คล็อปป์จะทำไง กับโชต้าและฟิร์มิโน่ ?
สารภาพตามตรง ในฐานะที่คอลูกหนังคนหนึ่ง ตอนแรกก็มีความรู้สึกพ่อไม่เข้าใจตุ้มเหมือนกัน หลังจากที่เห็นลิเวอร์พูลทำการเซ็นต์สัญญากระชากตัว ดิโอโก้ โชต้า มาจากวูลฟ์แฮมตัน ในช่วงตลาดซื้อขายตัวผู้เล่นของซัมเมอร์ที่ผ่านมา
เรื่องการโยกมาซบทีมเครื่องจักรสีแดงด้วยการคาดการณ์ว่าจะเข้ามาเป็นอะไหล่ของสามประสานในแนวรุกของ ลิเวอร์พูล SMF อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - ซาดิโอ มาเน่ – โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
แต่ที่ยังเป็นสิ่งที่เคลือบแคลงใจสาวก เดอะ ค็อป (บางส่วน) นั่นคือค่าตัวของโชต้า ที่หนักหนาเอาควรกับฟุตบอลในช่วงยุคที่โดนไวรัสโควิด-19 เล่นงานจนอ่วมอรทัย ทีมดังลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์ต้องยกสินสอดค่าตัวสูงถึง 45 ล้านปอนด์(+ออปชั่นต่างๆ) ให้กับทีมหมาป่า เพื่อแลกกับความปรารถนาในการคว้าตัว ดิโอโก้ โชต้า มาร่วมชายคาถิ่นแอนฟิลด์
ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาลที่ผ่านมา2019-2020 รับใช้ถิ่น โมลินิว สเตเดี้ยม ถือว่ามีสถิติที่ใช้ได้เลยทีเดียวในเกมพรีเมียร์ลีก กดไป7ประตู จาก34นัดที่ลงสนาม รวม16ประตู จาก48นัดทุกรายการ ประสานงานได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขุล่ยกับ ราอูล ฮิมิเนซ และ อดาม่า ตราโอเร่ หรือที่แฟนบอลบ้านเราเรียกแกว่าพี่กล้าม แม้ว่าจะมีบางช่วงในท้ายๆฤดูกาลที่โดน เปโดร เนโต้ แข้งดาวรุ่งชาวโปรตุเกส แย่งตำแหน่ง11ตัวจริงไป
จะว่าไปการเป็นม้านอกสายตาของแฟนบอลก็มีข้อดีอย่างหนึ่งนั่นคือ ความกดดันและความคาดหวังอันมหาศาลไม่ได้ถาโถมเข้ามาหนักหน่วงสักเท่าไหร่ โชต้า ค่อยๆใช้โอกาสที่ได้รับ ร่ายเวทย์มนต์โชว์ในการลงสนามให้กับลิเวอร์พูล
แข้งแดนฝอยทอง ถูก เจอร์เก้น คล็อปป์ หย่อนลงสนามนัดแรกเกมพรีเมียร์ลีกในเกมที่พบกับอาร์เซน่อล ในฐานะตัวสำรองแทน ซาดิโอ มาเน่ น.80 ดิโอโก้ โชต้า ไม่รอช้าปล่อยให้โอกาสทองนั้นหลุดลอยไป เจ้าตัวใช้เวลาเพียงแค่8นาทีในการกระทุ้งสกอร์แรกให้ทีมหงส์แดง หลังซัดประตูตอกฝาโรง 3-1 กำราบทีมปืนใหญ่ได้อยู่หมัด หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งแข้งใหม่ป้ายแดงวัย23ปี อยู่ แม้ว่าจะเอาช้างทั้งโขลงมารั้งไว้
ประตูชัย 2-1 นัดดวล เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ประตูชัย 2-1 กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
รวมถึงล่าสุดที่ซัดแฮตทริก โดยใช้เวลาเพียงแค่54นาที ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ลิเวอร์พูลบุกไปถลุงอตาลันต้า ตายสนิทถึงอิตาลี 5-0
สิริรวมปัจจุบัน ดิโอโก้ โชต้า สวมเครื่องแบบสีเพลิงให้ลิเวอร์พูลไปแล้ว 10นัด ซัดไปได้ถึง7ประตู รวมถึงสถิติที่เซอร์ไพรส์ไม่น้อยนั่นก็คือ การที่เจ้าตัวเป็นแข้งคนแรกของหงส์แดงที่ทำประตูในเกมเหย้าพรีเมียร์ลีกได้3นัดแรกที่ลงสนามติดต่อกัน ต่อจาก หลุยส์ การ์เซีย ที่ทำไว้เมื่อปี2004
ถามว่าทำไม โชต้า ถึงฟอร์มร้อนแรงทะลุนรกขนาดนั้น อันดับแรกเลย ต้องยกความดีความชอบให้กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่เปรียบเสมือนเชฟพ่อครัว เลือกปรุงแต่งวิธีการเล่นรวมถึงบทบาทของนักเตะจากแดนฝอยทองได้อย่างลงตัว รวมถึงทัศนะคติที่ดีในการเล่นฟุตบอลอีกด้วย แตกต่างจากสมัยที่เล่นให้กับวูลฟ์ที่เจ้าตัวค่อนข้างใช้โอกาสเปลือง และเล่นเป็นบอลชายเดี่ยวไปหน่อย ยอดโค้ชจากเมืองเบียร์ ยึดถือตามประโยคคำคมภาษาอังกฤษอย่าง Put the right man on the right job เลือกคนให้เหมาะสมกับงานนั้นๆ
