สมราคาราชันแห่งยุโรป ! ชุดขาว โคตรเก๋า เชือดหงส์ 1-0 วินิซิอุส ฮีโร่
สุดๆจริงๆสำหรับ เรอัล มาดริด กับการผงาดคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 14ได้สำเร็จ แม้ก่อนเกมพวกเขาจะดูเป็นรอง ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก ทั้งในมุมมองของกูรูนักวิเคราะห์ และมุมมองของบ่อนพนันถูกกฎหมายที่ออกราคาให้ทีมหงส์แดง เป็นต่ออยู่ครึ่งเสาไฟฟ้า แต่ทว่า ขุนพลราชันชุดขาวก็อาศัยความเก๋า ความเจนจัดในเวทียุโรป เบียดเอาชนะคว้าแชมป์ไป 1-0
วินิซิอุส จูเนียร์ จากแข้งวัยรุ่นที่ใช้โอกาสเปลือง เลี้ยงบอลอย่างไร้จุดหมาย พัฒนาขึ้นมาเป็นดาวเตะโคตรอันตราย ภายใต้การดูแล ของ คาร์โล อันเชล็อตติ และสุดท้ายก็เป็นวันเดอร์คิดชาวบราซิลรายนี้แหละ ที่เป็นฮีโร่ ซัดประตูชัยให้ทีม น.59
รูปเกมต้องบอกเลยว่า เป็นลิเวอร์พูล ที่ครองบอลเยอะกว่า สร้างสรรค์โอกาสทำประตูได้มากกว่า 45นาทีแรก เรอัล มาดริด ไม่มีโอกาสทำประตูเลยแม้แต่หนเดียว มีแค่จังหวะที่ คาริม เบนเซม่า ส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย แต่ทว่าถูกจับเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน
โอกาสยิง 15 ต่อ2 นี่คือความห่างในการสร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ระหว่าง หงส์แดง กับ ราชันชุดขาว แต่ถ้ามองในเรื่องของรูปเกมและแท็กติกที่วางไว้ ต้องบอกเลยว่า " พี่แจ้ " วางแผนมาได้ดีมากๆ และนักเตะทุกคนก็ตอบสนองแท็กติกได้เป็นอย่างดี ไม่มีแตกแถวมีวินัยสุดๆ
ทัพ โลส บลังโกส เล่นได้อย่างไร้ที่ติด ในรูปแบบแผนวิธีการเล่นของตัวเอง แดนกลางแก้เกมเพรสซิ่ง ที่เหมือนฉลามคาวเลือดได้อย่างไม่ลนลาน คาร์เซมิโร่ - ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส เก๋าเกมและจ่ายบอลแกะบอลในพื้นที่แคบๆได้เนียนตาจริงๆ
ดาเนี่ยล การ์บาฆาล ที่เหมือนจะดับไปแล้ว แต่ก็มาเป็นคนละคนอีกครั้ง ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ และครองตำแหน่งแบ็กขาตัวจริง เกมนี้แบ็กชาวสเปนจัดการเกมรุกริมเส้นของ ลิเวอร์พูล ได้อย่างอยู่หมัด ทั้งจาก หลุยส์ ดิอาซ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ไม่เปิดพื้นที่ให้สองแข้งชาวอังกฤษ และ โคลัมเบีย ผ่านง่ายๆ
ส่วน แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ของเกมที่ไม่พูดถึงก็คนไม่ได้เลยนั่นก็คือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่วันที่สวมวิญญาณปลาหมึกเข้าสิง หยุดลูกยิงอันตรายของลิเวอร์พูล ได้หลายหน โดยเฉพาะช็อตเชฟมุมแคบของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ช่วงท้ายเกม โกลชาวเบลเยี่ยมรายนี้ เซฟลูกยิงตรงกรอบได้ถึง 9ครั้งด้วยกัน
