รถบัสสีแดง ! คาร์ริค พาผี บุกแบ่งแต้ม สิงห์ 1-1 ซานโช่ ประเดิมพรีเมียร์
ก่อนเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่างจ่าฝูงเซลซี กับ แมสเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายๆคนรวมถึงสื่อหลายๆสำนัก ค่อนข้างเทน้ำหนักไปทางทีมเจ้าบ้าน ว่าจะสามารถโค่นเอาชนะปีศาจแดงไปได้แบบไม่ยากเย็นอะไร แต่ทว่าบทสรุป90นาทีถือว่าน่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย
ไมเคิ่ล คาร์ริค พาปีศาจแดงบุกมาแบ่งแต้มสำคัญกับทีมสิงห์น้ำเงิน หลังเจ๊ากันไป1-1 โดยพวกเขาเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนด้วยซ้ำจากลูกส้มหล่นของจอร์จินโญ่ แล้วก็เป็น เจดอน ซานโซ่ ที่ลากไปยิงแบบโล่งๆ 1-0 น.50
ซึ่งก่อนได้ประตูขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบจะโงหัวไม่ขึ้นเลย โดนทีมเจ้าบ้านเซลซี ที่กดพวกเขาให้ตั้งรับอยู่ตลอดเวลา ประตูขึ้นนำของซานโช่ มาจากโอกาสยิง ครั้งที่2ของพวกเขาเท่านั้น และเป็นการยิงตรงกรอบครั้งแรกของทีมอีกด้วย
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ1-0 เกมก็เหมือนจะเข้าทางยูไนเต็ด พอสมควรกับการเล่นเกมรับแล้วรอโต้กลับ แต่ทว่าก็เป็นความประมาทผสมความโชคร้ายของ อารอน วาน-บิสซาก้า ที่ไปเตะ ติอาโก้ ซิลวา ในเขตโทษ จากจังหวะพยายามเคลียร์บอล
จนผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ แล้วก็เป็นจอร์จินโญ่ แก้ตัวสังหารเข้าไปไม่พลาด 1-1 น.68 หลังจากนั้นเซลซี ก็พยายามปูพรมบุกข้างเดียวอีกครั้ง แต่ทว่าลูกทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ขาดความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้ายไปหน่อย โดยเฉพาะ ติโม แวร์เนอร์ ที่ดูจะทำอะไรขัดหูขัดตาไปเสียหมด
สุดท้ายผลจึงจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไป 1-1 ผลเจ๊านัดนี้ถือว่าเสียหายกับทีมสิงห์บูลส์อยู่ไม่น้อย เพราะคู่แข่งลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ต่างคว้าชัยได้ทั้งคู่ จากช่องว่าง 3และ4 ขยับ มาเหลือ 1และ2เท่านั้น
สิ่งที่น่าสนใจของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมนี้นั่นก็คือ การเล่นแท็กติกแบบรับเต็มตัว ใส่มิดฟิลด์ตัวรับจ๋าไปถึง3คน ไม่มีชื่อ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค (เป็นตัวสำรอง) รวมถึงการเลือกดร็อป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้เป็นตัวสำรองข้างสนาม ซึ่งตัวของ CR7 เหมือนจะเข้าใจดีกับสถานการณ์ดังกล่าว
ทางด้านเซลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล ต้องบอกว่าน่าเสียดายไม่น้อยที่ พวกเขาไม่สามารถเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋าได้เทียบกับโอกาสในการส่องประตูตลอดทั้งเกม ทั้งจาก ติโม แวร์เนอร์ - คัลลัม ฮัดสัน โอดอย รวมไปจนถึงช็อตสุดท้ายของเกมจาก อันโตนิโอ รูดิเกอร์
การดร็อป โรนัลโด้ ไว้บนม้านั่งสำรองของ คาร์ริค
ถือว่าพลิกโผ แหวกแนวทำในสิ่งที่ผู้คนไม่คาดคิดพอสมควร สำหรับการเลือดร็อป ดาวยิงหมายเลข1ของทีมอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไว้ข้างสนาม ตามแท็กติกของ ไมเคิ่ล คาร์ริค โดยอดีตกองกลางหมายเลข16รายนี้คงมองว่าในเกมกับเซลซี ที่เกมรับเหนียวแน่น ต้องใช้กองหน้าคู่ที่มีความเร็ว โจมตีเล่นงาน
