2021-2022 ฤดูกาลแห่งการพิพากษา น้าโอเล่
เผลอแป๊ปเดียวนี่ก็กินระยะเวลา กว่า2ปีครึ่งแล้ว ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาเป็นนายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนเด้งฟ้าผ่ากลางฤดูกาล ช่วงเดือนธันวาคมปี 2018 หลังพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียฟอร์มบุกไปพ่ายลิเวอร์พูลถึง แอนฟิลด์ ด้วยฟอร์มแบบเอ้าท์คลาส สู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
น้าโอเล่ เข้ามาคุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยความคาดหวังที่ค่อนข้างต่ำ ด้วยความที่ช่วงแรกโปรโมชั่นดี แรงกดดันไม่ค่อยเยอะ โซลชา พาปีศาจแดงระเบิดฟอร์มหล่อเหลาเอาการ 12นัดแรกในเวที พรีเมียร์ลีก อดีตดาวเตะหน้ายิ้มรายนี้ คว้าชัยได้ถึง10นัด เสมอ2 ไร้ซึ่งความพ่ายแพ้
แต่ทว่าเมื่อได้รับสัญญาถาวรเหมือน โซลชา จะเกิดอาการกดดันและเพี้ยนเอามากๆ 9นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก2018-2019 ปีศาจแดงเกิดอาการเครื่องสะดุดอย่างชัดเจน ชนะแค่ 2 เสมอ2 แพ้5 จบฤดูกาลด้วยการเข้าป้ายเป็นอันกับ 6
เริ่มฤดูกาล 2019 -2020 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสริมทัพขนานใหญ่ ด้วยการไปสอย แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวอันเป็นกองหลังสถิติโลก 80ล้านปอนด์ รวมไปจนถึงไปกระชาก แบ็กจอมสไลด์บอลอย่าง อารอน วาน - บิซซาก้า มาจาก คริสตัล พาเลซ 50ล้านปอนด์
รวมไปจนถึงหน่วยกำลังเสริมสุดเซอร์ไพรส์อย่าง ดาเนี่ยล เจมส์ ที่ไปสอยมาจากสวอนซี เปิดฤดูกาลนัดแรก แฟนผีต่างที่จะกระดี๊กระด๊าไปกันใหญ่ เมื่อ เปิดบ้านถลุงเอาชนะ เซลซี ไปได้อย่างสวยสดงดงาม 4-0 หรือว่าแผนปลุกปีศาจที่จะต้องใช้ปีศาจปลุก ปีศาจที่ว่าตนนั้นก็คือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กันแน่
แต่ทว่ากลังจากนั้น แฟนบอล เดอะ เร้ด เดวิลส์ ก็ได้รู้จักกับอาการไบโพล่า ของแท้ เพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอาการ3วันดี4วันป่วย ฟอร์มเข้าๆออกๆ รวมถึงสไตล์การเล่นที่ไม่ชัดเจน ทำให้19นัดแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งอยู่อันดับ8ของตารางคะแนน ความหวังในการไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เลือนรางขึ้นทุกขณะ
แต่ทว่าปาฎิหารย์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เหมือนจะมีขึ้นจริง และมันมาพร้อมกับ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่ย้ายเข้ามาช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาว แล้วก็เป็นสตาร์ชาวโปรตุเกสรายนี้แหละ ที่จุดประกายความหวัง พร้อมยกระดับการเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเห็นได้ชัด
ยูไนเต็ด ของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา เดินหน้าเข้าเกียร์5ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ชนะ9 เสมอ4 ไร้พ่าย จนสามารถนำทีมปีศาจสามง่าม จบอันดับ3ได้สำเร็จ
