ดราม่า ครบทุกรสชาติ ! ฟ้า-ขาว แม่นโทษ เขี่ย ดัตช์ ตกรอบ มาร์ติเนซ จอมเซฟดวลเป้า
ใครไม่ดูถือว่าพลาดมากๆเลย สำหรับ ฟุตบอลโลก2022 รอบ8ทีม คู่ที่สองระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ เนเธอร์แลนด์ ที่ก่อนเกมทัพ ฟ้า-ขาว จะเป็นต่ออยู่นิดๆ โดยเล่นไปเล่นมา เปอร์เซ็นต์การครองบอลไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่เป็นทางทีมจากอเมริกาใต้ ที่สร้างจังวะลุ้นประตูหวาดเสียวได้มากกว่า โดยเฉพาะในรายของ ลิโอเนล เมสซี่
ใน45นาทีแรกเป็นอาร์เจนติน่าที่ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากวิงแบ็กฝั่งขวาอย่าง นาอวล โมลีน่า ที่รับบอลจังหวะจ่ายสุดเฉียบของ ลิโอเนล เมสซี่ หลุดเข้าไปยิงซุกก้นตาข่าย น.35 โดยในครึ่งแรกทัพอัศวินสีส้ม ไม่มีโอกาสจะแจ้งยิงเข้ากรอบเลย แม้แต่หนเดียว
บรรดาตัวรุกอย่าง เมมฟิส เดอปาย - สตีเว่น เบิร์กไวจน์ และ โคดี้ กั๊กโป ประสานงานกันติดๆขัดไปหมด ก่อนที่ในครึ่งหลังอาร์เจนไตน์ จะมาบวกลูกที่2ได้จาก จุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ น.73 นั่นทำให้การนำ 2-0 ในเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง20นาที เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่อัศวินสีส้มจะกลับมาได้
ทว่าอย่างไรก็ตามการแก้เกมแบบไม่มีอะไรจะเสียจริงๆของ หลุยส์ ฟาน กัล นั้นก็ได้ผลมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนจากยืน3เซ็นเตอร์ มาเป็นแบ็กโฟร์ รวมไปจนถึงการเอา ศูนย์หน้า2คนที่มีความสูงใหญ่เป็นเสาโทรเลขอย่าง วุต เวกฮอร์สท์และ ลุค เดอ ยอง มาเล่นลูกกลางอากาศ
การแก้เกมของกุนซือจอมปรัชญานั้นประสิทธิผลทันที เพราะศูนย์หน้าที่มีความสูงใหญ่ ที่ถูกส่งลงมาเล่นลูกกลางอากาศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ เวกฮอร์สท์ ที่โขกประตูเปิดความหวังไล่มา 1-2 น.83 นอกจากนั้นไม่พอ ดาวยิงเบิร์นลี่ย์ ที่ปัจจุบัน ถูกเบซิคตัสยืมตัวไป ก็มาซัดเม็ดที่สอง จากลูกสูตรฟรีคิก น.90+10 จบ90นาที ด้วยสกอร์ 2-2
โดยหลังจากนั้นรูปเกมอุณหภูมิความเดือดในสนาม ก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ใบเหลืองปลิวว่อน จากทั้งสองฝั่ง ไม่เว้นแม้กระทั้ง ผู้เล่นสำรองของทั้งสองทีม รวมไปจนถึงเหล่าสต๊าฟโค้ช ต่างรับใบเหลืองกันถ้วนหน้า
เกมในช่วงต่อเวลา120นาที เป็นไปอย่างสูสี ประกอบกับมีจังหวะปะทะ จังหวะฟาวล์หลายครั้ง จนทำให้เกมสะดุดตลอด ซึ่งอาร์เจนติน่า มีโอกาสใกล้เคียงกว่ามาก ในช่วงท้ายของการต่อเวลา กับลูกยิงของ เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ ที่ยิงจากนอกกรอบ ไปชนเสาอย่างจัง ทำให้สุดท้ายต้องไปชี้ขาดกันที่การดวลเป้า
ซึ่ง ท้ายที่สุดแล้ว เป็นอาร์เจนติน่าที่แม่นยำกว่า เอาชนะไปได้ 4-3 โดยฮีโร่ของพวกเขา ซึ่งเป็นจอมเซฟจุดโทษอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ หยุดลูกยิงของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ สตีเว่น เบิร์กไวจน์ ได้ ก่อนที่คนยิงคนสุดท้ายอย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ จะสังหารส่งทัพ ฟ้า-ขาว เข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอกับโครเอเชีย
