปี เหมือนจะเครื่องรวน เล่นไม่ออกไปเพราะ ชากิรี่ ด้วยเลยทีเดียว
ส่วน บังโม นัดนี้มีโอกาสยิงเหม่งๆ1-2 ครั้งแต่ก็ทำได้ไม่ดีพอ เวลาได้บอลซาลาห์ จะโดนแข้งกำแพงมนุษย์ของไบร์ทตันเข้าถึงตัวตลอด
ด้าน ฟิร์มิโน่ แม้จะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ส่งอิมแพคให้ทีมไม่ได้ สถิติ90นาทีระบุกว่า ทั้งสตาร์ชาวบราซิลและอียิปต์ ยิงเข้ากรอบและสร้างสรรค์โอกาสรวมกัน เท่ากับ ศูนย์ครั้ง
เกิดอะไรขึ้นที่แอนฟิลด์ ?
68 เกมก่อนหน้าในพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ = แพ้ 0
2 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีกที่แอนฟิลด์ = แพ้ 2
3 นัดหลังสุดที่แอนฟิลด์ = ยิงได้0 ประตู
หลังจากที่ไร้พ่ายในแอนฟิลด์ในลีกมานานถึง 68นัด แต่ทว่าเมื่อสถิติดังกล่าวถูกเบิร์นลี่ย์ทำลาย ความขลังนั้นก็เหมือนจะเสื่อมไปด้วย เมื่อไบร์ทตัน ทีมจากโซนท้ายตารางบุกมาอัดหงส์แดงคาบ้านอีกหน
จาก แอชลี่ย์ บาร์นส์ ถึง สตีเว่น อัลซาเต้ 2แข้งผู้ทำลายมนต์ขลังที่แอนฟิลด์ และ ทั้ง ไบร์ทตัน และ เบิร์นลี่ย์ ก็ได้ทำการสาธิตวิธีการเล่นที่บุกมาควัก3แต้มออกไป
นั่นก็คือรถบัสให้แน่น เล่นอย่างมีวินัย ไม่ลนลาน เวลาที่โดนเกมเพรสซิ่งหนักๆ รวมถึงไม่เตะบอลส่งเดชเวลาเคลียร์บอลในเขตโทษตัวเอง เวลาเล่นเกมบุกสวนต้องเนี๊ยบทุกจังหวะ
ความพ่ายแพ้ดังกล่าวส่งผลให้ลิเวอร์พูลหล่นมาอยู่อันดับ4ของตารางคะแนน ตามหลังจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แข้งน้อยกว่าทีมหงส์แดงอยู่1นัดอยู่ถึง7คะแนน
น่าสนใจไม่น้อยที่เกมนัดต่อไปที่แอนฟิลด์ ผู้ที่จะมาเยือนนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ฟอร์มติดลมบนไปแล้ว
ผลการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในคืนวันอาทิตย์นี้ น่าจะบอกทิศทางในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูลได้เลยว่า พวกเขาจะยังอยู่ในทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ หรือประคองตัวให้จบท็อปโฟร์ แล้วไปเน้นเต็มที่แบบหนักๆใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แทน
เคลเลเฮอร์ ก็ไม่แย่นะ
ก่อนเกมเริ่มขึ้น สาวก เดอ ค็อป ก็มีเรื่องให้ต้องกังวลไม่น้อย เมื่อพี่หมี อลิสซง เบคเกอร์ มีอาการป่วยจนชวดลงเฝ้าเสาให้กับทีมอีกครั้ง ซึ่งนี่เป็นซีซั่นที่นายด่านชาวบราซิลเจ็บออดๆแอดบ่อยมาก
นั่นจึงทำให้โอกาสในการเฝ้าเสาเป็นของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่ายวัยละอ่อน22ปี แม้บทสรุปผลลัพธ์จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของทีมหงส์แดง แต่ทว่าผลงานส่วนตัวของ เคลเลเฮอร์ ไม่ได้แย่เลย
มิหนำซ้ำโกลชาวไอร์แลนด์ยังทำให้ลิเวอร์พูล ไม่โดนเจาะประตูที่2-3ตามมาอีกด้วย เมื่อปฏิเสธลูกยิงของ ปาสกาล กรอสส์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ด ในช่วงท้ายเกมได้อย่างยอดเยี่ยม
สิ่งหนึ่งที่ เคลเลเฮอร์ ทำได้ดีเกินคาดนั่นก็คือการเล่นบอลด้วยเท้า ส่วนประตูที่เสียให้กับไบร์ทตัน แม้ว่าบอลจะไม่ได้แรงมาก
แต่ทิศทางก็ต้องบอกว่า100% แถมยังแฉลบมาถึงสองต่อ ก่อนที่บอลจะไปซุกตาข่าย สุดความสามารถจริงๆ ที่เจ้าตัวจะป้องกันได้
โดยสิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาทีเมื่อคืน ควีวิน เคลเลเฮอร์ เป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนของลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐาน และไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยราดเหมือนแข้งนักเตะหลายๆคน