โรนัลโด้ ที่กำลังจะ37อยู่รอมล่อ นั่นทำให้ คาร์ริค จึงเลือกใช้ เจดอน ซานโช่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงร่วมกัน โดยเชื่อว่าหากยูไนเต็ด ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีออกมา เป้าโจมตีต้องพุ่งมาที่เจ้าตัวแน่กับการเลือกดร็อป CR7
โดยก่อนเกมมีสถิติที่น่ากังวลไม่น้อยสำหรับ โรนัลโด้ เมื่อ15นัดที่ได้ดวลแข้งกับเซลซี เจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ 5สมัย รายนี้ ซัดประตูทีมสิงห์น้ำเงินได้เพียงแค่ 1ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็เกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2008
อีกหนึ่งจุดที่ คาร์ริค ทำขัดใจของแฟนบอลอยู่นิดหน่อย นั่นก็คือ การใส่มิดฟิลด์ตัวรับไปถึง3คน นั่นก็คือ เนมานย่า มาติช- สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ และ เฟร็ด ไร้เงาของแข้งนักเตะแฟนผีเชียร์อย่างแรงระยะหลังอย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามการเลือกของกุนซือรักษาการชั่วคราวผู้นี้ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการกลับมา 1แต้มกับทีมจ่าฝูง 2มิดฟิลด์ชาวเซิร์บ และบราซิล เล่นกันได้ดีทั้งคู่ในแง่ของเกมรับ แต่ทว่าการเชื่อมบอลไปข้างหน้ายังดูมีปัญหา ส่วนเจ้าหนู แม็คทอม ยังทำตัวน่าผิดหวังเหมือนเดิม
การดร็อป โรนัลโด้ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าคาร์ริค มีความกล้าหาญในการตัดสินใจพอสมควร กับการพักผู้เล่นระดับสตาร์ไว้ข้างสนาม แม้ผู้คนอาจมองว่าปอดแหกไปบ้าง กับการใส่มิดฟิลด์ตัวรับไปถึง3คน
แต่ทว่าการเจอกับทีมจ่าฝูงที่ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ สมดุล ทั้งรุกและรับอย่างเซลซี แท็กติกเล่นรถบัสสองชั้นก็คงไม่น่าเกลียดอะไร และก็การกลับออกมาจาก ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อม1แต้มสำคัญมันก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจไม่ใช่หรือ ?
วันที่ ไบยี่ และ ลินเดอเลิฟ ผีเข้า
โดยปรกติแล้วแค่เห็นชื่อตามหน้าสื่อหรือก่อนเกม แฟนบอลปีศาจแดง คงจะมีเสียวๆกันเล็กน้อย กับคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟในเกมนี้อย่าง เอริค ไบยี่ และ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ เนื่องจาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ยังติดโทษแบน แถม ราฟาเอล วาราน ก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ
ลินเดอเลิฟ และ ไบยี่ ที่ปรกติผีออก แต่ทว่า90นาทีที่ เดอะ บริดจ์ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาผีเข้าซะงั้น การบ็อกเคลียร์บอลในจังหวะสุดท้ายนี่คือสิ่งที่สองปราการหลังชาว ไอเวอรี่ โคสต์ และ สวีเดน ทำได้ดีในเกมนัดนี้
ไบยี่ ขอแก้ตัวจากความผิดพลาดทำเข้าประตูตัวเอง ในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ ด้วยการปักหลักอย่างมั่นคงในเกมกับเซลซี เซ็นเตอร์วัย27ปีรายนี้ ผ่อนหนักให้เป็นเบาหลายครั้ง