เมสซี่ อิมแพคต่ออาร์เจน ตลอด
น่าจะเป็นถ้วยรางวัลสุดท้ายที่ ลิโอเนล เมสซี่ มีความปรารถนาอยากได้มากที่สุดแล้ว สำหรับ ถ้วย เวิลด์ คัพ หลังจากที่เฉียดใกล้ที่สุดในปี 2014 กับการเป็นรองแชมป์พ่ายให้กับ เยอรมัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาที 0-1
เมสซี่ มาบอลโลกฉบับกาตาร์หนี้ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วของ เจ้าของบัลลงดอร์ 7สมัยรายนี้ เพราะอายุปัจจุบันก็ปาเข้าไป 35ปีแล้ว โดย4นัดที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ เอง ก็ทำไปได้3ประตู กับอีก1แอสซิสต์
โดยเกมกับเนเธอร์แลนด์ เมื่อคืน แม้ว่าจะได้บอลน้อยไปหน่อย แต่ทว่าเมื่อบอลมาถึงตัว ดาวเตะจากเปแอชเช ก็ไม่ทำให้แฟนฟ้า-ขาว ผิดหวังเลย เมสซี่ สามารถดึงตัวประกบ หาช่องจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายในเพลย์ต่อไป
จนมาถึงลูกแอสซิสต์ เท้าช่างทองที่ " คิง เลโอ " จ่ายด้วยสัญชาติตัดให้ นาอวล โมลีน่า รับบอล ไปยิงสวนตัว อันดรีส์ น็อปเปิร์ท เข้าไป นอกจากนี้ เมสซี่ ยังเป็นผู้ซัดจุดโทษสุดเฉียบในช่วงเวลาปรกติคมชนิดมุมเสียบตาข่าย ไม่ให้โกลเนเธอร์แลนด์ ต้องพุ่งเซฟ
เมสซี่ นอกจากความรู้สึกฟอร์มการเล่นในสนามที่ประจักษ์ตาแล้ว เมสซี่ ยังมีสถิติตัวเลขหลังเกมที่ดีทั้ง โอกาสยิง(มากที่สุด) 6ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย (มากที่สุด) 20ครั้ง / สร้างสรรค์โอกาส (มากที่สุด) 3 ครั้ง / ชนะการดวล (มากที่สุด) 10ครั้ง และเรียกฟาวล์มากที่สุด 8ครั้ง
ลิโอเนล เมสซี่ ยังมีอารมณ์ร่วมคอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมตลอดในจังหวะสำคัญๆ และเจ้าตัวยังเป็นผู้ที่ยิงจุดโทษคนแรก แล้วสังหารเข้าไปเพิ่มกำลังใจให้ทีมอีกด้วย อีกเพียง2ก้าวเท่านั้นถ้วยที่ เมสซี่ เฝ้าฝันมาตลอดจะกลายเป็
นความจริง ตอกย้ำความเป็นนักเตะระดับเบอร์1ของโลกอย่างสมบูรณ์แบบ
วิงแบ็กฟ้าขาวแจ่ม โมลีน่า และ อากุนญ่า
การเล่นระบบ3เซ็นเตอร์ ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบ ผู้เล่นในตำแหน่งวิงแบ็ก ต้องทำงานเหนื่อยหนักสุดๆจริงๆนั่นก็คือการวิ่งขึ้น วิ่งลง อย่างสุด เมื่อคืนผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็กพลังม้าของอาร์เจนติน่าทั้งสองข้างทำผลงานกันได้ดีทั้งคู่
ก่อนที่จะโดนประตูตีไข่แตก ทางฝั่งของเนเธอร์แลนด์ มีโอกาสลุ้นทำประตูเพียงแค่หนเดียว และไม่เข้ากรอบด้วย เพราะเกมริมเส้นของพวกเขาอย่าง เดนเซล ดรุมฟรีส์ และ ดาเล่ย์ บลินด์ รวมไปจนถึง พวก เมมฟิส เดอปาย และ สตีเว่น เบิร์กไวจน์ แทบไม่มีพื้นที่ด้านข้างให้ได้เล่นได้กระชากเลย
