ยินดีต้อนรับยูโรป้า ! คุยหลังเกมไลป์ซิกตบผีตกรอบ3-2
เหมือนจะมีอาการไบโพลาร์ไปแล้วสำหรับแฟนบอลทีมปีศาจแดง หลังจากที่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพึ่งพากันกระดี๊กระด๊าโชว์ฟอร์ม “คิง ออฟ คัมแบ็ก” แซงเอาชนะเวสต์แฮม 3-1แต่เกมในนัดสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เป็นศึกชี้ชะตาว่าจะผ่านเข้ารอบ16ทีมต่อไปหรือไม่ พลพรรรค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับบุกไปพ่าย แอร์เบ ไลป์ซิก ถึงเยอรมัน3-2 ซะงั้น
สถานการณ์ก่อนเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กุมความได้เปรียบไว้ในมืออยู่พอสมควร พวกเขาสามารถดีไซต์เลือกผลการแข่งขันหรือวิธีการเล่นได้ ขอเพียงแค่ห้ามแพ้ให้กับทีมกระทิงแดงหนุ่มจากเยอรมัน ก็จะกรุยทางผ่านเข้าไปเล่นรอบน็อกเอ้าท์ได้สำเร็จ แต่ผลลัพธ์90นาทีที่ เร้ดบลูด์ อารีน่า เมื่อคืน ด้วยแท็กติกที่พลาดและความประมาทเลินเล่อส่วนบุคคล ส่งผลให้ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ร่วงหล่นลงไปเล่นในเวทีของวันพฤหัสบดีอย่าง ยูโรป้าลีก
ความปราชัยของปีศาจแดง ครั้นจะให้โทษกุนซือชาวนอร์เวย์รวมถึงนักเตะก็คงจะไม่ยุติธรรมหรืออคติมากไปนัก เราต้องให้เครดิตกับโค้ชหนุ่มอย่าง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ด้วย ที่วางแผนรูปแบบการเล่นรวมถึงแท็กติก การฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของผู้มาเยือนได้อย่างชาญฉลาด ทั้งที่ทรัพยากรตัวผู้เล่นไลป์ซิกไม่ได้มีดาวดังคนพิเศษอะไร เฮดโค้ชวัย33ปี ถือว่าเป็นเชฟในเรื่องฟุตบอล เพราะปรุงแต่งเลือกสรร วัตถุดิบจากนักเตะที่มีอย่างจำกัดได้เป็นอย่างดี
คุณจะคัมแบ็กไม่ได้ทุกนัด
การตามหลังคู่แข่งไปก่อนและสามารถพลิกนรกโกงความตายจากซาตานมาคว้าชัยได้ ถือเป็นเรื่องที่โสภาอภิรัมย์ใจยิ่งนัก แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะเป็น คิง ออฟ คัมแบ็ก ได้ในทุกๆนัด การคัมแบ็กนั้นหมายถึง การที่คุณต้องตกเป็นรองคู่แข่งไปก่อน มันอาจสะท้อนถึงแท็กติกหรือวิธีการเล่นที่ผิดพลาด หรือรวมถึงความประมาทเสียสมาธิของแข้งนักเตะเองอีกด้วย
20นาทีแรกไลป์ซิก ฉกฉวยโอกาสยิงขึ้นนำไปก่อน2-0 นั่นทำให้สถานการณ์ของปีศาจแดงคับขันโคม่าเข้าไปอีก สถิติคัมแบ็กชนะคู่แข่งในเกมเยือน5นัดติดต่อกันหลังจากที่ตามหลังไปก่อนในพรีเมียร์ลีก ไม่สามารถนำมาใช้ได้ในเวทีถ้วยใบใหญ่ของยุโรปในนัดนี้ ยิ่งมาเจอลูกยิง3-0ของ จัสติน ไคลเวิร์ต ยิ่งทำให้กลายเป็นงานยากสาหัสสากรรจ์ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก แม้ว่าจะยิงตีคืนมาได้2ประตู แต่มันก็แทบจะสายเกินไปเสียแล้ว
คงจะดีกว่านี้ถ้าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่ต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องคัมแบ็กกลับมาชนะทุกครั้ง แต่เป็นสถานการณ์ที่ตัวเองสามารถคอนโทรลเกมได้ ถือความได้เปรียบไว้ในกำมือ ค่ำคืนวันอังคารที่เยอรมัน คือบทเรียนราคาแพงที่ โซลชา และนักเตะทัพอสูรแดง ต้องรับผิดชอบกับราคาที่ต้องจ่ายกับเวทีที่ชื่อ ยูโรป้าลีก ร่วมกัน
