5สิ่งสำคัญ ที่อังกฤษอาจปลดล็อคคว้าแชมป์ยูโร
อังกฤษกับความผิดหวังในฟุตบอลถ้วยรายการทัวร์นาเม้นต์ดูเหมือนจะเป็นของคู่กันเสียแล้ว ทั้งที่ว่ากันว่านี่คือประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของวงการลูกหนัง แต่ทว่าพวกเขากลับได้สัมผัสถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์เพียงแค่หนเดียวนั่นก็คือฟุตบอลโลก 1966 ครั้งอื้อฉาว กับลูกยิงที่ดูเหมือนจะยังไม่ข้ามเส้นของ เจฟฟ์ เฮิร์ท ในเกมกับเยอรมันตะวันตก
9หนที่ได้ลงโม้ฟาดแข้งในฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย ขุนพลสิงโตคำรามไปได้ไกลสุดเพียงแค่อันดับ3เท่านั้น เมื่อปี 1968 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ โดยมีถึง4ครั้งที่อังกฤษทะลึ่งตกรอบแบ่งกลุ่มไปก่อนใครเพื่อน
และมีถึง5ครั้งด้วยกันที่พวกเขาไม่ดีพอทะลุผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย 1964 /1972 /1976 /1984 รวมไปจนถึงครั้งสุดท้ายปี2008 กับภาพ สตีฟ แม็คคราเรน ถือร่มคู่ใจ ในเกมที่ทำได้เพียงแค่เสมอกับโคเอเชีย 2-2
ครั้งที่น่าเสียดายมากที่สุดสำหรับขุนพล ทรี ไลออนส์ นั่นก็คือในฟุตบอล ยูโร 1996 ที่พวกเขารับหน้าที่เป็นเจ้าภาพเองและนั่นเป็นอีกหนึ่งทัวร์มาเม้นต์ที่พวกเขา โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ ภายใต้ยุคกุนซือ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์ ในรอบแบ่งกลุ่มอังกฤษเข้ารอบ8ทีม ในฐานะแชมป์กลุ่มเอ เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ชนะ สก็อตแลนด์ 2-0 รวมถึงนัดสุดท้าย ที่โชว์ฟอร์มโหด ถลุงฮอลแลนด์ 4-1
ในรอบ8ทีมพวกเขา เอาชนะสเปน ไปได้จากการดวลจุดโทษ 4-2 พอมาถึงรอบรองชนะเลิศ อังกฤษที่ได้เล่นในบ้านกลับไม่อาศัยความได้เปรียบจากเสียงเชียร์แฟนบอล เมื่อได้ดวลกับอีกหนึ่งทีมคู่ปรับตลอดกาลของพวกเขาอย่างทีมชาติเยอรมัน แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยุติเส้นทางของตัวเองไว้ที่รอบตัดเชือก เมื่อพ่ายให้กับความนิ่งในการดวลเป้าทีมแดนไส้กรอกไป 5-6
และผู้ที่พลาดการยิงจุดโทษในทัวร์นาเม้นต์ปี 1996 ดังกล่าว ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือกุนซือคนปัจจุบันของทีมอย่าง แกเร็ธ เซาธ์เก็ต นั่นเอง หรือจะเอายูโรปี2000 พวกเขาก็ดันสะดุดเปลือกกล้วยตกรอบแบ่งกลุ่มดื้อๆ ทั้งที่อุตส่าห์เอาชนะเยอรมันในเกมที่สองได้ แต่ทว่านัดสุดท้ายขุนพลสิงโตคำราม กลับไปแพ้ให้กับทีม " ผีดิบ " โรมาเนีย อย่างสุดช็อก 2-3 กระเด็นร่วงตกรอบไปแบบช้ำๆ
หรือจะเอาในยุค โกลเด้น เจนเนอเรชั่น 2004 ภายใต้การคุมทีมของ " เฮียเถิก " สเวน โกรัน อิริคสัน นี่คือทีมชาติอังกฤษที่ว่ากันว่าดีที่สุดแล้วในรอบ 10-20ปีที่ผ่านมา คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เป็น ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ จอห์น เทอร์รี่ แบ็กซ้ายขวา แอชลี่ย์ โคล อีกฝั่งเป็น แกรี่ เนวิลล์ มิดฟิลด์อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นระดับคุณภาพจากสโมสรดังอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด / แฟร้งค์ แลมพาร์ด / พอล สโคลส์