เข้าแท็กเกิ้ล ได้2ครั้ง รวมไปจนถึงเคลียร์บอลจังหวะอันตรายในเขตโทษได้ถึง 6ครา อยู่ถูกที่ถูกเวลาตลอดกับจังหวะบอลขลุกขลิกอันตรายในเขตโทษ
ส่วน "พี่เลิฟ " แม้จะดูน่าหวาดเสียวอยู่ไม่น้อยกับสไตล์การเล่นที่ชอบถอยตลอดเวลาโดนคู่แข่งจี้ แต่ทว่าเกมนี้ของเจ้าตัวก็ยอมเยี่ยมไม่เบาเลย ตามติด ติโม แวร์เนอร์ ในเขตโทษ รวมไปจนถึงไม่ทำพลาดกับจังหวะสกัดบอลเคลียร์บอลจากการครอสเข้ามาของผู้เล่นสิงห์บูลส์
ลินเดอเลิฟ ตัดบอลได้1ครั้ง เข้าบล็อกลูกยิงได้2ครั้ง และที่เด่นสุดๆคือเคลียร์บอลจังหวะอันตรายในเขตโทษได้ถึง 9หน แต่ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องโทษแบ็ก2ข้างของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า และ อเล็กซ์ เตลลิส ที่ปล่อยให้ผู้เล่นทีมเจ้าบ้านผ่านตลอด จนทำให้เซ็นเตอร์ต้องรับงานหนักกับลูกครอสด้านข้าง
พ่อมด ฮาคิม ซิเย็ค
เป็นแนวรุกที่มีสถานการณ์น่ากังวลพอสมควรสำหรับ ฮาคิม ซิเย็ค นับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เพราะอดีตปีกอาแจ็กซ์รายนี้ ดูเหมือนจะเล่นไม่เข้ากับระบบของทีมเท่าที่ควร
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ซิเย็ค ก็ค่อยๆปรับจูนตัวเองขึ้นมาให้เข้ากับระบบของทีมได้มากอยู่ไม่น้อย เกมเมื่อคืนที่ผู้เล่นหลายๆคนไร้ไอเดียในการเจาะแผงรับของ ยูไนเต็ด แต่ทว่าเมื่อคืน ชิเย็ค คือผู้ที่ให้คำตอบดังกล่าว
ด้วยสไตล์การเล่นของ ซีเย็ค ที่เหมือนพ่อมด (ฉายามาตั้งแต่สมัยอยู่ อาแจ็กซ์) หมายถึงคู่แข่งไม่สามารถคาดเดากับเพลย์การเล่นที่เจ้าตัวเลือกทำได้ เกมเมื่อคืนกับปีศาจแดงก็เหมือนกัน ซิเย็ค เป็นคนคอยเปิดแผล หาจังหวะการเล่นที่อันตรายคุกคามแนวรับอย่าง ไบยี่ ลินเดอเลิฟ ได้ตลอด
รวมถึง อเล็กซ์ เตลลิส ที่ถูก ซิเย็ค ทำให้แปลงสภาพเป็นกรวยสนามซ้อมใช้สปีดความเร็วเลี้ยงผ่านง่ายๆ แต่ก็น่าผิดหวังตรงที่จังหวะสุดท้ายหลายๆช็อตของปีกชาวโมร็อกโกรายนี้ ผิดพลาดมากไปหน่อย น่าเสียดายจังหวะที่เจ้าตัวแทงให้ พูลิซิซ หลุกไปเปิดให้ รูดิเกอร์ ยิงโล่งๆข้ามคานออกไปไกล
สถิติหลังเกมออกมานั้น ปรากฎว่า ฮาคิม ซิเย็ค ทำได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็น หาโอกาสยิงได้6ครั้ง / จ่ายคีย์พาส 2ครั้ง / ครอสบอล3ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่าน 3หน / แต่ทว่าก็มีอีกหนึ่งตัวเลขแย่ๆนั่นก็คือ ซิเย็ค มีจังหวะจับบอลแย่ๆจนเสียการครอบครองบอลถึง5ครั้ง
จอร์จินโญ่ และ อารอน วาน -บิซซาก้า ต่างใจดีพากันแจกของขวัญ
2ประตู ที่เกิดขึ้นในเกมสุดสำคัญนี้ล้วนมาจากความผิดพลาดส่วนบุคคลทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นทางฝั่ง เซลซี หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยผู้ที่ก่อเรื่องดังกล่าวนั่นก็คือ จอร์จินโญ่ และ อารอน วาน -บิสซาก้า
จอร์จินโญ่ ทำรถเข็นส้มหล่นหน้าบ้านกับการพยายาม จับบอลลงพื้นลูกหวดบอลยาวของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ แต่ทว่ามิดฟิลด์ชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ กลับทำบอลลั่น ทำให้ เจดอน ซานโช่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดไปดวลเดี่ยว 2-1 กับ เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่เหลือ