นิว เดอะ ทิงเกอร์แมน โซลชา
เข้าใจว่าสถานการณ์ก่อนเกม แมนฯยู สามารถเล่นแค่เสมอก็จะผ่านเข้าไปรอบน็อกเอ้าท์ได้ แต่การเล่นเพื่อแชร์1แต้มเป็นอะไรที่ดูเหมือนง่ายแต่ที่จริงแล้วยากมากๆ แล้วมาดูการจัดตัวของน้าโอเล่ ที่มาในระบบ3เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ บวกกับการอัดมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ และ เนมานย่า มาติซ ลงไปถึง2คน เจตนาคือมาเล่นเพื่อยันเสมอ หรือไม่ก็มาเล่นเกมสวนกลับ
แต่ทว่าระบบหลัง3 ที่ว่ากันว่าเป็นระบบเกมรับที่ค่อนข้างรัดกุมที่สุดแล้วแล้ว เมื่อคืนแผงแนวรับของยูไนเต็ด กลับเล่นกันได้สับสน อลหม่าน นรกแตกโดยแท้จริง มีที่ไหนได้โดนไลป์ซิกยิงนำไปก่อน2-0ตั้งแต่13นาทีแรก การไม่เข้าใจแท็กติกวิธีการยืนในตำแหน่งหลัง3 รวมถึงรูปแบบแผนการเล่นที่ไม่ค่อยคุ้นชินมากนัก เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ทีมต้องตกที่นั่งลำบาก
เข้าใจว่านี่คือเกมที่ชี้เป็นชี้ตาย แต่ด้วยคุณภาพตัวผู้เล่นชื่อชั้นดีกรีต่างๆ โซลชา ไม่จำเป็นต้องกลัวทีมพลังหนุ่มจากเยอรมันเลย น้าลูกอมน่าจะเลือกใช้แผนการเล่นในแบบที่เป็นธรรมชาติของทีม นั่นคือการเล่นเกมรุกระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-4-2 แบบไดมอนด์ก็ว่ากันไป เล่นระบบที่ตัวเองคุ้นเคยเพื่อไม่ให้ฝืนธรรมชาติในการเล่น เพราะถ้าคุณเลือกเล่นเกมรับรัดกุมแล้วแพ้หรือได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ คุณจะโดนแฟนบอลด่าเป็นสองเท่า
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนเกม อดีตเพชฌฆาตหน้าทารก ทำในสิ่งที่แฟนบอลต้องงงเป็นไก่ตาแตกไปตามๆกัน นั่นคือการเปลี่ยนเอา วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ อารอน วาน-บิซซาก้า ออก มองเผินๆดูเหมือนจะเข้าท่ากับการเปลี่ยนเอาผู้เล่นในแนวรับออก ในสถานการณ์ที่ทีมต้องการทวงประตูคืน แต่ผู้เล่นที่เข้ามาแทนกลับกลายเป็น อั๊กเซล ตวนเซเบ้ และ ทีโมธี โฟซู-เมนซาห์ ซึ่งก็เป็นกองหลังทั้งคู่ เรามักจะไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนตัวที่อินดี้แบบนี้นัก ในสถานการณ์ที่ทีมทีมหนึ่งต้องการทวงเอาประตูคืนจากคู่แข่ง
แนวรับยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่
นอกจากแท็กติกที่ผิดพลาดแล้ว สมาธิรวมถึงความประมาทของผู้เล่นในแนวรับของปีศาจแดงก็มีส่วนสำคัญที่ต้องรับผิดชอบกับผลงานห่วยๆของทีมร่วมกัน 2ประตูแรก จะโทษ อารอน วาน-บิซซาก้า คนเดียวก็คงไม่ได้ แม้ตามความเป็นจริงแบ็กขวาเจ้าของฉายาไอ้แมงมุม จะต้องรับไปเต็มๆ กับการหลุดตำแหน่งประกบห่างจนทำให้ อันเคลินโญ่ ได้โอกาสเติมขึ้นมาตะบันเหน่งๆ