ฟอร์มที่เฉิดฉายของแข้งใหม่ป้ายแดง45ล้านปอนด์ น่าจะมีนักเตะที่ร้อนหนาวๆอยู่เหมือนกันนั่นก็คือ โรแบร์โต้ ฟิมิร์โน่
หรือที่แฟนบอลเดอะค็อปชาวไทยเรียกชื่อให้น่ารักน่าเอ็นดูว่า บ็อบบี้
ดาวยิงซาวบราซิล ถูกตั้งคำถามพอสมควรกับฟอร์มการเล่นที่ดูเหมือนจะรูดลงไปในระยะหลัง เข้าใจว่าบทบาท ฟอลส์ไนน์ จะไม่ได้ตัดสินกันที่จำนวนการถล่มประตูเป็นหลัก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า ฟิร์มิโน่ ผลิตสกอร์หรือแอสซิสต์ได้น้อยไปไหมเมื่อนำไปเทียบวัดกับแนวรุกคนอื่นๆอย่าง ซาลาห์ มาเน่
เอาง่ายๆลองไปเทียบกับโชต้าเป็นเรื่องตลกร้ายพอควรเมื่อสถิติชี้ให้เห็นว่า ฟิร์มิโน่ ระเบิดตาข่ายให้ลิเวอร์พูลตลอดปี2020 ได้เพียงแค่5ประตู น้อยกว่าโชต้า ที่กระทุ้งไปแล้ว7ประตู ทั้งที่พึ่งย้ายเข้ามาเมื่อช่วงเดือนกันยายนนี้เอง
อดีตตำนานที่เด็กหงส์ไม่ค่อยอยากจดจำเท่าไหร่อย่าง ไมเคิ่ล โอเว่น ก็ได้มาออกโรงเตือนว่า ฟอร์มของโชต้า อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง3ผู้เล่นในแนวรุก นั่นก็หมายถึงการตกกระป๋องของฟิร์มิโน่ นั่นเอง
ตัวอย่างเห็นได้ชัดในเกมกับอตาลันตา เมื่อฟิร์มิโน่ ถูกส่งลงสนามแทนที่โชต้า เกมแดนหน้าของลิเวอร์พูลมีจังหวะ Tempo ในการเล่นที่ช้าลงพอสมควรเมื่อบอลมาอยู่ที่อุ้งเท้าของฟิร์มิโน่ ที่ดูจะคิดช้าทำช้าลงไปมาก แตกต่างจากตอนที่มีโชต้าบนสนาม แนวรุกของลิเวอร์พูล เล่นได้เร็วดุดันโจมตีคู่แข่งรวดเร็วปานฉลามได้กลิ่นคาวเลือด
สถานการณ์ดังกล่าวครั้นจะให้ฟิร์มิโน่ ถอยตำมาเล่นเป็นเพลย์เมคเกอร์ในตำแหน่งกองกลาง เพื่อหลีกทางให้โชต้า (แล้วดัน ซาลาห์ไปเล่นหน้าเป้า) ก็ดูจะไม่ค่อยเวิร์คสักเท่าไหร่ เพราะห้องเครื่องลิเวอร์พูลจะออกแนวผึ้งงานขยันวิ่งเพรสซิ่งรวมถึงสไตล์การเล่นแบบ Heavy Metal ของคล็อปป์ ดูจะไม่ค่อยลงล็อคตอบโจทย์กับฟิร์มิโน่มากนัก แถมยังจะไปแย่งตำแหน่งโควตามิดฟิลด์ที่แบบจะขี่คอกันเองอยู่แล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน น่าจะสร้างความกังวลใจให้ แข้งวัย29ปีไม่น้อย กับความเสี่ยงจะได้นั่งสนับติดก้นเป็นตัวสำรอง แม้ว่าสถานะในถิ่นแอนฟิลด์ของฟิร์มิโน่จะไม่ได้เข้าขั้นวิกฤติอะไรขนาดนั้น ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่ที่กึ๋นของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วว่าจะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร รวมถึงจิตวิทยาในการบริหารทีม จัดการความรู้สึกนักเตะ รวมถึงการเลือกส่งนักเตะลงสนามในแต่ละแมตช์
แต่ยังไงแล้วส่วนตัวเชื่อว่า ต่อไปนี้กุนซือคนเก่งของทีมหงส์แดง น่าจะผลัดกันส่งทั้งฟิร์มิโน่และโชต้า ลงสนามตามความเหมาะสมของคู่แข่งในแมตช์นั้นๆ และไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับ เจอร์เก้น คล็อปป์ การที่ทีมขนาดใหญ่และยาวเป็นเรื่องที่ดีเสียอีกในการสู้ศึกมาราธอนและถี่ยิบทุกรายการของฤดูกาล 2020-2021
" สำหรับเรา มันเป็นเรื่องสำคัญที่เรามีตัวเลือกมากกว่า 11 คน ในคืนนี้ ดิโอโก้เล่นได้อย่างสุดยอดมากๆ แต่มันก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับบ๊อบบี้ และไม่ได้มีผลอะไรที่ทำให้ผมต้องปวดหัว ผมมีความสุขมากที่พวกเด็กๆ เล่นได้อย่างที่พวกเขาเล่นในคืนนี้"
นี่แหละวิธีคิดของชายที่ประสบความสำเร็จในหนทางลูกหนัง และปลุกหงส์แดงให้ยุติกับการรอคอยอันอัดอั้นมานานกว่า30ปี ชายที่ชื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์
เขียนโดย : อาจารย์หลุยส์
- คอลัมน์นิสต์ ตารางถ่ายทอดสด
- คอลัมน์ฟุตบอล คอลัมน์ลิเวอร์พูล คอลัมน์
- 617
- 06 พ.ย. 2563 19:20