สู้ยิบตา ! 5ทีมเต็งตกชั้นพรีเมียร์ลีก 2021-2022
ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลตามธรรมเนียม ก็มักจะมีการทำนายทายทักต่างๆมากมายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ที่จะเปิดฉากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทีมเต็งแชมป์ ทีมลุ้นโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ใครจะคว้ารางวัลรองเท้าทองคำ หรือแม้กระทั่งผู้จัดการทีมคนแรกที่จะโดนเด้งออกในซีซั่นนั้นๆ
ซึ่งพรีเมียร์ลีก 2021-2022 ก็ได้มีผู้สันทัดกรณีรวมไปจนถึง บ่อยพนันถูกกฏหมาย ได้ออกราคาอัตราต่อรองความน่าจะเป็นต่างๆไว้มายมาย ไม่ว่าจะเป็นทีมเต็งแชมป์ ซึ่งตามคาดเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทีมแชมป์เก่าที่ติดโผเข้ามาเป็นอันดับ1
หลังจากที่พึ่งทุ่มงบสุดโหด 100 ล้านปอนด์ สอย แจ็ค กรีลิช รวมถึงอาจะได้ดาวยิงอันดับ1ของพรีเมียร์ลีกอย่าง แฮร์รี่ เคน เข้ามาเสริมอีกราย
ส่วนเต็งแชมป์อันดับ2ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่แม้ซัมเมอร์นี้ พวกเขาจะเสริมทัพเข้ามาเพียงแค่ตำแหน่งเดียวนั่นก็คือ อิบราฮิมา โกนาเต้ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟจอมแกร่งจาก แอร์เบ ไลป์ซิก แต่ทว่าพลพรรคหงส์แดง ยังได้ปราการหลังตัวเอกของทีมอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ สลัดอาการเดี้ยงหนัก พร้อมกลับมาลงสนามในฤดูกาลนี้อีกครั้ง
เต็ง3 เป็นเซลซี ที่มีกุนซือจอมละเอียดสมองเพเชรอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล พาทีมกวาด2แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนที่เข้ามาคุมทีม
ด้วยขุมกำลังที่เพรียบพร้อมแนวรับแข็งแกร่งรวมไปจนถึงการได้จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายอย่าง โรเมลู ลูกากู เข้ามาเติมเต็ม น่าจะทำให้ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนรายนี้ พร้อมมากๆสำหรับการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว
ส่วนเต็งอันดับ4 เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือว่าผิดคาดอยู่ไม่น้อยสำหรับทีมที่พึ่งจบรองแชมป์ซีซั่นที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้ตัวนักเตะระดับท็อปของวงการอย่าง เจดอน ซานโช่ และ ราฟาเอล วาราน เข้ามาร่วม ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่น่าจะด้วยเรื่องศักยภาพที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัดของผู้จัดการทีมอย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำให้ปีศาจแดงยังถูกยกไปไกลถึง ตัวเต็งอันดับ4
สำหรับนักเตะที่ถูกคาดการณ์ว่าจะ คว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ก็เป็นเหล่าผู้เล่นหน้าเดิมๆที่เราๆคุ้นเคยอย่าง โม ซาลาห์ / แฮร์รี่ เคน / เจมี่ วาร์ดี้ / ผู้มาใหม่(หน้าเก่า) อย่าง โรเมลู ลูกากู รวมถึงกลุ่มที่มองว่าอาจเป็นพวกม้ามืดอย่าง แดนี่ อิงส์ และ พาทริค แบมฟอร์ด
