แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (14) vs เชลซี (5)

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567
คิกออฟ เวลา 23.30 น.
สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

อัตราต่อรอง : เสมอ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในแง่ของสถานการณ์อาการบาดเจ็บของ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรจะเป็นเช่นเดิม อย่างเช่น อันโทนี่ (ข้อเท้า), ไทเรลล์ มาลาเซีย (เข่า), แฮร์รี แม็คไกวร์ (น่อง), เมสัน เมาท์ (ความฟิต), ลุค ชอว์ (น่อง), เลอนี โยโร (เท้า) และ ค็อบบี้ ไมนู (ต้นขา) จะไม่มีชื่ออยู่ในเกมนี้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือขัดตาทัพ ได้รับความกังวลเพิ่มเติมก่อนเกมถล่ม เลสเตอร์ เมื่อกลางสัปดาห์ เนื่องจาก คริสเตียน เอริคเซ่น ถอนตัวออกจากทีมด้วยอาการกังวลที่ไม่ระบุรายละเอียด และยังคงมีเครื่องหมายคำถามแขวนอยู่บนหัวของเขาในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม เอดโค้ชชั่วคราวของทัพ "ปีศาจแดง" ไม่มีความจำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับสูตรชัยชนะจากเกมคาราบาว คัพ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ทั้ง นูสแซร์ มาซราอุย และ ราสมุส ฮอยลุนด์ สามารถเข้ามาแทนที่ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ โจชัว เซิร์กซี ตั้งแต่เสียงนกหวีดแรก ขณะที่ อองเดร โอนาน่า เตรียมยึดมือหนึ่งคืนจาก อัลไต บายินเดียร์

เชลซี
ทีมแพทย์ของ เชลซี ค่อนข้างงานเบา เนื่องจากดูแลผู้เล่นเพียงคนเดียวในตอนนี้ คือ โอมารี เคลลีแมน ดาวรุ่งยังคงหายตัวไปเนื่องจากปัญหาบาดเจ็บเอ็นกล้ามเนื้อ และยังไม่มีกำหนดเวลาในการกลับมา อย่างไรก้ตาม เอ็นโซ่ มาเรสก้า นายใหญ่ทีม "สิงห์บลูส์" ซึ่งมองข้าม เจดอน ซานโช่ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แนวรุกที่ยืมตัวมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่พร้อมใช้งานเนื่องจากไม่สามารถเผชิญหน้ากับสโมสรแม่ของเขาได้ ดังนั้น เปโดร เนโต้ จึงควรยึดพื้นที่ตัวรุกทางด้านซ้ายอีกครั้ง และการกลับมาของ เนโต้ ควรเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงที่ มาเรสก้า สร้างขึ้นจากผลงานที่ย่ำแย่ในเกมคาราบาว คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งผลงานของ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ได้รับเสียงวิจารณ์จากแฟนๆ และผู้เชี่ยวชาญอย่างกว้างขวาง ดังนั้น โรมิโอ ลาเวีย จึงควรผนึกกำลังกับ มอยเซส ไกเซโด้ ในพื้นที่ใจกลางสนาม

ผลงาน 6 นัดหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด (LDDWDL)
เสมอ ปอร์โต้ 3-3 (ย) (ยูโรปา)
เสมอ แอสตัน วิลล่า 0-0 (ย)
ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 (ห)
เสมอ เฟเนร์บาห์เช่ 1-1 (ย) (ยูโรปา)
แพ้ เวสต์แฮม 1-2 (ย)
ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 5-2 (ห) (ลีกคัพ)

ผลงาน 6 นัดหลังของ เชลซี (WDLWWL)
ชนะ เกนท์ 4-2 (ห) (ยูโรปาคอนฯ)
เสมอ ฟอเรสต์ 1-1 (ห)
แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2 (ย)
ชนะ พานาธิไนกอส 4-1 (ย) (ยูโรปาคอนฯ)
ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-1 (ห)
แพ้ นิวคาสเซิ่ล 0-2 (ย) (ลีกคัพ)

ผลงานการพบกันของทั้งสองทีม
05/04/24    (PRL) Chelsea 4 - 3 Man.United
07/12/23    (PRL) Man.United 2 - 1 Chelsea
26/05/23    (PRL) Man.United 4 - 1 Chelsea
22/10/22    (PRL) Chelsea 1 - 1 Man.United
29/04/22    (PRL) Man.United 1 - 1 Chelsea
28/11/21    (PRL) Chelsea 1 - 1 Man.United
28/02/21    (PRL) Chelsea 0 - 0 Man.United

ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : อองเดร โอนาน่า - ดิโอโก้ ดาโลต์, มัตไธส์ เดอ ลิกต์, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, นูสแซร์ มาสราอุย - มานูเอล อูการ์เต้, คาเซมิโร่ - มาร์คัส แรชฟอร์ด, บรูโน่ แฟร์นานเดส, อเลฮานโดร การ์นาโช่ - ราสมุส ฮอยลุนด์

เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ - รีซ เจมส์, เวสลีย์ โฟฟาน่า, ลีวาย โควิลล์, มาโล่ กุสโต้ - โรเมโอ ลาเวีย, มอยเซส ไกเซโด้ - โนนี่ มาดูเอเก้, โคล พาลเมอร์, เปโดร เนโต้ - นิโคลัส แจ็คสัน

ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต โจนส์

แนวโน้มของเกม
แม้จะน่าเสียดายพอๆ กับที่ เชลซี อยู่ที่สนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค แต่ทีมเอของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็ควรจะแสดงเกมรุกได้มากกว่าทีมบีที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างแน่นอน และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในชั่วข้ามคืน

อย่างไรก็ตาม หากเกมกลางสัปดาห์เป็นตัวชี้วัดในสิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป เจ้าบ้านที่มีแนวรับเปราะบางจะโดนพายุเกมรุกของผู้มาเยือนถาโถมใส่ แต่สุดท้ายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่จะดำเนินไปอย่างดุเดือด ควรจบลงด้วยผลเสมอที่มีการยิงประตูเกิดขึ้นหลายลูก

ฟันธงโดย : I HEAR TOO
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 เชลซี