นาอวล โมลีน่า วิงแบ็กฝั่งขวาจาก แอตเลติโก มาดริด สามารถสอดขึ้นมาอย่างถูกจังหวะทำประตูขึ้นนำให้กับทัพ ฟ้า-ขาว ได้ แถมนี่ยังเป็นประตูแรกในนามทีมชาติของเจ้าตัวอีกด้วย แข้งวัย24ปี ตัดบอล และ แท็กเกิ้ล ได้อย่างละ1ครั้ง เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้3ครั้ง
ความฟิตและความสดนี่คือสิ่งที่ โมลีน่า มอบให้เกมริมเส้นฝั่งขวาของอาร์เจนเมื่อคืน โดยช่วงที่ถูกถอดเปลี่ยนตัวออกให้ กอนซาโล่ มอนติเอล ลงมานั้นทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจน
ส่วน มาร์กอส อกูนญ่า ฝั่งซ้าย แม้จะโดนใบเหลืองแบบโง่ๆในครึ่งแรก และเปิดเกมบุกติดๆขัดๆ แต่ทว่าเจ้าตัวก็เป็นคนเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ ชนะการดวล 9จาก11ครั้ง และไม่มีผู้เล่นคนไหนของทัพอัศวินส้มที่เลี้ยงบอลผ่าน แข้งจากเซบีญ่า รายนี้ได้เลย
แผนเปลี่ยนเกม ฟาน กัล โคตรเห็นผล
ถ้าเทียบกับ4นัดที่ผ่านมา บอกได้เลยว่าเมื่อคืน เป็นเกมที่แนวรุกเนเธอร์แลนด์ ฝืดเคืองมากๆ บรรดาหน่วยล่าสังหารอย่าง โคดี้ กั๊กโป เมมฟิส เดอ ปาย และ สตีเว่น เบิร์กไวจ์ แทบจะทำอะไรไม่ได้ เวลาได้บอลก็โดนประกบติดตลอด
โดยก่อนจะได้ประตูตีไข่แตก 1-2 อัศวินสีส้มมีโอกาสยิงเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังไม่เข้ากรอบด้วย ด้วยรูปเกมที่กำลังจะแพ้อยู่รอมร่อ ตามหลังอยู่ 0-2 กุนซือ หลุยส์ ฟานกัล ก็ตัดสินใจโยนไพ่ใบสุดท้ายแก้เกมด้วยการปรับมาเล่นระบบหลัง 4 พร้อมส่งดาวยิงหุ่นเสาโทรเลขลงมาหมายโจมตีลูกกลางอากาศ
ลุค เดอ ยอง 188 เซ็นติเมตร และ วุต เวกฮอร์สท์ 197 เซ็นติเมตร การลงสนามลงมาของกองหน้าสองรายนี้ พวกกับแท็กติกเบสิคง่ายๆ นั่นก็คือเน้นลูกบอมบ์กลางอากาศ ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆด้วย เพราะเป็น เวกฮอร์สท์ ที่แหละที่โขกประตูความหวังไล่มา 1-2 น.83
หลังจากนั้นผู้เล่นฟ้า-ขาว ก็รวนขึ้นมาทันที เพราะมีจังหวะเกมที่รุนแรงขึ้น หวดบอลสะเปะสะปะ ซึ่งประตูตีเสมอ 2-2 น.90+10 ผู้เล่นอาร์เจนติน่า ก็ทำฟาวล์หน้าเขตโทษแบบไม่จำเป็น จนโดนลูกสูตรฟรีคิกง่ายๆแต่เยือกเย็น เตอัน คุปไมเนอร์ส จ่ายเรียดๆมาให้ วุต เวกฮอร์สท์ เจ้าเก่าจับบอลนิ่งๆเนียนๆแล้วพลิกยิงเข้าไป
การกลับจากนรกที่กำลังจะแพ้ 0-2 ได้ นอกจากจะชื่นชมการแก้เกมเบสิคง่ายๆของ หลุยส์ ฟานกัล แต่ได้ผลดีนักแลแล้ว ยังต้องปรบมือให้กับ นักเตะฟรายอิ้ง ดัตช์แมน กับประตูตีเสมอ 2-2 ที่เล่นกันได้นิ่งเหลือเกินกับลูกสูตรช่วงนาทีสุดท้ายของเกม เพราะถ้าพลาดไปยิงไม่เข้าจังหวะดังกล่าว ก็แพ้ตกรอบไปเลย
เรื่องจุดโทษต้องยกให้ มาร์ติเนซ
แม้ตลอดทั้งเกมกับเนเธอร์แลนด์ เมื่อคืน เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ที่โดนส่องยิงเข้ากรอบเพียง2ครั้ง และก็เสียทั้งสองประตู จะไม่มีจังหวะเซฟในช่วงเวลาปรกติและต่อเวลาพิเศษเลย แต่ทว่าช่วงเวลาโชว์ของนายด่านจาก แอสตัน วิลล่า ก็มาถึง
ในการดวลเป้า พิษสง ความหนึบ และจิตวิทยา การก่อกวนประสาทของ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นั้นเป็นที่รู้จักสรรพคุณกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะแชมป์ โคปา อเมริกา 2021 โกลวัย30ปี โชว์ความเหนียวในเกมรอบรองชนะเลิศกับโคลัมเบีย มาแล้ว