ปีนี้อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจของบ่อนพนันถูกกฎหมายของอังกฤษนั่นก็คือ การออกราคา3ทีมที่จะร่วงตกชั้นลงไปเล่นในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผลปรากฎว่า3ทีมเต็งอันดับแรก เป็นทีมน้องใหม่ทั้งสามรายอย่าง นอริช ซิตี้ / วัตฟอร์ด / เบรนด์ฟอร์ด วันนี้เราจะมาวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของ 5ทีมตัวเต็งที่ถูกมองว่าจะตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกกัน
วัตฟอร์ด : อัตราต่อรอง 10/11
ถือว่าเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วสำหรับทีมน้องใหม่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นยังเวทีพรีเมียร์ลีก พวกเขามักจะถูกยกให้เป็นทีมเต็งที่จะหล่นกลับไปยังพื้นที่เดิม เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เสมอ วัตฟอร์ดก็เช่นกัน โดยขุนพลแตนอาละวาดกลับเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นยังลีกสูงสุดอีกครั้ง หลังจากที่พึ่งตกชั้นไปเพียงแค่ฤดูกาลเดียว
ส่วนการเสริมทัพในการสู้ศึกพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ " เดอะ ฮอร์เน็ตส " พอจะมีนักเตะที่เราคุ้นชื่อคุ้นหูเข้ามาสู่ทีมบ้างอย่าง เอ็มมานูเอล เดนนิส กองหน้าจาก คลับ บรูซ / ยูราย คุชก้า กองกลางมากประสบการณ์ของปาร์ม่า / แดนนี่ โรส แบ็กซ้ายโลกลืมจากสเปอร์ส และ โจซัว คิง กองหน้าตกอับจากเอฟเวอร์ตัน
เมื่อมองไปจากโปรแกรม5นัดแรกออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ วัตฟอร์ด ถือว่าเจอโปรแกรมที่ค่อนข้างคาดหวังในการเก็บ3แต้มได้เหมือนกัน (เหย้า) วิลล่า / (เยือน) ไบร์ทตัน / (เยือน) สเปอร์ส / (เหย้า) วูล์ฟ และ (เยือน) นอริช ซิตี้ ถ้าพิจารณาจากคู่แข่งการเก็บได้ 5-6 แต้ม น่าจะเป็นการออกสตาร์ทที่พวกเขาพึงพอใจอยู่ไม่น้อย
ผู้เล่นคนสำคัญ : มาจนถึงวินานีนี้ คงจะเป็นใครคนอื่นไปไม่ได้นอกจาก อิสไมร่า ซาร์ กองหน้ากึ่งปีกที่มีความเร็วสูง ซีซั่นที่พึ่งผ่านมาก็เป็นปีกชาวเซเนกัล รายนี้แหละที่ระเบิดฟอร์มสุดยอด ทำไป13ประตู 4แอสซิสต์ พาทีมจบตำแหน่งรองแชมป์ ปีนกลับขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหนึ่ง
โดย ทรอย ดีนี่ย์ ดาวยิงตัวเก๋าที่มีประสบการณ์โชกโชนในพรีเมียร์ลีก จะเป็นอีกหน่วยกำลังเสริมสำคัญของทีม
ดาวรุ่งนี่น่าจับตามอง : เจา เปโดร ผู้เล่นแนวรุกชาวบราซิลวัย19ปีรายนี้ ย้ายจาก ฟลูมิเนซ่ มายังถิ่น วิคาเรจ โร้ด เมื่อซัมเมอร์ 2020 ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวแทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับลีกเมืองผู้ดีเลย โดยซัดไปได้ถึง 9ประตู กับอีก2แอสซิสต์ จาก38นัดในเดอะแชมเปี้ยนชิพ รวมถึงการสวมใส่เสื้อหมายเลข10 น่าจะบ่งบอกความสำคัญของเจ้าตัวกับวัตฟอร์ด ได้เป็นอย่างดี
นอริช ซิตี้ : 10/11
มีสถานะคล้ายๆกับ วัตฟอร์ด เลยสำหรับ นอริช ซิตี้ นั่นก็คือการเป็นทีมที่กลับเลื่อนชั้นขึ้นมาสูดอากาศในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งหลังจากที่ตกชั้นลงไปแค่ปีเดียว โดยทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน กลับมาครั้งนี้ในฐานะทีมแชมป์เดอะแชมเปี้ยนชิพ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือมาดแอ็คคนเดิมอย่าง ดาเนียล ฟาร์เค่