แถมศูนย์หน้ายังเป็น ไมเคิ่ล โอเว่น และ ดาวรุ่งดาวยิงนรกแตกที่ตอนนั้นวัยเพียง 18ปีอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ที่อุตส่าห์ทะลุขึ้นมาซัดถึง4ประตู ในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไปได้ไกลที่สุดเพียงรอบ8ทีม เมื่อพ่ายให้กับ โปรตุเกส ในการดวลจุดโทษ 5-6 โดยผู้เล่นคนสุดท้ายที่สังหารจุดโทษพลาดในช่วงซัดเดิ่ล เดท นั่นก็คือ ดาริอุส วาส
เซล หรือจะเอาแผลสดๆร้อนๆ ในยูโร 2016 อังกฤษเข้ารอบน็อกเอาท์มาด้วยฐานะการเป็นทีมดันดับ2ของกลุ่มเอ ด้วยผลงานชนะ1เสมอ2 รอบ16ทีมสุดท้าย พวกเขาอุตส่าห์โชคดีมาเจอกับทีมน้องใหม่อย่าง ไอซ์แลนด์
แต่ทว่าด้วยความประมาทหรืออะไรไม่ทราบ พวกเขาโดนทีมมนุษย์น้ำแข็ง แซงชนะไปได้ 2-1 จากความผิดพลาดอันหมูตู้ของโกลในตอนนั้นอย่าง โจ ฮาร์ท และยุติเส้นทางดังกล่าว ไปพร้อมกับการอำลาทีมของกุนซือ รอย ฮ็อดจ์สัน
ยูโร 2020 นี่เป็นครั้งแรกๆที่ ขุนพลทัพ " ทรี ไลออนส์ " ถูกยกให้เป็นทีมเต็งลำดับต้นๆ (เต็ง2) เพราะเมื่อมองจากศักยภาพตัวผู้เล่นแล้วนี่คือ ทีมชาติอังกฤษที่ดีที่สุดในรอบเกือบ10ปี ทั้งผู้เล่นตัวจริงตัวสำรอง ล้วนเป็นนักเตะกำลังหลักของทีมในพรีเมียร์ลีกทั้งนั้น ยังไม่รวมถึงพวกแข้งดาวรุ่งไฟพะเนียงที่พร้อมฉายแสงอย่าง เมสัน เมาท์ / ฟิล โฟเด้น หรือ แม้กระทั่ง เจดอน ซานโช่ เอง
แฮร์รี่ เคน ต้องโชว์ฟอร์มให้โลกรู้
ว่ากันว่านี่คือช่วงที่พีคที่สุดแล้วสำหรับดาวยิงจากทีมคลับไก่อย่าง แฮร์รี่ เคน เมื่อเจ้าตัวถูกยกให้เป็นเต็ง1 สำหรับการคว้ารางวัลรองเท้าทองคำของทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว เหนือกว่าพวกบรรดาซุปเปอร์สตาร์ตัวเต็งคนอื่นๆอย่าง โรเมลู ลูกากู / คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ รวมไปจนถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แม้จะไร้โทรฟี่แชมป์กับสเปอร์ส แต่ผลงานส่วนตัวของ แฮร์รี่ เคน นั้นต้องบอกเลยว่า ฮ็อตฮิต ติดลมบนมากๆ ไม่ใช่แค่มีหน้าที่ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายเท่านั้น กองหน้าวัย27ปีรายนี้ ยังเพิ่มออปชั่นให้ตัวเองขึ้นไปอีก ด้วยการสวมบทบาทเป็นจอมแอสซิสต์ ประจักษ์ได้จากผลงาน 23ประตู 14แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นที่ผ่านมา
ประกอบกับทัวร์นาเมนต์ล่าสุด อย่างฟุตบอลโลก 2018 ก็เป็นเคนนี่แหละที่คว้ารางวัลดาวซัลโว ประจำทัวร์นาเม้นต์ไปด้วยผลงาน 6ประตู ทั้งที่องค์ประกอบของทีมชุดดังกล่าวไม่ดีเทียบเท่าทีมชุดปัจจุบันด้วยซ้ำ
ดาวยิงหมายเลข1ทีมชาติอังกฤษรายนี้ จะได้รับการเปิดป้อนบอลจาก บรรดาแนวรุกอย่าง แจ็ค กลีลิช /เจดอน ซานโช่ / เมสัน เมาท์ หรือแม้กระทั่ง จากแบ็คซ้ายขวาอย่าง ลุค ชอว์ /ไคล์ วอล์คเกอร์ และนี่คือทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการที่3ของเจ้าตัวกับทีมชาติอังกฤษแล้ว