อีกคนที่ควรตำหนิเลยก็คือลูก2-0 ลุค ชอว์ ที่หลุดตำแหน่ง(ตามเคย) จนทำให้ อเล็กซ์ เตลลิส ต้องหุบเข้ามาข้างในตาม แล้วเปิดพื้นที่ของเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายให้ อมาดู ไฮดาร่า สอดเข้ามาแปเน้นๆไม่เหลือ ส่วนลูก3ทั้ง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ ดาบิด เดเคอา เหมือนจะกั๊กๆสื่อสารกันไม่ดี รับผิดชอบไปทั้งคู่
การเล่นในระบบเซ็นเตอร์3ตัว เป็นแผนที่แนวรับต้องแม่นเรื่องการยืนตำแหน่ง รวมถึงต้องสื่อสารกันให้ดีให้เข้าใจซึ่งกันและกันเป็นอย่างมาก เพราะเวลามีหนึ่งคนหลุดตำแหน่ง อีกหนึ่งคนต้องคอยไปตามซ้อนให้ตลอด และเมื่อเกิดช่องว่างระหว่างการยืนตำแหน่งจะทำให้คู่ต่อสู้เลือกโจมตีได้ นัดนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ตาแล้วว่า แนวรับ เดอะ เร้ดเดวิลส์ ไม่เนี๊ยบเก็บงานละเอียดมากพอในการเล่นติดตั้งระบบหลัง3
นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มที่แท็กติกเกินอายุ
ช่วง1-2ปีที่ผ่านมา ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ คือหนึ่งในชื่อผู้จัดการทีมที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ในวงการลูกหนัง ทั้งจากสมัยที่คุมทัพฮอฟเฟ่นไฮม์ มาจนถึงปัจจุบันไลป์ซิก โค้ชหนุ่มวัย33ปีนำลูกทีมต่อกรกับมหาอำนาจลูกหนังเมืองเบียร์อย่าง บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้อย่างถึงพริกถึงขิง
ฤดูกาลที่แล้วนาเกลส์มัน พาทีมกระทิงหนุ่ม ทะลุเข้าไปเล่นได้ไกลถึงรอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ส่วนในฤดูกาลนี้ยอดโค้ชชาวเยอรมัน ยังสานต่อผลงานที่ยอดเยี่ยม พาทีมเกาะกลุ่มบนหัวตารางบุนเดสลีก้า รั้งอันดับ3ของตารางคะแนน ตามหลังจ่าฝูงอย่าง บาเยิร์น มิวนิค เพียงแค่2แต้มเท่านั้น
ส่วนเกมเมื่อคืน ยูเลี่ยน นาเกลส์มัน เหมือนจะเก็บความโกรธคับแค้นใจไว้เต็มอกกับนัดแรก ที่บุกไปพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบหาทางกลับบ้านไม่ถูก0-5 มาถอนแค้นเอาคืนที่บ้านตัวเอง3-2 ถีบทีมปีศาจแดงลงไปเล่นถ้วยยูโรป้าลีก
ในเรื่องของแท็กติก อดีตกุนซือฮอฟเฟ่นไฮม์ ใช้เกมเพรชซิ่ง บีบบอลเร็วเข้าหาผู้เล่นแมนฯยู จนทำอะไรไม่ถนัด แถมยังลักพาตัว บรูโน่ แฟร์นันเดซ ออกจากเกมได้ รวมถึงฉวยโอกาสโจมตีแผงเซ็นเตอร์แบ็ก3คน ที่ไม่ค่อยเข้าใจแท็กติกบทบาทการยืนตำแหน่งได้อย่างสาสม แม้ว่าเมื่อไล่เลียงดูรายชื่อแล้วผู้เล่นแต่ละคนของไลป์ซิก แม้จะไม่ได้เป็นนักเตะเกรดสตาร์เด่นดาวดังอะไร ทรัพยากรผู้เล่นค่อนข้างจำกัดด้วยซ้ำ แต่นาเกลส์มันก็หารูปแบบวิธีการเล่นที่ดึงเอาศักยภาพนักเตะออกมาได้อย่างเต็มความสามารถไร้ที่ติ
ไม่แน่อีก3-4ปีข้างหน้า เราอาจได้เห็นชื่อ ยูเลี่ยน นาเกลส์มัน กลายเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรระดับท็อปเวทียุโรปก็เป็นได้
...อาจารย์หลุยส์...
- คอลัมน์นิสต์
- 371
- 09 ธ.ค. 2563 15:52