โปรแกรม5นัดแรกของ นอริช ซิตี้ ถือว่าหนักหนาอ๊วกแตกกันได้เลย (เหย้า) ลิเวอร์พูล / (เยือน) แมนเชสเตอร์ ซิตี้ / (เหย้า) เลสเตอร์ ซิตี้ / (เยือน) อาร์เซน่อล / (เหย้า) วัตฟอร์ด ถ้าพวกเขาออกสตาร์ทด้วยการแพ้4นัดรวด มีโอกาสสูงเช่นกันที่ทีมนกขมิ้น จะเป๋ยาวและเสียความมั่นใจในการออกสตาร์ทฤดูกาลมากโขพอสมควร
มีเสริมทัพเข้ามาหลายรายแต่ก็แทบจะเป็นผู้เล่นที่โนเนมทั้งสิ้น รายที่พอมีชื่อเสียงก็จะเป็น เบน กิ๊บสัน กองหลังจากเบิร์นลี่ย์ / แองกัน กันน์ โกลตัวสำรองของ เซาธ์แฮมป์ตัน / จอร์จ ซาร์เจนท์ ดาวยิงชาวสหรัฐ จาก แวร์เดอร์ เบรเมน แต่ทว่าพวกเขาได้เสียจอมทัพปั้นเกมของทีมอย่าง เอมิเลียโน่ บูเอ็นเดีย ออกไปให้กับ แอสตัน วิลล่า
ผู้เล่นคนสำคัญ : แม้ว่าในทีมของพวกเขา ดาวซัลโวจะเป็น ติโม ปุ๊คกี้ แต่ทว่า กองกลางตัวรุกของทีมอย่าง ท็อดด์ แคนท์เวลล์ เป็นผู้เล่นอีกคนที่โดดเด่นไม่แม้กัน มีหลายทีมยักษ์ใหญ่ที่ตกเป็นข่าวว่าอยากสอยเจ้าตัวไปร่วมทีม และค่าตัวของแข้งวัย23ปีรายนี้ ถูกนอริชตั้งไว้สูงถึงราวๆ 30-40ล้านปอนด์เลยทีเดียว แคนท์เวลล์ ฝากผลงาน 6ประตู 6แอสซิสต์ ในแชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นที่ผ่านมา
ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง : นี่เป็นอีกหนึ่งดีลที่น่าสนมากๆสำหรับ ทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อน ที่สามารถเจรจายืมตัว บิลลิ่ กิลเมอร์ ห้องเครื่องดาวรุ่งวัย20ปีมาจากเซลซีได้ กองกลางชาวสก็อตรายนี้ จะช่วยเข้ามาเพิ่มความดุดัน ความขยันทำงานปัดกวาดเช็ดถูในแดนกลางให้กับนอริช ซิตี้ รวมถึงความอยากพิสูจน์ตัวเองให้สังกัดแม่อย่างสิงห์บูลส์เห็นจะเป็นผลดีต่อทัพ "เดอะ กานารี่ส์ " แน่นอน
เบรนท์ฟอร์ด : 5/4
ไม่แปลกใจเลยสำหรับการเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นยังเวทีลีกสูงสุดอังกฤษครั้งแรกในรอบ 74ปี ของ เบรนท์ฟอร์ด พวกเขาจะถูกจับให้เป็นกลุ่มทีมเต็งที่จะตกชั้นโดยอัตโนมัติ ทีมผึ้งน้อยคว้าตั๋วใบสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ด้วยการเอาชนะเพลย์ออฟ สวอนซี 1-0 หลังจากจบฤดูกาลด้วยการเป็นทีมอันดับ3ของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
โปรแกรม5นัดแรกของลูกทีม โธมัส แฟร้งค์ (เหย้า) อาร์เซน่อล / (เยือน) คริสตัล พาเลซ / (เยือน) แอสตัน วิลล่า / (เหย้า) ไบร์ทตัน/ (เยือน) วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นโปรแกรมแกรมการออกสตาร์ทถือว่าไม่ได้หนักมากเกินไปของ เบรนด์ฟอร์ด การเก็บได้5-6แต้ม ถือว่ามีความเป็นไปได้สำหรับทัพ "เดอะบีส์ "
การเสริมทัพเรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่แฟนบอลทั่วไปแทบจะไม่คุ้นหูคุ้นชื่อทั้งสิ้น ที่พอจะมีดีกรีชื่้อเสียงอยู่บ้างเห็นทีจะเป็น แฟร้งค์ ออนเยก้า กองกลางที่คว้ามาจากมิดทิลแลนด์ และ โยอาเน่ วิสซ่า แนวรุกจากลอลิยองต์ ที่สามารถเล่นได้หลายหลายตำแน่งในแดนหน้า มาพร้อมกับผลงาน 10ประตู 4แอสซิสต์ ในลีกเอิงเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ผู้เล่นคนสำคัญ : เอกฉันท์และจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก ดาวยิงตีนระเบิดของทีมอย่าง อีวาน โทนี่ย์ ที่กระทุ้งไป ดาวซัลโว33ประตูใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นก่อน รวมถึงยังมีแอสซิสต์ทำทางให้เพื่อนได้อีกถึง 10ลูก เรียกได้ว่าการอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกของ เบรนด์ฟอร์ด อาจจะขึ้นอยู่กับการยิงประตูของหัวหอกวัย25ปีรายนี้ก็เป็นได้
ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง : มัดส์ ราสมุสเซ่น แบ็กขวาดาวรุ่งวัย22ปีรายนี้ เป็นหนึ่งในแข้งวัยละอ่อนที่น่าจับตามองมากๆของทีมผึ้งน้อย มีความสดความห้าวและพละกำลังในแบบแข้งวัยรุ่น โดยในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 2ซีซั่นที่ผ่านมาแบ็กแดนโคนมรายนี้ ได้ลงเล่นไป32นัด และทำไป4แอสซิสต์
คริสตัล พาเลซ : 6/4
การออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ของคริสตัล พาเลซ โดยที่ไม่มีกุนซือเป็น รอย ฮ็อจด์สัน สำหรับบ่อนพนันถูกกฎหมายนั้น มองว่ามีโอกาสที่สูงมากๆที่ ทีมปราสาทเรือนแก้ว จะหล่นตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก
โดยผู้จัดการทีมคนใหม่อย่าง ปาทริค วิเอร่า ที่ไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมในลีกเมืองผู้ดี ถือว่าเป็นการเลือกที่เสี่ยงพอสมควร โดยการคุมทีมหนล่าสุดของ "บิ๊กปั๊ต " จบลงเอยด้วยการถูก นีซ เด้งออกจากตำแหน่งเมื่อปี 2020
โปรแกรม5นัดแรก (เยือน) เซลซี / (เหย้า) เบรนท์ฟอร์ด / (เยือน) เวสต์แฮม / (เหย้า) สเปอร์ส / (เยือน) ลิเวอร์พูล เจอทีมจากบิ๊กซิกไปถึง3 มีโอกาสมากๆที่ วิเอร่า จะออกตาร์ทกับ คริสตัล พาเลซ 5เกมแรก ด้วยการมีเพียง 4-5แต้มเท่านั้น
การเสริมทัพ เรียกได้ว่าเน้นความแข็งแกร่งในเกมรับเป็นพิเศษสำหรับ คริสตัล พาเลซ ในยุคใหม่ของ ปาทริค วิเอร่า เมื่อไปสอย โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ ฟอร์มเด่นที่ฟูแล่มยืมตัวจาก ลียง มาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว รวมไปจนถึงการไปสอยกองหลังดาวรุ่งของเซลซีอย่าง มาร์ค เกฮี
ผู้เล่นคนสำคัญ : นอกจาก รอย ฮ็อจด์สัน (ที่ลาออกไป) ก็มี วิลเฟร็ด ซาฮา นี่แหละที่เป็นสัญลักษณ์ของ คริสตัล พาเลซ ไปแล้วในระยะเวลา 7ปียังถิ่น เซลเฮิร์สท์ พาร์ค นี่คือผู้เล่นคนสำคัญของ พาเลซ มาตลอด แม้ว่าจะมีข่าวลือกับอาร์เซน่อลในแทบจะทุกซัมเมอร์
ในช่วง1-2ปีที่ผ่านมา ซาฮา ได้ขยับตัวเองเข้ามาเล่นในตำแหน่งกองหน้า จากเดิมที่ประจำการที่ปีกขวา 11ประตู 2แอสซิสต์ คือผลงานของแข้งวัย28ปีรายนี้ ในพรีเมียร์ลีกซีซั่นที่ผ่านมา
ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง : มาร์ค เกฮี เซ็นเตอร์ฮาร์ฟดาวรุ่งของเซลซี วัย21รายนี้ได้รับการจับตามองในฝีเท้าที่พัฒนาเกินอายุอยู่ไม่น้อย แถมค่าตัวในการย้ายทีมยังสูงถึง18ล้านปอนด์