ส่วน บรูโน่ แฟร์นันเดซ ก็ไฉไลเป็นบ้าไม่ต้องเสียเวลามากมายเพื่อปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษ 8ประตู 7 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก จากการสนามแค่ 14นัด บ่งบอกถึงความสำคัญของเจ้าตัวกับทีมได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าจุดด่างพร้อยของซีซั่นดังกล่าวของ แมนฯยู ก็คือผลงานในฟุตบอลถ้วย ที่ตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยถึง3รายการทั้ง ลีก คัพ - เอฟเอ คัพ รวมไปจนถึงยูโรป้า ลีก เชื่อว่าตอนนั้นน่าจะมีแฟนบอลหลายคนตะหงิดๆ กับผลงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา บ้างแล้ว
มาจนถึงซีซั่นที่พึ่งจบไป 2020 -2021 น่าจะเป็นฤดูกาลที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สมควรที่จะปลดล็อคให้ตัวเอง สำหรับการคว้าแชมป์ ครั้งแรกในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยซ้ำ แต่ทว่าด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ น้าโอเล่ ของแฟนผี กลับเล่นแบบกล้าๆกลัวๆ จนเกมต้องยืดเยื้อไปจนถึงการดวลจุดโทษ (มาราธอน) จนชวดแชมป์ ยูโรปา ลีก ในที่สุด
ส่วนผลงานในพรีเมียร์ลีก ถึงแม้จะจบอันดับสูงถึงรองแชมป์ แต่ทว่าเป็นรองแชมป์ที่ไม่ได้เข้าใกล้เคียงกับการขึ้นไปทาบกดดัน ทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลย เพราะจบฤดูกาลดังกล่าวด้วยการตามหลังทีมคู่ปรับร่วมเมืองมากถึง 12แต้ม ซีซั่นที่ผ่านมาเรามาย้อนดูผลงานทั้งดีและร้ายของ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ รายนี้กัน
จบอันดับเหนือคู่อริตลอดกาล
แน่นอนว่า การทำอันดับเหนือกว่าคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล คงเป็นเรื่องที่แฟนบอลปีศาจแดง ปรารถนา อยู่แล้ว แม้จะเปรมปรีดาที่จบอันดับเหนือกว่าทีมหงส์แดง แต่ทว่าก็คงดีใจไม่สุดเสียงนัก เพราะนี่คือซีซั่นที่ลิเวอร์พูล เจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บโจมตีอย่างหนักหน่วง
ทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดด์ - โจ โกเมซ รวมไปจนถึง โจเอล มาติป นี่คือเหล่าบรรดาเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวหลักของลิเวอร์พูล ที่ทยอยล้มหมอนนอนเสื่อแทบทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังสามารถจบอันดับ3ของตารางได้ และมีแต้มน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพียงแค่5แต้มเท่านั้น
บรรยากาศในทีมดีขึ้น
เรียกได้ว่าบรรยากาศแตกต่างกันราวกับฟ้าเหว กับช่วงที่กุนซือของทีมเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ ที่มีข่าวคลื่นใต้นำในทีมไม่พ้นแต่ละวัน รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสรายนี้ ที่แทบจะไม่ให้เกียรติลูกทีมเวลาเล่นผิดพลาด
บรรยากาศมาคุดังกล่าว โซลชา บริหารจัดการ ได้เป็นอย่างดี อาจจะแค่ยกเว้นในเคสของ ปอล ป็อกบา กับวลีอากาศบริสุทธิ์นั่น (ช่วงต้นฤดูกาล) แต่ในยุคของกุนซือชาวนอร์เวย์รายนี้ เราแทบไม่เห็นนักเตะคนไหนงอแง งัดข้อ หรือข่าวไม่ดีอะไรต่างๆมาจากแคมป์ปีศาจแดงเลย
ซึ่งสิ่งนี้ก็ต้องยกเครดิตความดีความชอบให้กับน้าโอเล่ เต็มๆสำหรับการซื้อใจนักเตะ และการคุมบรรยากาศในห้องแต่งตัวให้ดีมาตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะสะท้อนให้เห็นว่า น้าโอเล่ได้รับความเคารพความเชื่อถือจากลูกทีมขนาดไหน