ทางด้านของ โม ซาลาห์ ที่เป็นตัวความหวังสูงสุดของทีมนัดนี้ " บังโม " เหมือนจะผิดฟอร์มและกดดันตัวเองไปหน่อย อาจจะด้วยที่ประเด็นที่เจ้าตัวไปให้ สัมภาษณ์ก่อนนัดชิงว่ามีความต้องการอยากล้างแค้นกับความผิดหวังเมื่อปี 2018 จนเกิดเป็นสงครามจิตวิทยาก่อนเกมจากนักเตะทั้งสองฝั่ง
ฤดูกาล 2021-2022นี้ แม้ ลิเวอร์พูล จะพลาดการทำ4แชมป์ ชวดโทรฟี่ใบใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกไป แต่ทว่าพวกเขาก็ยังเป็นแชมป์บอลถ้วยในประเทศอย่าง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ และด้วยขุมกำลังตัวผู้เล่นชุดปัจจุบัน บวกผู้จัดการทีมที่เป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ ทีมเครื่องจักรสีแดงจะยังลุ้นแชมป์ทุกรายการที่ลงกรำศึกแน่
กูร์กตัวส์ โกลระดับโลกที่ถูกพูดถึงน้อยเกินไป
เหมือนจะมีปัญหาพอสมควรในปีแรกที่ย้ายจาก เซลซี มา เรอัล มาดริด เมื่อปี 2018 แต่ทว่าหลังจากนั้น โกลชาวเบลเยี่ยม รายนี้ก็โชว์ฟอร์มหนึบตุ๊กแกเรียกพี่มาโดยตลอด โดยเฉพาะในนัดชิงชนะเลิศ กับ ลิเวอร์พูล เมื่อคืน
ติโบ กูร์กตัวส์ ในเกมชิงดำยูซีแอล เราสามารถให้คะแนน 10เต็ม10 กับผู้รักษาประตูร่างโย่งรายนี้ได้เลย เพราะหยุดลูกยิงตรงกรอบของ ลิเวอร์พูลได้ถึง 9ครั้ง และมีลูกเซฟมหัศจรรย์ 2ช็อตเน้นๆ กับการปัดลูกยิงในเขตโทษแบบน่าเข้าสุดๆของ ซาลาห์ และ มาเน่
ช็อตเชฟของ กูร์กตัวส์ เรียกกำลังใจจากแนวรับเพื่อนร่วมทีมเป็นอย่างมาก เราจึงได้เห็นทั้ง เอแดร์ มิลิเตา - ดาบิด อลาบา เข้ามาสวมกอดเป็นการใหญ่ หลังหยุดลูกยิงสำคัญๆยากๆได้ ซีซั่นนี้ โกลชาวเบลเยี่ยมเก็บไปได้ถึง 22 คลีนชีตด้วยกันรวมทุกรายการ
อีกหนึ่งสิ่งที่ ติโบ กูร์กตัวส์ ทำได้ดีมากๆนอกจากการเซฟนั่นก็คือ สมาธิระหว่างเกม การยืนถูกที่ถูกตำแหน่ง รวมไปจนการจัดระเบียบในแนวรับให้เสียงกับแผงแบ็กโฟร์ และการออกมาตัดบอลคว้าบอลลูกกลางอากาศที่ไม่มีกระฉอกให้เห็น
หลังจบเกมนัดชิงดังกล่าว กูร์กตัวส์ ก็ได้ออกมาพูดตอบโต้ สื่ออังกฤษ ที่ค่อนข้างมั่นใจว่าลิเวอร์พูล จะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ไปในทำนองว่า " วันนี้ผมต้องชนะในนัดชิง เมื่ออาชีพนักฟุตบอลของผม เพื่อการทำงานหนักตลอดมา เมื่อเป็นเกียรติให้กับตัวเอง "
" ผมมองว่าตัวผมเองไม่ค่อยได้รับความเคารพเท่าไหร่ ที่อังกฤษ (สมัยอยู่กับเซลซี) ผมโดนวิจารณ์มากมายแม้จะมีซีซั่นที่ยอดเยี่ยม (คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก) ว่าผมยังดีไม่พอ ตอนนี้ผมมีความสุขและภูมิใจจริงๆ "