ฤดูกาลที่แล้ว เกฮี ถูกสวอนซี ยืมตัวไปใช้งาน และแข้งชาวไอวอรี่โคสต์รายนี้ ก็ยึดตำแหน่งตัวหลักของทีมหงส์ขาวได้สำเร็จ เมื่อได้ลงเล่นใน เดอะ แชมเปี้่ยนชิพไปถึง 40นัด พาทีมเสียไปเพียงแค่ 39ประตูในลีก
เบิร์นลี่ย์ : 9/4
ซีซั่นที่แล้วรอดจากการตกชั้น ด้วยการจบอันดับ17เส้นยาแดงผ่าแปด สำหรับ เบิร์นลี่ย์ ภายใต้การคุมทัพของ ฌอน ไดซ์ ที่ยังยึดถือยึดมั่นกับฟุตบอลไดเร็ค สไตล์โบราณขนานแท้ของอังกฤษ ช่วงท้ายฤดูกาล "เดอะ คลาเร็ตส์ " นั้นแผ่วปลายชัดเจนมากๆ เมื่อแพ้ไปถึง 7จาก9นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก
กองหน้ามีเพียงแค่ คริส วู้ด ที่ฝากความหวังได้ ส่วนแนวรับที่เคยเป็นจุดขายก็ไม่ได้เหนียวแน่นเหมือนเดิม เมื่อโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไปถึง 55ลูก แตกต่างจาก2ฤดูกาลก่อนหน้า (2018-2019) ที่เบิร์นลี่ย์ เสียไปเพียงแค่ 45ประตูเท่านั้น
โปรแกรม5นัดแรก (เหย้า) ไบร์ทตัน / (เยือน) ลิเวอร์พูล / (เหย้า) ลีดส์ / (เยือน) เอฟเวอร์ตัน / (เหย้า) อาร์เซน่อล ถือว่าหนักใช้ได้สำหรับ5นัดแรกของเบิร์นลี่ย์ใน ฤดูกาลใหม่ หากเก็บได้สัก 5-7 แต้มถือว่าคงไม่เลวร้ายเกินไปสำหรับการออกตาร์ท
การเสริมทัพ ค่อยข้างเงียบเลยทีเดียวสำหรับ เบิร์นลี่ย์ เมื่อมีการสอยผู้เล่นเข้ามาเพียงแค่3ราย และเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเกมรับทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นโกลวัยดึกอย่าง เวย์น เฮนเนสซี่ย์ (ที่มาเป็นมือ2)
จาค็อบ บีดัว กองหลังโนเนม จาก สคันธอร์ป และ นาธาน คอลลินส์ กองหลังจาก สโต๊ค ซิตี้ ที่ค่าตัวสูงถึง 12ล้านปอนด์ ถ้ามองแค่ในเรื่องการเสริมทัพ เบิร์นลี่ย์ สอบตกอย่างชัดเจน
ผู้เล่นคนสำคัญ : โดยปรกติแล้ว เบิร์นลี่ย์ มักจะมีจุดเด่นจุดขายที่เกมรับไม่ว่าจะเป็น โกลจอมหนึบอย่าง นิค โป๊ป คู่เซ็นเตอร์คู่ประจำคู่ขวัญอย่าง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และ เบน มี แต่ทว่าระยะหลังแนวรับของพวกเขากลับรั่วกว่าเดิม ทำให้เกมรับไม่ได้เป็นตัวชูโรงของพวกเขาอีกต่อไป
คริส วู้ด น่าจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญลำดับต้นๆในการดิ้นรนหนีตกชั้น โดยซีซั่นที่แล้ว ดาวยิงร่างยักษ์ชาวนิวซีเแลนด์รายนี้ ก็ยิงกระจายในช่วงท้ายฤดูกาลให้ทีมไม่ต้องไปลุ้นหนักเยี่ยวเหนียวในโปรแกรม4-5นัดสุดท้าย โดย วู้ด กดไปได้ 12 ประตู และทำไปได้อีก3แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีกที่พึ่งจบไป
ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง : เลวิส ริชาร์ดสัน หอกวัย18ปีรายนี้ ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกไปเพียงแค่2นัด ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ทว่าในช่วงปรี-ซีซั่น เจ้าตัวได้รับโอกาสลงสนามบ่อยครั้ง และยังซัดประตูได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ โอลด์แฮม
- คอลัมน์นิสต์
- 741
- 13 ส.ค. 2564 16:12