การที่มีเจ้าตัวเป็นมือ2ของ อลิสซง นั้นก็อุ่นใจกว่าการมีมือ2เป็น อาเดรี่ยน อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
กองหลัง3ยักษ์
192 - 190 - 198 เซนติเมตร คือความสูงของแนวรับไบร์ทตันอย่าง ลูอิส ดังค์ - อดัม เว็บส เตอร์ และ แดน เบิร์น (วิงแบ็ก) ตามลำดับ
คงนึกภาพออกโดยที่ไม่ต้องดูเกมในสนามเลยว่า ลูกกลางอากาศของลิเวอร์พูล จะโดนเก็บกินกวาดเรียบไหม
ยาว ใหญ่ แข็งแกร่ง หินผา นี่คือคำนิยามของ3กองหลังของทีมนกนางนวลในนัดนี้ ฟอร์มการเล่นทียอดเยี่ยมของแนวรับในระยะหลังๆ
ทำให้ลูกทีมของ เกรแฮม พอตเตอร์ สลัดพ้นโซนตกชั้นพื้นที่สีแดงขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ อยู่อันดับ15ของตารางคะแนน ทิ้งทีมอันดับ18อย่างฟูแล่ม 10แต้ม
ส่วนเกมที่แอนฟิลด์เมื่อคืน ทั้ง ดั้งค์ - เว็บสเตอร์ - ไวท์ เล่นกันได้อย่างโดดเด่นเหนียวแน่นกันทุกราย
โอกาสยิง10ครั้งของลิเวอร์พูล ถูกแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ตรงกรอบได้เพียงแค่หนเดียวเท่านั้น
สถิติน่าสนใจของเกมรับไบร์ทตันเมื่อคืน
10 ชนะการดวล ( แดน เบิร์น )
9 ชนะการดวลลูกกลางอากาศ ( แดน เบิร์น )
9 การเคลียร์บอล (อดัม เว็บสเตอร์)
นอกจากนี้แล้ว 4นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกของไบร์ทตัน ยังเอาชนะไปได้ถึง3เกม หลุดเสมอแค่ 1และเก็บคลีนชีตได้ถึง3นัดอีกด้วย แถม2ใน3คือการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล แบบไม่เสียสกอร์อีกด้วย
เด็กใหม่หงส์จะได้ลงนัดดวลเรือใบไหม ?
เกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ คืนวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ถือว่าเป็นนัดที่สำคัญมากๆของลิเวอร์พูล ในการทำหนดทิศทางที่เหลือของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะให้โอกาสกองหลังหน้าใหม่คนใดคนหนึ่งอย่าง โอซาน คาบัค หรือ เบน เดวิส ลงเล่นในเกมสุดสำคัญดังกล่าวหรือไม่
แม้ว่าในภาพรวม แนต ฟิลลิปส์ จะไม่ได้เล่นแย่อะไร แต่ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาช่วยทีมได้ แถมจังหวะที่ไบร์ทตันได้ประตู ก็เป็นกองหลังวัย23ปี นี่แหละที่เคลียร์สกัดบอลไม่ขาด
เกมกับทีมเรือใบสีฟ้าที่ว่ากันว่าอาจจะต้องสู้กันอย่างถึงพริกถึงแข็งกับจุดยุทธศาสตร์ในแดนกลาง
การขยับเอา จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลับไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์คือสิ่งที่จำเป็นไม่น้อย
เพราะที่ช่วงที่ผ่านมาในยามที่ กัปตันเฮนโด้ ลงไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ กองกลางของลิเวอร์พูล ดูจะยวบและขาดพลังขับเคลื่อนไปมากเลยทีเดียว
ยิ่งมาเจอกับซิตี้ ที่กลางแน่นปั๊ก จึงจำเป็นมากๆที่ต้องมี เฮนเดอร์สัน ไว้บดบี้กับพวก โรดรี้ - อิลคาย กุนโดกัน - แบร์นาโด ซิลวา
บวกกับ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เก็บคลีนชีตได้ 8จาก9นัดหลังในพรีเมียร์ลีก และเสียไปเพียงลูกเดียว ถ้าไม่เน้นในแดนกลางหน่อยคงเป็นเรื่องยากที่บอลจะถูกลำเลียงไปยังผู้เล่นแดนหน้าเพื่อทำประตู
สถิติเท้าบอดในแอนฟิลด์มา 348นาที อาจถูกยืดต่อไปอีกหลังจบเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นได้
- คอลัมน์นิสต์
- 453
- 04 ก.พ. 2564 14:41