การ์บาฆาล เก็บ ดิอาซ ใส่กระเป๋า แนวรับยอดเยี่ยมทั้งแผง
ก่อนที่ คาร์โล อันเชล็อตติ มาคุมทีม ดานี่ยล การ์บาฆาล แทบจะเป็นตัวสำรองถาวรไปเลย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่การมาของกุนซือชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ ทำให้แบ็กขวาชาวสเปนกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง และกลับมาเป็น11ผู้เล่นตัวจริงของทีม
เกมนัดชิงดำสุดสำคัญนี้ การ์บาฆาล ได้รับหน้าที่ตัวจริงแบ็กฝั่งขวา คอยจัดการผู้เล่นหน้าใหม่สุดจี๊ดของลิเวอร์พูล อย่าง หลุยส์ ดิอาซ และแบ็กซ้ายปอดเหล็กเติมไม่มีวันหมดอย่าง โรเบิร์ตสัน ภาพรวมต้องบอกเลยว่าแบ็กชาวสเปนรายนี้เอาอยู่มากๆ
จังหวะเข้าบอล เต็มไปด้วยความหนักหน่วงรุนแรง สู้ในทุกๆจังหวะการดวลเดี่ยว กาบาฆาล มีสถิติเข้าแท็กเกิ้ล 4ครั้ง - ตัดบอลได้ 2ครั้ง - เคลียร์บอล3ครั้ง - บล็อกลูกยิง 2หน อย่างไรก็ตามนอกจากแบ็กแดนกระทิงดุแล้ว ก็ต้องชื่นชมแผงแบ็กโฟร์คนอื่นๆ ด้วย
เอแดร์ มิลิเตา ที่ถูกคาดการณ์กันว่าจะเป็นบ่อน้ำมันในเกมนี้ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเล่นได้ดีและเหนียวแน่นสุดๆ เคลียร์บอลจังหวะสุดท้ายอันตรายได้ตลอด เด่นกว่า ดาบิด อลาบา ด้วยซ้ำ กองหลังชาวบราซิลรายนี้ เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้ถึง4ครั้ง - ตัดบอลได้3ครั้ง - บล็อกลูกยิงได้ 2หน
ทางฝั่งแบ็กซ้ายที่ดูตื่นๆหน่อยอย่าง แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ปล่อยให้ ซาลาห์ หลุดไปบางจังหวะ แต่ภาพรวมตลอด90นาทีก็นิ่งไม่น้อย ไม่ทำตัวเป็นจุดอ่อนบ่อน้ำมัน หยุดทั้ง เทรนต์ และ บังโม จังหวะชี้เป็นชี้ตายได้
เบนเซม่า คู่ควร บัลลง ดอร์ แบบไร้ข้อโต้แย้ง
แม้จะไม่มีสกอร์มาฝากแฟนราชันชุดขาวในนัดชิง รวมไปจนถึงค่อนข้างเงียบมากๆ เพราะบอลไม่ค่อยมาถึงตัว หรือเวลาที่ได้บอล คาริม เบนเซม่า ก็มักจะอยู่ห่างจากกรอบเขตโทษมากไปหน่อย ต้องมาคอยล้วงบอลทำชิ่ง กับ วินิซิอุส
โอเคอาจจะด้วยแท็กติกการเล่น ที่ต้องทำแบบนี้กับการดวลกับลิเวอร์พูลที่มีเกมรุกดุดันกระซวกไส้ เล่นฟุตบอลบุกแบบ เอฟวี่ เมทัล จนฝั่งตรงข้ามหายใจแทบไม่ทัน ทำให้ เบนเซม่า ต้องลงต่ำมาเชื่อมเกมในแดนกลางหรือทำชิ่ง กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ค่อยขยับเคลื่อนไปในเขตโทษ
แม้จะยิงประตูเข้าไป แต่ คาริม เบนเซม่า ก็มาโดนยึดประตูคืนจากการตัดสินกฎ VAR ที่งงๆและซับซ้อน ข้อดีชัดๆ ของ " เฮียเบ๊นซ์ " เมื่อคืนก็คือ ความนิ่งในการเล่นฟุตบอล เสียบอลยากเวลาโดนบีบหรือเพรสซิ่ง ยังส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ตลอด ในจังหวะที่โดนรุมกดดัน