ยูโร 2020 สำคัญกับ แฮร์รี่ เคน ตรงที่ว่า นี่อาจเป็นแชมป์รายกายแรกในชีวิตของ แฮร์รี่ เคน ที่ทำได้ในอาชีพการค้าแข้งเลยก็ว่าได้ และในวัย27ปี นี่คือช่วงที่พีคทีสุดของดาวยิงคนเก่งคลับไก่รายนี้แล้วนอกจากนี้ ก่อนมาเล่นยูโร2020รอบสุดท้าย ในรอบคัดเลือก แฮร์รี่ เคน ยังซัดไปได้ถึง12ประตู มากกว่านักเตะทุกคนในยุโรป
บรรดาดาวรุ่งนรกแตก
นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่ทีมแชมป์โลก1สมัย เต็มไปด้วยบรรดาผู้เล่น จี๊ตจ๊าด ความเร็วสูงในแนวรุกเลือกใช้งานนับไม่ถ้วน ฟิล โฟเด้น (21ปี) ชื่อนี้การันตีด้วย รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีของ PFA
พร้อมผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้9ประตู 5แอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีก ทั้งที่โดน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โรเตชั่น ระหว่างตัวจริงสำรอง อยู่บ่อยๆโฟเด้น เขยิบตัวเองจากแข้งดาวรุ่ง มาเป็นกำลังหลักสำคัญในแนวรุกของทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับพระกาฬอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ
เจดอน ซานโช่ (21ปี) ว่าที่แข้งใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้ เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นดาวรุ่งที่ถูกจับตามองมากๆเช่นกัน แต่ก็ต้องลุ้นอีกทีว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะส่งเจ้าตัวลงสนามเป็น11ตัวจริงไหม อดีตเด็กปั้นทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ รายนี้ มาด้วยผลงาน 8ประตู 11แอสซิสต์ ในเวทีบุนเดสลีก้า
เมสัน เมาท์ ที่ลบเสียงวิจารณ์คำครหาว่า เป็นเด็กเส้นในสังกัดของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้สำเร็จ เมื่อถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องในยุคของกุนซือโธมัส ทูเคิ่ล ความหลากหลายความทะลุทะลวง ความขยันในแดนกลาง น่าจะช่วยเพิ่มมิติในแผงมิดฟิลด์ของทีมสิงโตคำรามได้ ฟอร์มของเจ้าตัวบางนัดกับทีมสิงห์บูลส์ก็มีแอบทำให้เราๆ นึกถึงช่วงที่ เอแด็น อาซาร์ พีคๆเช่นกัน
นี่ยังไม่รวมพวกผู้เล่นริมเส้นตัวเก๋าๆประสบการณ์ในทีมชาติเหลือล้นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง และ มาร์คัส แรชฟอร์ด รวมไปจนถึง บูกาโย่ ซาก้า จากอาร์เซน่อลที่ติดทีมเข้ามาอย่างเซอร์ไพรส์ ยูโร2020หนนี้ เราจะเห็นได้ว่าทีม สิงโตคำราม เปี่ยมไปด้วยแข้งดาวรุ่งพรสวรรค์สูง ของทีมยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีกมากมาย
และความสดความห้าว ความเร็วด่วนจี๋ของแข้งวัยละอ่อนพวกนี้ อาจเป็นอาวุธเด็ดปัจจัยสำคัญให้ทีมชาติอังกฤษไปถึงฝั่งฝันได้เป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 1966 ก็เป็นได้
แท็กติกต้องยืดหยุ่น
บอลทัวร์นาเม้นต์ที่เตะฟาดแข้งกัน 7-8นัด แท็กติกการเล่นและความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆคือสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากๆ เพราะคู่แข่งในแต่ละแมตช์การแข่งขันก็มีความแตกต่างกันออกไป เมื่อคุณเจอทีมเล็ก คุณสามารถเดินหน้าใส่เกียร์5ลุยได้ แต่เมื่อคุณเจอทีมใหญ่หรือเข้าไปในรอบลึกๆ แท็กติกเล็กๆน้อยๆของทีมคุณต้องละเอียดขึ้น