2ลูกแรกของเนเธอร์แลนด์ โดยผู้สังหารอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ สตีเฟ่น เบิร์กเฮาส์ โดน " เอมี่ " เซฟ ได้ทั้งสองลูก ซึ่งการเซฟของ มาร์ติเนซ ถือว่าเยือกเย็นมากๆ เพราะไม่ใช่การเดาทางไปก่อน แต่อ่านจังหวะรอจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของคนยิง พุ่งไปเซฟได้อย่างสุดยอด
ซึ่งการดวลเป้าเอาชนะ เนเธอร์แลนด์ ไปได้ 4-3 เมื่อคืน ส่งผลให้ ทัพ ฟ้า-ขาว ทำสถิติเอาชนะการดวลจุดโทษคู่แข่งได้มากที่สุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย นั่นก็คือ5ครั้ง
นอกจากนี้แล้วความปราชัยของ ฮอลแลนด์ ต่อ อาร์เจนติน่า ในการดวลจุดโทษ ก็ยังซ้ำรอยเดิม ในปี2014 รอบรองชนะเลิศอีกด้วย เพราะหนนั้น ทีมสีส้ม แพ้ไปในการดวลเป้า 2-4 และคนยิงจุดโทษคนแรกของพวกเขาก็พลาดไปก่อนเหมือนกันกับ ฟาน ไคด์ นั่นก็คือ รอน ฟลาร์
เกมโหด คนเดือด ใบเหลืองปลิวว่อน ทั้งนักเตะและสต๊าฟโค้ช
ทีมจากอเมริกาใต้ ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของ การเล่นแรงเล่นตุกติกนอกเกม โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่บีบคั้น บีบหัวใจ รอบน็อกเอ้าท์สำคัญๆ โดยตลอดทั้งเกม เราได้เห็นจังหวะฟาวล์ หยุดๆอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อบอลไปอยู่กับ ลิโอเนล เมสซี่
ยิ่งช่วงที่อัศวินสีส้ม ไล่มาเป็น1-2 แนวรับรวมถึงผู้เล่นทัพ อาเจนไตน์ ดูลุกลี้ลูกลน เข้าบอลหนัก ทำฟาวล์ เป็นว่าเล่นโดยเฉพาะในรายของ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ที่ทำได้ดีมาตลอดทั้งเกม แต่มาน็อตหลุดช่วงท้ายๆ และเป็นคนเสียฟาวล์จังหวะที่ โดนประตู2-2 อีกด้วย
ว่ากันว่าชนวนความรุนแรงเริ่มมาจากช็อตที่ เลอันโดร ปาเรเดส เจตนาหวดบอลไปตรงซุ้มผู้เล่นม้านั่งสำรอง จนผู้เล่นเนเธอร์แลนด์ พร้อมใจกันกรูเข้ามาเอาเรื่อง และจบลงที่ความชุลมุน ฟาน ไดค์ ไปกระแทก ปาเรเดส ล้มลง
รวมนับไปจนถึงช่วงการดวลจุดโทษ มีผู้เล่นของทั้งสองฝั่ง โดนใบเหลืองรวมกันมากถึง15ใบ ขณะผู้ช่วยสต๊าฟอาร์เจนติน่า อย่าง วอลเตอร์ ซามูเอล ยังโดนใบเหลืองไปกับเขาด้วย มีจังหวะฟาวล์เกิดขึ้นตลอด120นาทีถึง 48ครั้ง
รวมไปจนถึงช่วงที่ดวลเป้าเสร็จ ลิโอเนล เมสซี่ และ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ เข้าไปตอบโต้ หลุยส์ ฟานกัล รวมถึง วุต เวกฮอร์สท์ ในเรื่องของการดวลจุดโทษอีกด้วย
มิหนำซ้ำช็อตที่คนสุดท้ายของอาร์เจนติน่า อย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ สังหารจุดโทษส่งทีมเข้ารอบ กล้องยังได้จับภาพนิ่ง ว่ามีนักเตะอาร์เจนไตน์ ไปเยาะเย้ยแข้งเนเธอร์แลนด์อีกด้วย โดยเฉพาะในรายของ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ที่ทำมือป้องหูส่งสารไปที่ เวกฮอร์สท์
- คอลัมน์นิสต์
- 261
- 10 ธ.ค. 2565 17:28