บางช่วงที่เกมเริ่มเดือดเริ่มชุลมุน หรือตอนที่ เรอัล มาดริด ขึ้นนำ 1-0 เราได้เห็น เบนเซม่า เข้าไปคุยกับ วินิซิอุส เพื่อบอกแนวทางการเล่น หรืออาจเตือนให้ ดาวเตะรุ่นน้องไม่ไหลไปกับจังหวะของเกม
หอกจอมเก๋าวัย34ปี ผลิตสกอร์จนเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีม เดินทางตีตั๋วมาจนถึงนัดชิงดำ ทั้งเกมกับ เปแอชเช ที่กดดัน จานลุยจิ ดอนนารุมมา จนพลาด ลูกโขกสุดสวยสายฝนต้องคาราวะกับเซลซี ลูกจุดโทษสุดเยือกเย็น2นัดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ฤดูกาล 2021-2022นี้ มี2แชมป์ใหญ่ติดมือนั่นก็คือ ลาลีก้า และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก บวกผลงาน 44ประตูจาก 46นัดรวมทุกรายการ (รวมถึงการเป็นดาวซัลโวยูซีแอล) น่าจะไม่มีอะไรพลิกล็อคแล้วว่า เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ ปี 2022 ผู้ที่ได้ไปครอบครองจะเป็น คาริม เบนเซม่า
ซาลาห์ กดดันตัวเองมากไป
จะว่าไป บังโม ก็ดูจะฟอร์มถล่มตาข่ายดร็อปลงไปจริงๆนะ นับตั้งแต่กลับมาจาก แอฟริกัน เนชั่นคัพ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนอกสนามเกี่ยวกับการต่อสัญญาค่าเหนื่อยอะไรรึเปล่า ความหวังในแนวรุกช่วงท้ายฤดูกาลมักจะเป็นของ ซาดิโอ มาเน่ และ หลุยส์ ดิอาซ แทน
หลังจบเกมที่บุกไปเอาชนะ บียาร์เรอัล 3-2 แล้วผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดูจะใจจดใจจ่ออยู่ไม่น้อย กับการล้างแค้น เรอัล มาดริด ที่เขาเคยพลาดท่าให้ในปี 2008 แถมยังไหล่หลุดจนถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ 45นาทีแรกด้วยซ้ำ
คำพูดของ ซาลาห์ ทำให้กลายเป็นชนวนสงครามน้ำลายนอกสนาม ของนักเตะทั้งสองฝั่งออกมาตอบโต้คารมณ์กันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ติโบ กูร์กตัวส์ - เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ ที่ออกมาพูดถึง สตาร์ชาวอียิปต์ว่า ดูจะมั่นใจไปหน่อยว่าหงส์แดงจะได้แชมป์ และพูดจาเหมือนเป็นการไม่ให้เปรียบ เรอัล มาดริด ไปหน่อย
ส่วนเกมนัดชิงที่ สต๊าด เดอ ฟร๊องซ์ เป็นแมตช์ที่ ซาลาห์ ไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย มีโอกาสซัดเข้ากรอบมากถึง6ครั้ง แต่ทว่าไม่ผ่านมือของ กูร์กตัวส์ ที่วันนี้สวมวิญญาณปลาหมกยักษ์เข้าร่าง แต่ทว่าจุดที่น่าสนใจของ แข้งชาวอียิปต์รายนี้คือ