อังกฤษคาดการณ์กันว่า เซาธ์เกต น่าจะพาทีมมาในระบบที่นิยมใช่กันอย่าง แพร่หลายในพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง 4-2-3-1(4-3-3) ซึ่งระบบดังกล่าว ไม่น่ามีปัญหาอะไรเมื่อเจอทีมขนาดเล็กอย่าง สก็อตแลนด์ หรือ สาธารณรัฐ เช็ก หรือแม้กระทั่ง โครเอเชีย ที่้เป็นยุคไม่ค่อยพีคจากบอลโลก2018 เท่าไหร่ ซึ่งการเจอกับทีมเหล่านี้อาจจะใส่ มิดฟิลด์ตัวรับลงไปแค่คนเดียว
แต่ทว่าในรอบน็อกเอ้าท์ 16ทีมสุดท้ายขึ้นไป หากจับพลัดจับผลู ไปเจอกับทีมสไตลรุกจ๋าอย่าง เบลเยี่ยม / ฝรั่งเศส / สเปน / โปรตุเกส รวมไปจนถึง เนเธอร์แลนด์ พลพรรคสิงโตคำรามอาจมีการปรับเปลี่ยนมาใช้แผน 3-4-3 หรือระบบเซ็นเตอร์3ตัว
ซึ่งแท็กติกดังกล่าวนี่เองว่ากันว่า คือสาเหตุที่ทำให้ แกเร็ธ เซาธ์เก็ต เลือกแบ็กขวาเข้ามาติดทีมถึง4รายทั้ง คีแรน ทริปเปียร์ / ไคล์ วอล์คเกอร์ / เบน ไวท์ และ รีซ เจมส์ ซึ่ง3ใน4คนนี้ สามารถเล่นในระบบเซ็นเตอร์หลัง3คนได้
โดยผู้เล่นแบ็กขวาที่น่าจะถูกใช้งานมากที่สุดในการเล่นระบบหลัง3นั่นก็คือ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เล่นตำแหน่งนี้บ่อยๆในนามทีมชาติ โดยแข้งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ จะได้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฝั่งขวา
ระบบการเล่นนี้อาจทำให้อังกฤษจำเป็นต้องตัดมิดฟิลด์ตัวรุกออกไป 1คน แล้วใส่คู่มิดฟิลด์เป็นตัวรับทั้ง2คน นั่นก็คือ เดแคลน ไรซ์ 1คน ส่วนอีกรายต้องเลือกระหว่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ที่ไม่ค่อยฟิต) กับ คัลวิน ฟิลลิปส์ จากลีดส์ ยูไนเต็ด
แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องพิสูจน์ตัวเอง และลบคำสบประมาท
ว่ากันว่าหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่า ทีมชาติอังกฤษ จะไปไม่ถึงดวงดาวแชมป์ยูโรสมัยแรก ทั้งที่นักเตะครบเครื่องเต็มอัตราศึกไปด้วย ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด สุดๆ นั่นเป็นเพราะคุณภาพของตัวกุนซือนั่นเอง
ฝรั่งเศสมี ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ / สเปน มี หลุยส์ เอ็นริเก้ / เยอรมัน เป็น โยอาคิม เลิฟ / เนเธอร์แลนด์ ได้ แฟรงค์ เดอ บัวร์ / โปรตุเกส ภายใต้การนำทีมของ แฟร์นันโด ซานโตส / เบลเยี่ยม มี โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ประสบการณ์สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วน อิตาลี ก็ได้ โรแบร์โต มันชินี่ ทำอัซซูรี่ ให้เป็นบอลสมัยใหม่มากขึ้น
บรรดาชื่อของผู้จัดการทีมเต็งคว้าแชมป์ยูโร 2020 หนนี้ ล้วนมีดีกรีความสำเร็จ ชื่อเสียงเรียงนามมากกว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต ทั้งสิ้น ทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีมเซาธ์เก็ต เคยได้สัมผัสโทรฟี่แชมป์ เพียงแค่2ครั้งเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในตอนที่เจ้าตัวยังค้าแข้งเป็นนักเตะอยู่ นั่นก็คือ การซิวถ้วยฟุตบอลลีกคัพ 2สมัย กับ แอสตัน วิลล่า เมื่อปี1996 และปี 2004 กับมิดเดิ้ลสโบรช์