ชอว์ กลายร่างในยุคน้าโอเล่
จากนักเตะที่โดน โชเซ่ มูรินโญ่ ด่าวิจารณ์แบบสาดเสียเทเสีย กลายเป็นแบ็กซ้ายที่ร้อนแรงที่สุดในพรีเมียร์ลีก เวลานี้ สำหรับ ลุค ชอว์ แบ็กก้นงอนสถาปนาตัวเองตัวเองให้เป็นแบ็กซ้ายหมายเลข1ของทีมอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะมี อเล็กซ์ เตลลิส จากเอฟซี ปอร์โต้ ย้ายเข้ามากดดันก็ตาม
รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร ติดเป็น11ผู้เล่นทีมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก 1ประตู5แอสซิสต์ในลีก หรือแม้กระทั่งการกลับไปติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้งหนึ่งและกำลังจะได้ไปลุยยูโร2020
แถมยังได้รับการเรียกชื่อใหม่ให้เป็น " ชอว์แบร์โต้ คาร์ลอส " นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเปรียบเสมือนการได้เกิดใหม่ ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ความเชื่อมั่น ความเชื่อใจ นี่คือสิ่งที่น้าโอเล่ เติมเต็มให้กับแบ็กหมายเลข23ของทีมรายนี้ ที่ทำให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างชัดเจน
นอกบ้านไร้เทียมทาน
ปีศาจแดง ณ คศ. นี้กลายเป็นทีมที่ฟอร์มเปรี้ยงปร้างสุดขีดเกมนอกบ้านไปแล้ว 19นัดที่ฟาดแข้งในเกมลีก ยูไนเต็ดไร้ซึ่งความพ่ายแพ้ ชนะ12 เสมอ7 เป็นทีมเดียวในลีกที่ไม่แพ้นอกบ้าน หรือจะให้นับรวมกับซีซั่น 2019-2020 อีก7นัด นั่นก็เท่ากับว่า ลูกทีมของกุนซือชาวนอร์เวย์ไม่แพ้นัดเยือนในพรีเมียร์ลีกมาแล้ว 26นัดติดต่อกัน
ถ้าจะย้อนไปนัดล่าสุดที่พวกเขาแพ้เกมเยือนในพรีเมียร์ลีก ตัองย้อนไปไกลถึง เดือนมกราคม ปี2020 ที่ปราชัยให้กับลิเวอร์พูล 0-2 ที่แอนฟิลด์
แต่ทว่าอาจด้วยข้อได้เปรียบที่ เวลาไปเยือนสนามอื่นๆ แล้วไม่มีแฟนบอลเจ้าบ้านเข้าชมเกมการแข่งขันสร้างความกดดันให้ผู้มาเยือน นั่นอาจทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาศัยช่องว่างตรงจุดนั้น ลดความเสียเปรียบก็เป็นได้
คิง ออฟ คัมแบ็ค
กลายเป็นทีมที่ขี้นชื่อลือชาเรื่อง คัมแบ็ก ตายยากไปแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เพราะปีศาจแดงพลิกจากสถานการณ์ที่ตามหลังคู่แข่งไปก่อนกลับมาเอาชนะได้มากถึง 12นัดในฤดูกาลนี้
การพลิกกลับมาเป็นผู้ชนะทั้งที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปก่อน นั่นบ่งบอกให้เห็นว่าพลพรรคปีศาจแดงสามง่าม มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งขนาดไหน กับการรวบรวมกำลังและสมาธิคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการออกมาได้ จิตวิทยาและความเชื่อมั่นว่ากันว่านี่คือสิ่งที่ น้าโอเล่ ปลุกให้กับ ปีศาจแดง ที่หลับไหลมาอย่างยาวนานในซีซั่นนี้
ไม่เชื่อก็ลองถามเหยื่อในพรีเมียร์ลีกอย่าง ไบร์ทตัน(2)- นิวคาสเซิ่ล - เอฟเวอร์ตัน - เซาแธมป์ตัน - เวสต์แฮม -ฟูแล่ม - สเปอร์ส - เบิร์นลี่ย์ - แอสตัน วิลล่า - เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ดูละกัน
ชอบก่อความผิดพลาดแบบเข้าตา
นี่คืออีกหนึ่งจุดบอดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา สำหรับช่วงเวลาที่เข้าด้ายเข้าเข็ม หรือนัดที่ต้องชนะให้ได้สถานเดียว แต่พวกเขามักจะก่อความผิดพลาด หรือเกิดอาการเครื่องสะดุดให้เห็นเสมอ เอาแค่ตัวอย่างในเกมฟุตบอลถ้วย
ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชี้ชะตาว่าพวกเขาจะเข้ารอบหรือไม่นั่นก็คือนัดสุดท้ายที่พวกเขาต้องบุก ไปเยือน แอร์เบ ไลป์ซิก ขอแค่เพียงไม่แพ้ พวกเขาจะตีตั๋วเข้ารอบ16ทีมสุดท้าย ทันที แต่ทว่าเพียงแค่ 13นาทีแรกของเกม ยูไนเต็ด ก็ตามหลังคู่แข่งถึง 0-2 ก่อนพ่ายไป 2-3 จนกระเด็นตกลงไปเล่นในถ้วย ยูโรป้าลีก ในที่สุด
หรือเอาแค่แผลล่าสุดใน นัดชิงชนะเลิศยูโรป้าลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็แพ้ให้กับ บียาร์เรอัล ในการดวลจุดโทษแบบมาราธอน 10-11
ทั้งที่ด้วยศักยภาพชื่อชั้น เป็นทางฝั่งทีมดังเมืองแมนเชสเตอร์ ที่เหนือกว่าเขาด้วยประการทั้งปวง รวมไปจนถึงซีซั่นที่แล้ว 2019-2020 น้าโอเล่ ก็พาทีมตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยทั้ง3รายการ
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รีสอร์ทแอนด์สปา
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รีสอร์ทแอนด์สปา ชื่อนี้กลับมาเปิดทำการให้บริการอีกครั้งในซีซั่นนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นทีมที่โชว์ห่วยในบ้านอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นทีมใหญ่หรือทีมเล็ก ก็สามารถที่จะมาควักสามคะแนน ออกจากโรงละครแห่งความฝันได้ทั้งสิ้น
ชนะ 9 เสมอ4 แพ้6 โดนคู่แข่งกระทุ้งไปถึง28ประตู จาก19นัด นี่คือผลงานในบ้านของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้ และนี่ก็คือผลงานงามไส้ดังกล่าว
1-3 คริสตัล พาเลซ
1-6 สเปอร์ส
0-1 อาร์เซน่อล
1-2 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
1-2 เลสเตอร์ ซิตี้
2-4 ลิเวอร์พูล
แจกแต้มให้ทีมเล็ก
ว่ากันว่านี่คืออีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขา หมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม นั่นก็คือการสะดุดกับทีมเล็กๆ ที่ไม่น่าสะดุด รวมไปจนถึงโดนทีมเหล่านี้ตีเสมอในช่วงท้ายเกม แต้มที่หล่นหายเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่ทำให้พวกเขา ยังไม่ใกล้เคียงไปถึงการเป็นทีมลุ้นแชมป์
และนี่คือนัดที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรที่จะเอาชนะคู่แข่งเหล่านี้ได้ ทั้งคุณภาพทีม และสถานการณ์ที่ได้เปรียบในช่วงเวลาดังกล่าว 8แต้มที่หายไปมากถึง นี่ยังไม่นับรวมที่พ่ายคาบ้านให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ คริสตัล พาเลซ
3-3 เอฟเวอรตัน ( โดนตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย)
1-1 เวสต์บรอมวิช (เสมอทีมรองบ๊วย)
0-0 คริสตัล พาเลซ ( ทีมที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว)
1-1 ฟูแล่ม ( ทีมที่ตกชั้นไปแล้ว แถมยังได้เล่นต่อหน้าแฟนบอล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
การกระตุ้นลูกทีม
เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ มันเป็นบุคลิกและสไตล์ส่วนตัวของกุนซือแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่บังคับกันไม่ได้ แต่นี่อาจเป็นสิ่งที่ยังค้างคาใจแฟนบอลบางกลุ่มมาตลอดสำหรับอารมณ์ร่วมในการคุมทีมของน้าโอเล่