บางจังหวะ ซาลาห์ ดูจะฝืนและเกร็งตั้งใจไปเองคนเดียวมากไปหน่อย อาจจะด้วยความกดดันจากคำพูดของตัวเองเรื่องการล้างแค้นก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามดาวเตะคนสำคัญของหงส์แดงรายนี้ ก็มีผลงานภาพรวมที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยเมื่อกดไปได้ถึง 31ประตู รวมทุกรายการ มีแชมป์ เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เป็นรางวัล ปลอบใจ
เรอัล มาดริด ถ้วยนี้ข้อข้า ! อันเชล็อตติ ยอดโค้ช
ถ้าจะให้เทียบชุดตัวผู้เล่นตำแหน่งต่อตำแหน่ง กับ ชุดที่คว้าแชมป์ 4สมัยมาก่อนหน้า ต้องบอกได้เลยว่า นี่คือชุดที่ตัวผู้เล่น มาดริด ดูจะขี้เหร่ที่สุดเลยก็ว่าได้
พวกเขาไม่มี เซร์คิโอ รามอส - ราฟาแอล วาราน - คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ส่วนคนอื่นๆที่เคยเป็นกำลังสำคัญก็กลายเป็นตัวสำรองอย่าง มาร์เชโล่ -แกเร็ธ เบล
ยังไม่นับรวมถึง ทรีโอ้ กองกลางอย่าง คาเซมิโร่ (30ปี) - โทนี่ โครส (32ปี) และ ลูก้า โมดริช (37) แม้จะยังใช้ได้ มีความเขี้ยว ความเก๋า เจนเวที แบบสุดๆ แต่ทว่าเรื่องความสด ความฟิตปั๋ง ก็ลดน้อยลงไปตามระยะเวลาและอายุที่มากขึ้น เช่นกัน
แต่ทว่า เรอัล มาดริด ก็ยังคงสวมวิญญาณเป็นเจ้าแห่งยุโรปอยู่วันยังค่ำ เป็นถ้วยรายการที่พวกเขาเหมือนมีพลังพิเศษ ความฮึกเหิมมากขึ้นทุกครั้งเวลาได้ลงสนาม พลพรรค โลส บลังโกส คว้าแชมป์สมัยที่14 ด้วยการปราบทีมระดับพระกาฬมาทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น
เปแอชเช ในรอบ 16ทีมสุดท้าย และกำราบทีมอันดับ 1-3 พรีเมียร์ลีกคว่ำหมดทั้ง เซลซี - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเซลซี เถลิงแชมป์ ยุโรปได้สำเร็จ สมัยที่14 ทิ้งห่างทีมอันดับ2 อย่างเอซี มิลาน ที่ได้ไป7ครั้งอย่างขาดลอยเช้าไปอีก
ส่วน คาร์โล อันเชล็อตติ ถึงแม้จะถูกค่อนขอดว่าเสียรังวัดไปพอสมควรกับการไปคุมเอฟเวอร์ตัน และการรีเทิร์นกลับมาคุมบังเหียนราชันชุดขาวครั้งนี้ เป็นชุดนักเตะที่แทบจะขี้เหร่ที่สุดในรอบ 4-5ปีหลัง แต่ทว่า " อันเช่ " ก็ยังตอกย้ำความเป็นยอดโค้ช ด้วยการพาทีมจบดับเบิ้ลแชมป์ ลาลีก้า และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ
โดย " พี่แจ้ " ยังสร้างสถิติเป็นกุนซือที่พาทีมเข้าชิง ยูซีแอล ได้มากที่สุด5ครั้ง และคว้าแชมป์ถ้วยดังกล่าว ได้มากที่ชุดเช่นกัน4หน นอกจากที่ อันเชล็อตติ ยังมีอีกสถิติที่สุดติ่งกระดิ่งแมวเช่นกัน นั้นก็คือ การเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่คว้าแชมป์ 5ลีกใหญ่ยุโรปทั้ง พรีเมียร์ลีก - ลาลีก้า - เรอัล มาดริด - ลีก เอิง และ บุนเดสลีก้า
- คอลัมน์นิสต์
- 673
- 29 พ.ค. 2565 16:18