ทางฝั่งของ อารอน วาน-บิสซาก้า ถือว่าโชคร้ายไม่น้อยกับการทำเสียจุดโทษ เมื่อเจตนาของเจ้าตัวคือพยายามไปเคลียร์บอล แต่ทว่า ติอาโก้ ซิลวา นั้นรวดเร็วกว่าเข้าถึงบอลก่อน ทำให้ "ไอ้แมงมุม " หวดเข้าไปที่ขาของกองหลังชาวบราซิลรายนี้เต็มๆ
2ผู้ผิดพลาดของ ทางฝั่งเจ้าบ้านและทีมเยือน หากตัดจังหวะดังกล่าวออกไป ต้องบอกว่าพวกเขาเล่นใช้ได้เลย ในเกมดาร์บี้แมตช์นี้ จอร์จินโญ่ สามารถคุมเกมในแดนกลางได้อย่างหมดจด และก็มาแก้ตัวจากการสังหารจุดโทษตีเสมอ 1-1 ให้กับทีม แม้ว่าระยะหลังสถิติการส่องเป้าของเจ้าตัวจะไม่สู้ดีก็ตาม เพราะพลาดไปถึง 4จาก 10หนหลังสุด
ส่วน วาน -บิซซาก้า จังหวะที่ไปหวดคู่แข่งในเขตโทษ ถึงแม้จะไม่ตั้งใจ แต่ก็เป็นจุดโทษตามกติกา100% ถ้าไม่นับช็อตดังกล่าวถือว่าแบ็กขวาชาวอังกฤษเชื้อสาย ไอวอรี่ โคสต์รายนี้ทำได้ไม่เลวเลย
มีช็อตที่เข้ามาบล็อกสกัดลูกยิงของ ติโม แวร์เนอร์ แบบเส้นยาแดงผ่าแปด เข้าแท็กเกิ้ลได้ถึง 3ครั้ง เคลียร์บอลจังหวะอันตราย5ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 3หน
แต่ทว่าท้ายเกมเจ้าตัวก็ยังมีความผิดพลาดให้เห็น เมื่อไม่ยอมประกบ รูดิเกอร์ (หุบเข้าใน) จนกองหลังชาวเยอรมันรายนี้ ได้ยิงโล่งๆแต่เดชะบุญที่บอลโด่งข้ามคานออกไป
อย่าลืมเฟร็ด แม้จะมีลูกชิพ(หาย)
ทำเป็นเล่นไปนี่คือเกมที่ เฟร็ด เล่นดีเลยทีเดียวสำหรับการบุกรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อคืน กองกลางบราซิลเสิ่นเจิ้นรายนี้ โชว์ฟอร์มได้ไฉไลเป็นบ้า ทำงานสกปรกได้ดีเยี่ยม ประสานงานกับ มาติช -แม็คทอม ได้อย่างลงตัว ในเรื่องของการเล่นเกมรับ
นี่คือผู้เล่นที่วิ่งพล่านไปแทบทุกภาคส่วนของสนาม ตัดบอลสวยๆได้ถึง4ครั้ง พาไปหนีผู้เล่นเซลซี ได้2หน แม้ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแกร่ง แรงปะทะสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ แต่ทว่าก็สร้างความลำบากความรำคาญใจให้ผู้เล่นทีมสิงห์บูลส์ได้เสมอ
แถมยังมีช่วยมาโคฟเวอร์เกมรับฝั่งซ้ายช่วย เตลลิส อีกด้วย แม้ตัดบอลได้บ่อย แต่ก็มีการออกบอลได้แย่เหมือนกันสำหรับเฟร็ด เรียกได้ว่าเกมเมื่อคืน มีทั้งเสียงปรบมือชื่นชม และเสียงกร่นด่าพอสมควรทีเดียว สำหรับกองกลางชาวบราซิลรายนี้
มาถึงช็อตที่แฟนบอล " เดอะ เร้ด เดวิลส์ " อยากที่จะเบิ๊ดกระโหลกเจ้าตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อ เอดูอาร์ เมนดี้ ที่เหนียบหนึบนานๆทีจะมีพลาด จ่ายบอลไปเข้าทางเฟร็ดโล่งๆฝั่งขวา มีเวลาคิดเหลือเฟือทั้งจ่ายเข้ากลางให้ เจสซี่ ลินการ์ด และจ่ายออกซ้ายให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่ทว่า เฟร็ด กลับเลือกที่จะโชว์เหนือเชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองมากไปหน่อย เมื่อเล่นช็อตยาก กะชิพ(หาย)บอลข้ามหัว เมนดี้ หล่อๆ แต่ทว่าบอลเจ้ากรรมก็เบาหวิวกลับคืนไปเข้ามือนายด่านชาวเซเนกัล เหมือนส่งบอลกลับคืนไปให้เขาซะอย่างงั้น
- คอลัมน์นิสต์
- 566
- 29 พ.ย. 2564 15:01