เวลาที่ทีมเล่นแย่ โชว์ฟอร์มไม่ได้ดั่งใจ สิ่งแรกๆที่เรามักจะเห็นกุนซือออกมาทำนอกจากการเปลี่ยนตัวนั่นก็คึอ การออกวาโวยวาย ตะโกนกระตุ้นลูกทีม หรือตำหนิด่ากรรมการ ที่เป่าไม่ได้ดั่งใจหรือปล่อยให้ลูกทีมของตัวเองโดนคู่แข่งไล่เตะ
แต่เมื่อเรากลับมาดูข้างสนามบนซุ้มม้านั่งสำรองของแมนยู เจอกับสถานการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือ ภาพของ โซลชา นั่งไขว่ห้างชิวๆ ดูเกมการแข่งขันจาก ไอแพดคู่ใจ ซึ่งแตกต่างเหลือเกิน กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ หรือ เป็ป กวาร์ดิโอล่า แม้กระทั่งผู้มาใหม่อย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ก็ออกลีลาไม่เบาเลยกับเซลซี
Passion และความกระหาย ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีอยู่ในตัว แต่กุนซือชาวนอร์เวย์รายนี้ แทบไม่เคย แสดงออกมาให้ลูกทีมหรือแฟนบอลได้เห็นเวลาอยู่ในสนามที่ทีม ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เพลี่ยงพล้ำเลย
น้าโอเล่ ยังมือเปล่านะ
นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ณ ขณะนี้ ระยะเวลา2ฤดูกาลครึ่ง ที่กุนซือชาวนอร์เวย์รายนี้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมปีศาจแดง น้าโอเล่ ยังไม่สามารถปลดล็อคคว้าแชมป์แรกในฐานะผู้จัดการทีมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลย
เข้าใจว่า โซลชา มาค่อยๆสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่หักพังจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ถ้ามองเป็นภาพรวมถือว่า ปีศาจแดงชุดนี้ พัฒนาขึ้นมามาก ทั้งในเรื่องของสไตล์การเล่น และผลงานที่เสถียรกว่าเดิม รวมถึงบรรยากาศภายในห้องแต่งตัวที่เป็นบวกมากขึ้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มูรินโญ่ ที่ว่าทำปีศาจแดงเละเทะ แต่ว่าเจ้าตัวก็ยังสามารถคว้าโทรฟี่ แชมป์ ยูโรป้าลีกกับทีมได้ หรือแม้กระทั้งกุนซือที่แฟนผีโคตรยี้ด้วยกับปรัชญาบ้าบออันแสนน่าเบื่อ อย่าง หลุยส์ ฟานกัล ที่การทำทีมการวางแผนแท็กติกอะไรต่างๆ อยู่นอกเหนือเหตุผลและความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น
แต่ถึงกระนั้น " อาจารย์ หลุยส์ " แกก็ยังสามารถพาทีม คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ติดไม้ติดมือมาได้ แม้ภาพรวม โซลชา จะทำได้ดีกว่า แต่ทว่าในเรื่องของการนำโทรฟี่แชมป์มาสู่สโมสร อดีตซุปเปอร์ชัพ ขวัญใจแฟนผีรายนี้ ยังทำไม่สำเร็จสักที
ฤดูดาล 2021-2022 ที่กำลังจะมาถึง นี่อาจเป็นซีซั่นชี้ชะตาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เลยก็ว่าได้ เพราะหากไม่มีแชมป์รายการใดรายการหนึ่งติดมือ หรือรวมไปจนกระทั่งไม่ได้ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบจริงจัง น่าจะถึงคราวที่ โซลชา ต้องโบกมือลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เพราะค่าของคนอยู่ที่ผลงานเสมอ ไม่ใช่เอาความผูกพันในอดีตมายึดติดเป็นคุณงามความดีโล่ห์ป้องกันตัวเองไว้ และน้าโอเล่ เอง ยังไม่มีผลงานเป็นรูปธรรมอะไรที่จับต้องได้เลย มาจนถึงตอนนี้
- คอลัมน์นิสต์
- 549
- 07 มิ.ย. 2564 15:44