ส่วนผลงานการคุมทีมระดับสโมสรนั้น เซาธ์เกต เคยทำ มิดเดิ้ลสโบรช์ตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2009 มาแล้ว ส่วนในนามทีมชาติผู้จัดการทีมวัย50ปีรายนี้ ก็ไต่เต้ามาจากทีมชุดยู 21 และถูกมองว่าที่ได้รับตำแหน่งนายใหญ่ทัพสิงโตคำรามนั่นเป็นเพราะเป็นเด็กเส้นของทางสมาคมบวกเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่หือไม่อือ
แท็กติก รูปแบบสไตล์การเล่น รวมถึง11ตัวจริง นี่คือสิ่งที่เราๆยังไม่สามารถคาดเดาได้ในยุคของ แกเร็ธ เซาธ์เกต แต่ทว่าด้วยขุมกำลังที่พร้อมสุดขีด นักเตะทรัพยากรผู้เล่นของดีที่พร้อมให้เลือกใช้มากมายหลายตำแหน่ง จนกุนซือหลายๆทีมต้องอิจฉา รวมถึงนัดชิงยูโร2020 ที่จะมีขึ้นที่เวมบลีย์ ที่เปรียบเสมือนได้เล่นในบ้าน
ด้วยปัจจัยองค์ประกอบที่เพรียบพร้อมในหลายๆด้าน เป็นไฟต์บังคับที่อังกฤษต้องคว้าแชมป์หรือไปให้ถึงรอบชิงชนะเลิศให้ได้ เพื่อ แกเร็ธ เซาธ์เก็ต เองจะได้สบคำสบประมาทปรามาสมาตลอดเวลานับตั้งแต่มานั่งแท่นเป็นกุนซือทัพสิงโตคำราม เมื่อปี 2016 เสียที
ซ้อมจุดโทษ พิคฟอร์ด ต้องพร้อมเป็นฮีโร่
นี่คืออีก1ทีมที่มีสถิติการตกรอบฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์ด้วยการดวลจุดโทษมากที่สุดทีมหนึ่ง เอาแค่ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป อังกฤษตกรอบน็อกเอ้าท์ 3จาก4ครั้ง ก็มาจากการดวลจุดโทษทั้งสิ้น 1996 แพ้ดวลจุดโทษเยอรมัน (รอบรองชนะเลิศ) / 2004 แพ้ดวลจุดโทษโปรตุเกส (รอบ8ทีม) / 2012 แพ้ดวลจุดโทษอิตาลี (รอบ8ทีม)
แม้ว่าล่าสุดจะลบอาถรรพ์ดังกล่าวได้ ในรอบ16ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 เมื่อพวกเขาดวลจุดโทษเอาชนะ โคลัมเบียได้ ซึ่งนัดดังกล่าวก็เป็น จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่เซฟจังหวะดวลเป้า12หลาของ คาลอส บัคก้า ได้สำเร็จ
ถึงจะฟอร์มผีเข้าผีออกกับสโมสรเอฟเวอร์ตันขนาดไหน แต่ในยามที่สวมเครื่องแบบรับใช้ทีมชาติ พิคฟอร์ด นายด่านขี้แอ๊กก็โชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดีในนามทีมชาติเสมอ นั่นจึงทำให้ทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2020หนนี้ โกลวัย27ปีรายนี้ ยังเป็นมือ1ของทีมชาติอังกฤษ เหนือ ดีน เฮนเดอร์สัน
โดยนับตั้งแต่ประเดิมเดบิวต์ในพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2016 พิคฟอร์ด ก็เคยเซฟลูกที่จุดโทษในเวลาปรกติได้ถึง 4ครั้งด้วยกัน ไม่แน่ในสถานการณ์ที่ต้องดวลเป้า ทัพ ทรี ไลออนส์ อาจะต้องพึ่งความหนึบของนายด่านจากทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินรายนี้ก็เป็นได้
ส่วนการเลือกคนยิงจุดโทษ ลำดับก่อนหน้าหลัง ความมั่นใจ ศึกษาวิธียิงทิศทางของนักเตะคู่แข่ง นี่คือสิ่งที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต และทีมงานต้องทำการบ้านเป็นอย่างดี เพราะหากตกรอบด้วยการดวลจุดโทษอีกหนแล้ว อาจทำให้มีแพะเหมือน ทัวร์นาเม้นต์ ที่ผ่านๆมาอีกครั้ง
- คอลัมน์นิสต์
- 486
- 13 มิ.ย. 2564 12:29